ทองใหม่
|
|
« ตอบ #90 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 06:28:37 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jeera
|
|
« ตอบ #91 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 06:40:57 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้ทานอะไรรึยังคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Someone love one Some one love two But I love one That One is...U (^?^)-?
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #92 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 06:55:25 AM » |
|
ขอบคุณค่ะ ทิศทางลง เต็มตัวทุกจุดค่ะ แต่ฟ้าเหลืองใกล้ 20 มีสิทธิ์เด้งได้บ้าง
ฮาฮา ดีใจสำหรับคนเตรียมซื้อทองแท่ง ใครกลัวทองจะกลับทิศทางขึ้น ก็ทะยอยซื้อได้นะครับ ไม่ว่ากัน ซื้อที่ละนิด ลงอีกซื้ออีก แบบนี้เขาเรียกว่าทะยอยซื้อจ้า หากอยากได้กำไรมากกว่านี้ ก็ยังไม่ต้องซื้อ คอยให้ลงมากกว่านี้ค่อยซื้อ แต่ก็ต้องเสี่ยงตกรถ หากทองกลับตัวขึ้นจ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #93 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 06:58:24 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้ทานอะไรรึยังคะ กำลังจะทานหนมปัง ไข่ดาว หมูแฮม+กาแฟสดจ้า แล้วคุณJeeraทานไรหรือยังจ๊า มาทานด้วยกันไหม ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jeera
|
|
« ตอบ #94 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 07:13:20 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้ทานอะไรรึยังคะ กำลังจะทานหนมปัง ไข่ดาว หมูแฮม+กาแฟสดจ้า แล้วคุณJeeraทานไรหรือยังจ๊า มาทานด้วยกันไหม ? เรียบร้อยแล้วค่ะ หนมปังๆๆ ไม่มี ไข่ดาว หมูแฮม+กาแฟสด งั้นเผื่อหมูแฮมกะไข่ดาวให้หนูด้วยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Someone love one Some one love two But I love one That One is...U (^?^)-?
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #95 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 07:15:45 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้ทานอะไรรึยังคะ กำลังจะทานหนมปัง ไข่ดาว หมูแฮม+กาแฟสดจ้า แล้วคุณJeeraทานไรหรือยังจ๊า มาทานด้วยกันไหม ? เรียบร้อยแล้วค่ะ หนมปังๆๆ ไม่มี ไข่ดาว หมูแฮม+กาแฟสด งั้นเผื่อหมูแฮมกะไข่ดาวให้หนูด้วยนะคะ ได้เลยยยยย อย่างนี้ละก้อได้เลยยย ฮาฮา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #97 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 09:07:38 AM » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 09, 2009, 09:24:23 AM โดย ทองใหม่ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #98 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 09:20:28 AM » |
|
ผมไปซื้อทองแท่งมาเมื่อวานนี้ราคา18350บาท วันนี้ติดดอยซะแล้ว !_cd อาจารย์ทองใหม่ว่าอย่างนี้จะติดดอยนานไหมครับราคามีสิทธิ์จะลงไปอีกเยอะไหมครับเผื่อจะรอช้อนอีกเพื่อเฉลี่ยดอย !_09 กระทิงเริ่มจะหมดแรงแล้วเหรอครับ !034สุดท้ายขอให้อาจารย์ทองใหม่มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ !01
อย่าวิตกไปเลยครับ เดี๋ยวเดียวทองก็ดีดขึ้น ผมบอกไว้หลายรอบแล้วไงครับ ว่าใกล้ปีใหม่และตรุษจีน ททองลงได้ก็คงไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงที่เทศกาลทองแพง ขอกระซิบบอกอีกนิดได้ไหม ต้องไปฝึกจิตให้แข็งแกร่งกว่านี้จะดีมากหากคิดจะเล่นทองนาน เพราะเวลาทองขึ้นหรือลงเป็นหลายสิบถึงร้อยเหรียญ หากเราเล่นผิดทาง โรคหัวใจจะถามหาเอาง่ายๆนา ด้วยความเป็นห่วงจ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #99 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 10:08:07 AM » |
|
ต่างชาติหวั่น "ดูไบ โฮลดิ้ง" บริษัทลงทุนส่วนตัวของเจ้าผู้ครองนครดูไบ อาจเดินตามรอย "ดูไบเวิลด์"
Posted on Wednesday, December 09, 2009 ต่างชาติ หวั่น"ดูไบ โฮลดิ้ง" ตามรอย "ดูไบเวิลด์"
