|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2009, 05:20:37 PM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 06:16:40 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jeera
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 06:33:42 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Someone love one Some one love two But I love one That One is...U (^?^)-?
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 07:09:42 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่ สวัสดียามเช้าจ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 07:14:23 AM » |
|
ทองคำปิดลบ 5.50 ดอลล์ วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552 07:12
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง นักลงทุนเทขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,164.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,166.20-1,136.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.360 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 16.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.85 เซนต์ ปิดที่ 3.209 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,444.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 375.25 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.05 ดอลลาร์
ในช่วงเช้านั้นสัญญาทองคำทะยานขึ้นถึง 33 ดอลลาร์เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเพราะถูกกดดันจากการที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัญหาต่างๆ รวมถึงภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ยังคงเป็นปัจจัยที่เหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ปานกลางเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การที่เบอร์นันเก้ระบุว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนัก และช่วยพยุงสัญญาทองคำไม่ให้ปิดลบมากนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
mamai
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 237
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 08:16:07 AM » |
|
สวัสดีตอนเช้าครับคุณทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 08:25:24 AM » |
|
สวัสดีตอนเช้าครับคุณทองใหม่ หวัดดีจ้า.............
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 09:48:22 AM » |
|
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หวั่นเศรษฐกิจทรุด ส่งผลนักลงทุนขายหุ้น
Posted on Tuesday, December 08, 2009 ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หวั่นเศรษฐกิจทรุด ส่งผลนักลงทุนขายหุ้น
คำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ Ben Bernanke ที่ Washington Economic Club ฉุดให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเฉพาะสิ่งที่เขาบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับอุปสรรคที่ยากจะจัดการ อย่างเช่น ปัญหาการว่างงานและภาวะสินเชื่อตึงตัว ที่นับวันจะมีโอกาสขยายขอบเขตออกไปมากขึ้น ขณะที่เรื่องอัตราเงินเฟ้อ Bernanke มองว่า จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป หรือแม้แต่จะลดลงเสียด้วยซ้ำ
นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นต่อมุมมองของประธานเฟดที่มีออกมาในคราวนี้ว่า อาจเป็นเพราะความไม่แน่ใจที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตต่ำกว่าปกติในการฟื้นตัวรอบนี้ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดน่าจะอยู่ที่ระดับปัจจุบัน หรือศูนย์เปอร์เซนต์ต่อไป และทั้งหมดก็น่าจะขึ้นกับอยู่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มีมากในตอนนี้
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงินออกมา หลังคำกล่าวของ Bernanke ทำให้ไปลบล้างการปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P 500 ที่ก่อนหน้านั้นบวกขึ้นได้ถึง 0.4% หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง 1.6% นำโดย Wells Fargo ที่ร่วงลงไป 2.2% JPMorgan ปรับตัวลง 1.2% และ Bank of America ลดลง 2.4%
รายงานของบริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ บริษัท Real Estate Econometrics เปิดเผยว่า ยอดการผิดนัดคืนเงินกู้ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อพาร์ทเมนท์ และผู้พัฒนาโครงการบ้าน มีตัวเลขเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ที่อัตรา 3.4% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทคาดว่าอัตราการผิดนัดนี้อาจพุ่งขึ้นแตะ 5.3% ภายในสองปีจากนี้ด้วย
รายงานดังกล่าวก็ทำให้เกิดความกังวลว่า ผลกระทบจะตกอยู่ที่ธนาคารที่มีขอบเขตการให้บริการเฉพาะลูกค้าในภูมิภาค แทนที่จะเป็นธนาคารขนาดใหญ่ต่างๆ เนื่องจากสินเชื่อของธนาคารภูมิภาคที่ปล่อยออกไปส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในธุรกิจ property ประเภทที่ว่านี้
นอกจากแรงขายหุ้นแบงก์เมื่อคืนนี้แล้ว หุ้นพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ถูกกดดันเช่นกัน สาเหตุหลักเป็นเพราะราคาน้ำมันที่ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยราคาปิดตลาดนิวยอร์กอยู่ที่ 73.93 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 1.5 เหรียญ หรือราว 2%
ผลสำรวจชี้ธุรกิจค้าปลีกอเมริกาจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.