ไทม์สออนไลน์ เปิดเผยว่า ธนาคารตะวันตกกำลังหวาดกลัวมากขึ้นว่าบริษัทดูไบ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการลงทุนส่วนตัวของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล-มักทูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ อาจเป็นบริษัทของรัฐบาลดูไบรายต่อไป ที่ผิดนัดชำระหนี้
หลังจากบริษัทดังกล่าวใช้จ่ายอย่างฟู่ฟ่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยกู้เงิน 12,000 ล้านดอลลาร์ไปใช้ในโครงการต่างๆ ของดูไบ ทั้งยังตั้งหน่วยงานลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นในเครือโรงแรมราคาถูก อย่างแทรเวลลอดจ์
แม้ทางโมฮัมเหม็ด เจอราวี ผู้บริหารดูไบ โฮลดิ้ง ปฏิเสธว่าบริษัทไม่มีปัญหา แต่เจ้าหน้าที่รายนี้เผยว่าบริษัทเพิ่งเริ่มปรับโครงสร้าง โดยแยกเป็น 4 แผนก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยวและโรงแรม การลงทุน การเขตเสรีการลงทุน ทั้งยังมีการปลดพนักงานไปหลายพันคน โดยเฉพาะที่บริษัทดูไบ พรอพเพอร์ตีส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้
นักวิเคราะห์ของบริษัทบาร์เคลย์ส แคปิตอล ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าบริษัทดูไบ โฮลดิ้ง เสี่ยงมากที่สุดที่จะผิดนัดชำระหนี้ ตามหลังดูไบ เวิลด์ เพราะมีสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์มากมาย ทั้งยังเคยเจอปัญหาหลากหลายช่วงปีที่ผ่านมา
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่งผลให้ ตลาดหุ้นดูไบร่วงหนักสุดในโลก เนื่องจากนักลงทุนวิตกข่าวปรับโครงสร้างดูไบ เวิลด์ โดยดัชนี DFM General Index ตลาดหุ้นดูไบดิ่งลงหนักสุดในรอบ 5 เดือน และทำสถิติร่วงลงหนักสุดเมื่อเทียบกับบรรดาตลาดหุ้นแห่งอื่นๆของโลก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการปรับโครงสร้างของบริษัท ดูไบ เวิล์ด โดยหุ้นเอมาร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ดิ่งลงหนักสุด
บริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 59,000 ล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งนับเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากทรัพย์สินของดูไบ เวิลด์ ครอบคลุมถึงหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่บริษัท เอ็มจีเอ็ม มิราจ ซึ่งเป็นบริษัทคาสิโนในลาสเวกัส ไปจนถึงธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, บริษัทค้าปลีกระดับหรูอย่าง บาร์นียส์ นิวยอร์ก และบริษัท อิสทิธมาร์ พีเจเอสซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชื่อดังระดับโลก
ตัวเลขขาดทุนบริษัทลูก Dubai World และอันดับเครดิตกรีซ ทำหุ้นป่วน
ตลาดหุ้น ราคาทองคำและน้ำมัน ปรับตัวลง ขณะเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รับข่าวบริษัทลูกของ Dubai World คือ Nakheel PJSC รายงานการขาดทุน 3,650 ล้านเหรียญ และข่าว Fitch Rating ปรับลดอันดับเครคิตของประเทศกรีซ นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันยังมาจากตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมันที่ลดลงผิดไปจากที่ตลาดคาด
บริษัท Nakheel ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ Dubai World และกำลังหาทางเข้าเจรจาต่อรองเรื่องหนี้ครั้งใหม่ ประกาศผลการขาดทุนงวดครึ่งปีแรกที่ 3,650 ล้านเหรียญ หลังจากรายได้ลดลงและยอดการล้างหนี้เสียที่เกิดจากการลดลงของมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ซึ่งจากข่าวนี้ก็ทำให้นักลงทุนส่งออเดอร์ขายหุ้นกลุ่มแบงก์เข้ามาทันที โดยเฉพาะหุ้นธนาคาร RBS หรือ Royal Bank of Scotland Group ที่ซื้อขายอยู่บนกระดานตลาดหุ้นลอนดอน และเป็นผู้จัดการและรับประกันเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของ Dubai World ราคาหุ้นก็ร่วงลงกว่า 7% ถัดจากข่าวความกังวล Dubai World มาดูที่สถานการณ์หนี้ของประเทศกรีซกันบ้าง ล่าสุด Fitch Ratings ก็ออกมาปรับลดอันดับเครดิตของประเทศลงมาอยู่ที่ระดับ ?BBB+? (ทริปเปิ้ลบี พลัส) ซึ่งจัดอยู่ในชั้น Investment grade ก่อนระดับต่ำสุด 3 ขั้น หลังจากที่ทาง S&P ออกมาเตือนว่าอาจจะมีการปรับลด credit rating ของประเทศลงจากระดับ ?A-? เมื่อวันก่อน ซึ่งแสดงถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีการ downgrade ในช่วงสองเดือนนับจากนี้
การปรับลดอันดับเครดิตของกรีซได้สะท้อนถึงปัญหาการขาดดุลงบประมาณภาครัฐที่สูงขึ้น จนกระทบต่อแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้
ในส่วนความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มที่ทองคำ ที่ราคา Gold Futures ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลง 2% มาอยู่ที่ 1,134 เหรียญต่อออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ขณะเดียวกัน ทางธนาคารกลางเกาหลีใต้ที่กำลังดำเนินการกระจายความเสี่ยงสำหรับเงินทุนสำรองของประเทศ ก็ออกมาบอกว่า การเข้าถือทองคำเพิ่มขึ้นไม่ใช่วิธีที่น่าสนใจ เมื่อดูจากธนาคารกลางอื่นๆ ที่ไม่ได้แสดงความสนใจเข้าซื้อ ขณะเดียวกัน ทองคำเองก็ไม่ได้ให้ผลตอบแทนออกมาในรูปเงินสดด้วย
ปิดท้ายที่น้ำมัน ราคาก็ขยับลงมุ่งหน้า 70 เหรียญเข้าไปทุกขณะ โดยราคาตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 1.8% มาที่ 72.6 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว หลายคนกำลังรอดูรายงานตัวเลขสต็อกที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะประกาศออกมาในวันนี้ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 500,000 บาร์เรลในสัปดาห์ล่าสุด
นักวิเคราะห์แห่ปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ? ยุโรป ปีหน้า
เป็นธรรมเนียมก่อนวันหยุดยาวช่วงสิ้นปี ที่บรรดานักวิเคราะห์จากค่ายต่างๆ ได้เวลาออกมาประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นในปีหน้า ซึ่งล่าสุดเป็นมุมมองของ strategist จาก Goldman Sachs Group ที่คาดว่าดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ อาจจะขยับขึ้นต่ออีกกว่า 10% ในปี 2010 ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ยอดขายของบริษัทที่เติบโต และการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินของนักลงทุนเข้ามาที่ตลาดหุ้น
S&P 500 มีโอกาสขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,250 จุดภายในสิ้นปี 2553 ตามการคาดการณ์ของโบรกเกอร์รายใหญ่จากนิวยอร์กแห่งนี้ โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ น่าจะพุ่งขึ้นถึง 33% อันเนื่องมาจากยอดขายที่เติบโตเกือบ 9% ขณะเดียวกัน ก็ประเมินว่านักลงทุน ที่รวมถึงนักลงทุนสถาบัน และบริษัทต่างๆ จะโยกย้ายเม็ดเงินกว่า 600,000 ล้านเหรียญเข้ามายังหุ้นสหรัฐฯ ในปีหน้าด้วย ซึ่งเทียบเท่ากับมูลค่าตลาด หรือ Market Cap ที่จะเพิ่มขึ้น 6%
นักเศรษฐศาสตร์ของโบรกเกอร์รายเดียวกันนี้ ยังให้ข้อสมมติฐานไว้ด้วยว่า เฟดจะยืนดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ หรือ ที่ระดับ 0 ? 0.25% ต่อไปจนถึงอย่างน้อยในปี 2012
ในรายงานยังบอกละเอียดถึงขนาดที่ว่า นักลงทุนอาจจะดึงเงินกลับออกจากตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เมื่อเริ่มมีความกังวลเข้ามาในเรื่องความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มเห็นกระบวนการหันทิศนโยบายการเงินมาเป็นแบบเข้มงวดจากธนาคารกลางมากขึ้น
นักกลยุทธ์รายเดิมประเมินว่า ผลของอัตรากำไรที่ทำได้อย่างต่อเนื่องหลังจากมีการปรับลดต้นทุนอย่างหนักหน่วง จะนำไปสู่ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในราวๆ ต้นปีหน้า และอาจจะดันให้ดัชนี S&P 500 วิ่งกระจัดกระจายขึ้นไปแตะระดับ 1,300 จุดได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ เขาก็ได้เตือนไว้ด้วยเช่นกันว่า คำทำนายดังกล่าวก็อาจต้องถูกโยนทิ้งถังขยะได้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางออก หรือ exit strategy เร็วกว่าที่คาดไว้