ล่าสุดผลสำรวจสภาวะการจ้างงานของบรรดาห้างร้านต่างๆ ในอเมริกา ที่รวมไปถึงร้านอาหาร ภัตตาคาร และร้านค้าเฉพาะทางทั้งหลายในเดือนพฤศจิกายน ออกมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปีนี้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณแสดงความหวังที่ธุรกิจค้าปลีกฝากไว้กับผู้บริโภคที่น่าจะยอมควักเงินซื้อของกันมากขึ้น
รายงานดังกล่าวก็เป็นของผู้ผลิตซอฟท์แวร์ บริษัท Kronos ที่ทำการรวบรวมตัวเลขเปอร์เซนต์การจ้างงานของร้านค้าประเภทที่กล่าวมา หลังจากตัวเลขใบสมัครงานในเดือนที่แล้วร่วงลงมาที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ด้วยจำนวนใบสมัคร 1.27 ล้านฉบับ และพลิกสถานการณ์จากที่เคยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง 10 เดือนติดต่อกัน
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทซอฟท์แวร์รายนี้บอกว่า ตัวเลขล่าสุดเป็นเครื่องยืนยันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างช้าๆ หลังสภาวะวิกฤติ ด้วยข้อมูลการสำรวจที่บริษัทครอบคลุมถึง 68 บริษัท และจำนวนสาขากว่า 27,034 แห่งทั่วสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เขากลับตั้งข้อสังเกตว่า ผลสำรวจของเดือนที่แล้วอาจเป็นอานิสงส์ผ่านมาจากเดือนตุลาคม ที่ผู้ประกอบการชะลอการจ้างงานใหม่ออกไป จนทำให้ตัวเลขส่วนหนึ่งตกมาเป็นของเดือนล่าสุด
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ก็เพิ่งรายงานอัตราการว่างงานแผ่วลงมาอยู่ที่ระดับ 10% ในเดือนพฤศจิกายน หลังขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 26 ปี ที่ 10.2% ในเดือนตุลาคม ท่ามกลางความกังวลและไม่มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีหรือร้ายอย่างไรต่อไปในปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่าจากเหตุการณ์ในปี 2550 และ 2551 ทำให้เจ้าของกิจการส่วนหนึ่งยังคงมีฝันร้ายและฝังใจอยู่กับสภาวะสต็อกสินค้าคงค้างที่มีอยู่จำนวนมาก ขณะพนักงานส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ และของก็ขายออกยาก
ซอฟท์แวร์ของบริษัท Kronos นี้ ก็ครอบคลุมนับตั้งแต่กระบวนการจ้างงาน บัญชีเงินเดือน และการบริหารงานบุคคล โดยบริษัทอ้างว่า ลูกจ้างของธุรกิจในสหรัฐฯ ที่ใช้ซอฟท์แวร์นี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 15% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในธุรกิจค้าปลีกของประเทศอีกด้วย
เปิดฉากประชุมโลกร้อน โคเปนเฮเกน
ผู้แทนจาก 192 ชาติทั่วโลก เดินทางถึงเมืองหลวงของเดนมาร์ก เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยจัดมา โดยการประชุมจะเริ่มในวันนี้ และไปสิ้นสุดในวันที่ 18 ธันวาคม
กองทัพสื่อมวลชนจากทุกสารทิศก็คาดว่าจะร่วมติดตามการประชุมครั้งนี้มากกว่า 5,000 คน เช่นเดียวกับนักเคลื่อนไหวนับหมื่นคนที่จะไปแสดงออกถึงความคิดเห็นและเสนอแนะถึงการแก้ไขปัญหาโลกร้อน
ทางการเดนมาร์กมุ่งหวังให้การประชุมครั้งนี้ บรรลุเป้าหมายเรื่องข้อตกลงที่มีผลผูกพันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทนที่พิธีสารเกียวโต ซึ่งจะหมดอายุลงในปี 2555
ตัวเลขล่าสุดที่เชื่อมโยงกับเอเชีย โดยสถาบันทรัพยากรโลกจัดอันดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ 186 ประเทศโดยอ้างอิงข้อมูลปี 2548 ปรากฏว่าไทยปล่อยมากเป็นอันดับที่ 24 ของโลก และปล่อยต่อหัวประชากรมากเป็นอันดับที่ 71 ของโลก
และก็เป็นไปตามคาดว่าจีนเป็นประเทศที่ปล่อยมากที่สุดในโลก 7,219.2 เมตริกตัน (1 เมตริกตันเท่ากับ 1,000 กิโลกรัม) คิดเป็น 19.12% ของการปล่อยทั้งโลก /