สำหรับตลาดหุ้นยุโรป ก็มีทางนักวิเคราะห์อีกค่าย อย่าง Bank of America ? Merrill Lynch Global Research ที่ล่าสุดออกมาประเมินว่า ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 ที่ใช้วัดราคาหุ้นของยุโรป อาจพุ่งขึ้นอีกกว่า 20% ในปี 2553 ด้วยสาเหตุผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หรือ ยังไม่แพงจนเกินไปนัก
มูดีส์ชี้เครดิตของสหรัฐ-อังกฤษอ่อนแอ
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศในวันนี้ว่า อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient AAA) ซึ่งถูกจัดว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant AAA) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
ทั้งนี้ มูดีส์ได้จัดอันดับเครดิต AAA ไว้ 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่กลุ่มต้านทาน (Resistant) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ดีทีสุด กลุ่มยืดหยุ่น (Resilient) ซึ่งเป็นกลุ่มรองลงมา และกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable) ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับในครั้งนี้มูดีส์ไม่ได้จัดประเทศใดให้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
มูดีส์กล่าวว่า ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงเมื่อเทียบกับ 16 สกุลเงินหลักๆที่เป็นคู่ค้าของอังกฤษ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้มูดีส์เห็นว่าอันดับเครดิต AAA ของอังกฤษจึงติดกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบยืดหยุ่น หรือ มีโอกาสที่จะชนขอบ AAA เนื่องจากอังกฤษถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก
มูดีส์ระบุว่า การพิจารณาจัดกลุ่มสถานะของทุกประเทศที่มีอันดับเครดิต AAA นั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงินเป็นหลัก โดยประเทศที่ติดกลุ่มต้านทานนั้น นอกเหนือจากแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสแล้ว มูดีส์ยังระบุว่านิวซีแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ก็ติดกลุ่มต้านทานด้วย
จากข้อมูลขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) พบว่า หนี้สาธารณะของอังกฤษมีแนวโน้มพุ่งแตะ 89.3% ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2553 จากปีนี้ที่ระดับ 75.3% ขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งแตะ 97.5% ของกิจกรรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2553 จากปีนี้ที่ระดับ 87.4%
ทั้งนี้ มูดีส์มองว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐยังไม่มากพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดแรงงานสหรัฐต้นปีหน้ามีแววสดใส
ผลสำรวจเผยนายจ้างในสหรัฐมีแผนปรับเพิ่มการจ้างพนักงานเป็นครั้งแรกในรอบปีในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มมีความเชื่อมั่นด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ที่ลดลงน้อยสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2550 ด้วยตัวเลขที่ลดลงเพียง 11,000 ตำแหน่ง
ผลสำรวจแนวโน้มการจ้างงานล่าสุดที่จัดทำโดย แมนพาวเวอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลระดับโลกบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6 จุดจากที่ติดลบ 2 จุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพราะหลายบริษัทเริ่มเห็นถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ และคาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นแม้ว่าจะอัตราการขยายตัวจะไม่พุ่งสูงพรวดพราดมากก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ชี้ว่าวิกฤตการณ์ในตลาดแรงงานที่เลวร้ายที่สุดหลักยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจสิ้นสุดลงแล้ว หลังอัตราว่างงานสหรัฐในเดือนพ.ย.ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ระดับ 10.2% ในเดือนต.ค.มาอยู่ที่ 10% ในเดือนพ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ในแง่บวก และเริ่มที่จะดีดตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยดัชนีการจ้างงานของแมนพาวเวอร์เริ่มดีขึ้น ขณะที่หลายบริษัทเริ่มเบนเข็มจากการลดตั้งเป้าลดจำนวนพนักงานมาเป็นการคงตำแหน่งพนักงานไว้ตามเดิม ซึ่ง 73% ของนายจ้างที่ทำการสำรวจคาดว่า จำนวนพนักงานในไตรมาสแรกของปีหน้าจะเริ่มคงที่ ขณะที่ 12% คาดว่าจะมีการเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น และ 12% คาดว่าจะยังคงปลดพนักงาน
นอกเหนือจากสหรัฐที่มีแนวโน้มการจ้างงานที่ดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้าแล้ว ตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เช่น จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และออสเตรเลียก็มีทิศทางที่สดใสเช่นกัน ต่างจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น เม็กซิโก สเปน และไอร์แลนด์ที่มีแนวโน้มการจ้างงานซบเซามากที่สุด
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งแรกในเดือนธ.ค.2550 เศรษฐกิจในประเทศต้องสูญเสียแรงงานไปแล้วถึง 7.2 ล้านราย
ไต้หวันคาดบริษัทจีนเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวันปีหน้า
ประธานตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันเผยบริษัทสัญชาติจีนอาจเริ่มดำเนินการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวันในปีหน้า
ในขณะที่จีนและไต้หวันเตรียมเจรจากรอบการทำงานด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECFA) ในเดือนนี้ หลังจากที่บรรลุข้อตกลงทางการค้ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประธานตลาดหุ้นไต้หวันกล่าวว่า หากจีนและไต้หวันสามารถลงนามข้อตกลง ECFA ได้ภายในปีหน้า ก็นับเป็นโอกาสดีที่บริษัทจากจีนจะเข้ามาจดทะเบียนในไต้หวัน
ไต้หวันและจีนหวังว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปี 2553 ซึ่งการบรรลุข้อตกลงทางการค้าของจีนและไต้หวันจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงการให้บริการในธนาคาร ประกันภัย และบริษัทหลักทรัพย์ระหว่างกันได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันที่เคยตึงเครียดในสมัยของประธานาธิบดีเฉินสุ่ยเปียน เริ่มพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่นายหม่า อิง-จิว ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อเดือนพ.ย.2551
ในปีนี้ ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันพุ่งสูงขึ้นถึง 69% ทำสถิติขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 16 ปี ซึ่งเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2534 หลังจากที่ไต้หวันอนุญาตให้จีนสามารถเข้ามาลงทุนในดินแดนของไต้หวันได้นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง
ญี่ปุ่นประกาศอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 7 ล้านล้านเยน
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่มูลค่า 7.2 ล้านล้านเยน(8.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
มาตรการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ ศก.กลับเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ญี่ปุ่นยังประสบกับภาวะเงินฝืด และค่าเงินเยนที่แข็งค่ากดดันภาคส่งออก โดยการตัดสินใจมีขึ้นหลังจากเมื่อพรรคดีพีเจได้เสนอให้เพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่จากเดิมที่ 7.1 ล้านล้านเยน เป็น 7.2 ล้านล้านเยน และมีขึ้นหลังจากพรรคพีเพิล นิวปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเรียกร้องให้รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณมากขึ้น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่มูลค่า 7.2 ล้านล้านเยนจะมุ่งเน้นในการกระตุ้นการจ้างงาน ช่วยเหลือสถาบันการเงินขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมทั้งกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคด้วยการสนับสนุนให้มีการซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บีโอเจได้ตัดสินใจอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินมูลค่า 