สหรัฐเป็นประเทศปล่อยมากเป็นอันดับ 2 ของโลก 6,963.8 เมตริกตัน คิดเป็น 18.44% ของการปล่อยทั้งโลก
สหภาพยุโรป 27 ประเทศ ปล่อยรวม 5,047.7 เมตริกตัน คิดเป็น 13.37% ของการปล่อยทั้งโลก
รัสเซียปล่อยมากเป็นอันดับ 4 ของโลก 1,960 เมตริกตัน 5.19% ของโลก
อินเดียปล่อยมากเป็นอันดับ 5 ของโลก 1,852.9 เมตริกตัน ร้อยละ 4.91 ของโลก
โอบามาจะเข้าร่วมการประชุมโลกร้อนวันที่ 18 ธ.ค. 52
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า นายบารัค โอบามา จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในวันสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18 ธ.ค. ต่างจากกำหนดการณ์เดิมที่ผู้นำสหรัฐวางแผนจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อร่วมมือกับนานาประเทศผลักดันกรอบการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
โรเบิร์ต กิบส์ โฆษกของทำเนียบขาวกล่าวว่า ท่านประธานาธิบดีเชื่อว่า ความเป็นผู้นำของสหรัฐจะมีส่วนผลักดันที่เป็นผลดีกับการประชุมในวันที่ 18 ธ.ค. และจากการดำเนินการทางการทูตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็พบว่า หลายๆประเทศให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ขณะที่ผู้จัดการกรีนพีซไม่พอใจประเทศพัฒนาแล้วไม่ใส่ใจแก้ปัญหาโลกร้อนเท่าที่ควร มาร์ติน ลอยด์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารของกรีนพีซ แสดงความผิดหวังที่ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ลงมือดำเนินการเพียงพอที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมกับยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศสที่ไม่ตั้งเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเพียง 5% นับตั้งแต่ปี 2533
กรีนพีซได้ติดรูปภาพผู้นำของประเทศพัฒนาแล้วรอบๆสนามบินกรุงโคเปนเฮเกนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังขององค์กร
ลอยด์ย้ำกับประเทศพัฒนาแล้วให้ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาทั้งในการสนับสนุนด้านต่างๆและเงินทุน เพื่อให้ประเทศเหล่านี้สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายได้อย่างแท้จริง แทนที่จะเรียกร้องให้แสดงคำมั่นสัญญาแต่เพียงอย่างเดียว พร้อมกับได้แสดงความชื่นชมจีนที่เสนอเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลง 40-45% ภายในปี 2563 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเจรจาต่อรอง
ซาอุฯ ส่งสัญญาณคงโควตาการผลิตในการประชุม 22 ธ.ค. นี้
นายอาลี อัล ไนยมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ขณะที่ชาติสมาชิกรายอื่นๆของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดว่า โอเปคจะยังไม่เปลี่ยนแปลงโควต้าการผลิตในการประชุมวันที่ 22 ธ.ค.นี้ที่ประเทศแองโกลา
ทั้งนี้ นายอาลีกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมกับแสดงความเห็นว่าตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ และภาวะผันผวนในตลาดก็อยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง
ก่อนหน้านี้นายอับดุลเลาะห์ บิล อาหมัด อัล อัตติยะห์ รมว.พลังงานของกาตาร์ออกมาส่งสัญญาณว่า โอเปคอาจจะไม่ปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมวันที่ 22 ธ.ค.นี้
ขณะที่รัฐมนตรีน้ำมันคูเวตคาดว่ากลุ่มโอเปคจะตรึงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับเดิม แต่จะผลักดันให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามโควต้าการผลิตอย่างเคร่งครัดมากขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.
กลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ 35% ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกได้คงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม 24.845 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยโอเปคกล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจคงเป้าหมายการผลิตไว้เท่าเดิมก็เพราะตลาดน้ำมันดิบอยู่ในภาวะ "โอเวอร์ซัพพลาย" และหลายประเทศมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการให้สัมภาษณ์ของรมว.กลุ่มโอเปคในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าโอเปคมีท่าทีพอใจกับราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับปัจจุบัน จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าในการประชุมครั้งนี้ โอเปคจะคงเป้าหมายการผลิตไว้ที่ 24.845 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ กลุ่มโอเปคยังทราบดีว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ใน 'ระยะฟื้นตัว' หากโอเปคลดโควต้าการผลิตในช่วงนี้ก็นับเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ราคาน้ำมันตกอยู่ในสภาวะที่ควบคุมไม่ได้
ขณะที่การประชุมองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอาหรับ (OAPEC) ครั้งที่ 83 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโอราน ประเทศอัลจีเรีย เปิดเผยว่า อัตราการลงทุนด้านพลังงานระหว่างประเทศหดตัวลง 20% โดยเฉพาะการลงทุนด้านการวิจัยและสำรวจแหล่งน้ำมัน เพราะถูกกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลก
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นเหมือนกันว่า ราคาน้ำมันที่ระดับต่ำเกินไปจะส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันซบเซาลง อีกทั้งจะเป็นเหตุให้มีการเลื่อนหรือระงับโครงการลงทุนด้านพลังงาน ซึ่งในเรื่องนี้นายอาลี ฮัสซัน บิน อาลี มีร์ซา รมว.พลังงานบาห์เรนกล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลถือเป็นระดับที่เหมาะสมและน่าดึงดูดใจสำหรับบริษัทพลังงงาน แต่หากราคาน้ำมันหล่นลงมาอยู่ที่ระดับ 40 ดอลลาร์จะส่งผลให้การลงทุนหดตัวลงด้วย
จีนยืนยันคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในปีหน้า
จีนประกาศจะคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายสินเชื่อแบบผ่อนคลายต่อไปในปีหน้า เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ขณะเดียวกันก็จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
บรรดาผู้นำระดับสูงของจีน ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้กล่าวปิดการประชุม Central Economic Work Conference ประจำปีที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ ด้วยการให้คำมั่นว่า จีนจะใช้นโยบายการคลังในเชิงควบคุมสถานการณ์ และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลางต่อไปในปีหน้า เพื่อรับประกันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะมีความต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ
ผู้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับมณฑล ยังเห็นพ้องกันด้วยว่า จะเพิ่มความพยายามในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยชี้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้จีนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ จากปัจจุบันที่มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมซึ่งรัฐให้การสนับสนุน ไปเป็นการกระตุ้นอุปสงค์และส่งเสริมการบริโภคในประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นปีละครั้ง โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 - 7 ธ.ค. เพื่อกำหนดรูปแบบหรือทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจในปีหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนช่วยเหลือการเงินแก่ JAL