10 ล้านล้านเยน พร้อมจัดสรรเงินทุนสำรองรอบใหม่เพื่อใช้ต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อในยามที่ญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ภายใต้มาตรการใหม่นี้ บีโอเจจะปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.1% ให้กับสถาบันการเงินต่างๆเป็นเวลา 3 เดือน รวมถึงการออกพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ภาคเอกชน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 9 ธ.ค. 2552) ? ตัวเลขภาคค้าส่ง (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #100 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 10:09:45 AM » |
|
Daily Update 09-12-52
09 ธ.ค. 2552
gold Market Commentary ประเด็นสำคัญ ? ทองปิดร่วงหนักหลังดอลล์บวก หลังทำสถิติสูงสุดที่ 1,226.37 ? ดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรเป็นวันที่ 3 ? น้ำมันดิบปิดร่วง 1.31 ดอลล์ขณะดอลล์แข็งค่า ? กังวลศก.กดดาวโจนส์ปิดร่วง 104 จุด
ปิดตลาดต่ำลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันอังคาร โดยร่วงลงต่ำกว่า 1,130 ดอลลาร์/ออนซ์ ในขณะที่การพุ่งขึ้นของดอลลาร์ กระตุ้นให้นักลงทุนทองที่มีความวิตก ลดโพสิชันลงอย่างมากก่อนสิ้นปี จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 1,170.20 ดอลลาร์ และหลังปิดตลาดสัญญาส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลงต่อเนื่องสู่จุดต่ำสุดที่ 1,125.30 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ทองได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ของกรีซ หลังรายงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ระบุว่า ธนาคารของกรีซเผชิญกับความเสี่ยงมากที่สุดในยุโรปตะวันตก และนักลงทุนกล่าว ว่า นั่นทำลายความหวังที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนในระยะใกล้ ความวิตกต่อปัญหาหนี้ของดูไบที่เกิดขึ้นมาใหม่สกัดความต้องการความเสี่ยงด้วย ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนปิดสถานะการทำ carry trade ซึ่งเป็นการกู้ดอลลาร์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เยนพุ่งขึ้นเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนลดการทำ carry trade โดยใช้เยน และมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสทำให้เกิดความกังวลเมื่อระบุว่า วิกฤตการคลังในหลายประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงนั้น อาจดำเนินต่อไป "อีกหลายปี กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,116.247 ตัน ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2552 กลยุทธ์ : ได้เกิดสัญญาณขายเกิดขึ้นอาจจะลดการถือทองไว้ในมือ เพื่อลดความเสี่ยงของราคาทองอาจจะปรับตัวลงต่อเนื่อง ราคาทองอาจจะปรับลงได้อีกถึง 4 วันทำการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soda
|
|
« ตอบ #101 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 10:45:28 AM » |
|
สวัสดีคะ คุณทองใหม่ เข้าบ้านโน้นไม่ได้เลยคะ ทองก็ลง เฮ้อ แถมมีก้อน 19000 ด้วยคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #102 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 11:11:43 AM » |
|
สวัสดีคะ คุณทองใหม่ เข้าบ้านโน้นไม่ได้เลยคะ ทองก็ลง เฮ้อ แถมมีก้อน 19000 ด้วยคะ
เข้าไม่ได้เหมือนกันครับ เซงเลย....ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวปีใหม่ตรุษจีนก็มีกำไรครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #103 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 12:01:12 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #104 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2009, 12:03:05 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|