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนให้การช่วยเหลือด้านการเงินแก่สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก
รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้หลักประกันเงินกู้ราว 7,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 250,000 ล้านบาทแก่สถาบันการเงินที่จะจัดสรรเงินกู้ให้แก่เจแปน แอร์ไลน์ โดยรัฐบาลจะจัดสรรเงินกองทุนจำนวนนี้ผ่านงบประมาณพิเศษซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติได้ในสัปดาห์นี้
แผนการรับประกันเงินกู้นี้ มีจุดประสงค์เพื่อหวังให้ JAL รอดพ้นจากการต้องระงับตารางบินเนื่องจากขาดแคลนเงินทุนในการดำเนินการ
หลังจากมีรายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่าเจแปน แอร์ไลน์ ขาดทุนติดต่อกันมาแล้วถึง 4 ไตรมาส อันเป็นผลจากอยู่ในช่วงขาลงของอุตสาหกรรมการบินโลก การจัดการที่ผิดพลาด รวมทั้งภาระในการจ่ายเงินบำนาญก้อนโต
ล่าสุดทางรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งนำโดย ยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่มูลค่า 24.3 ล้านล้านเยนสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งเป็นการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรกนับตั้งแต่ได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำในการบริหารประเทศเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินมหาศาลสำหรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ ยังเป็นข้อกังขาของ บางกลุ่มในพรรคร่วมรัฐบาลว่า งบประมาณมูลค่า 24.3 ล้านล้านเยนถือเป็นเม็ดเงินที่มากเกินไปในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 09:57:16 AM » |
|
Daily Update 08-12-52
08 ธ.ค. 2552
Gold market Commentary ประเด็นสำคัญ ? ทองปิดลบ หลังทำสถิติสูงสุดที่ 1,226.37 ดอลล์/ออนซ์ ? ดอลล์พุ่งเทียบยูโร, วาทะ"เบอร์นันเก้"สกัดดอลล์แข็งค่า ? กังวลศก.กดน้ำมันดิบปิดร่วง 1.54 ดอลล์ ? ระวังแรงซิ้อลดลงในช่วงสิ้นสุดปี
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดต่ำลงเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของวัน ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า หลังจากที่คำกล่าวของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสักระยะ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,164.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,166.20-1,136.10 ดอลลาร์ ถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้ช่วยหนุนตลาดหุ้นให้ไต่ขึ้นและกดดันดอลลาร์ให้ร่วงลงในช่วงแรก แต่นักลงทุนปรับสถานะการลงทุนในเวลาต่อมา ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับ "อุปสรรคที่น่ากลัว" ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงานที่อ่อนแอและภาวะสินเชื่อตึงตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เฟดได้ดำเนินความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วก็ตา นักวิเคราะห์ระบุว่า เม็ดเงินที่โอนกลับเข้าประเทศช่วงปลายปีกำลังหนุนดอลลาร์ และอาจจะมีเม็ดเงินโอนกลับเข้าประเทศมากขึ้นในอนาคต ยูโรแทบไม่มีปฏิกริยาต่อข่าวการลดลงผิดคาดของคำสั่งซื้อภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วนจากการทบทวนปรับเพิ่มข้อมูลเดือนก.ย. นักลงทุนในยูโรยังแทบไม่มีปฏิกริยาต่อความเห็นจากนายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งกล่าวว่า เศรษฐกิจเขตยูโรกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,131.49 ตัน ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2552 เพิ่มขึ้น 0.276 ตัน หรือ 0.02% จากวันที่ 2 ธันวาคม 2552 กลยุทธ์ : ได้เกิดสัญญาณขายเกิดขึ้นอาจจะลดการถือทองไว้ในมือ เพื่อลดความเสี่ยงของราคาทองอาจจะปรับตัวลงต่อเนื่อง ราคาทองอาจจะปรับลงได้อีกถึง 5 วันทำการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|