Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 7--11/12/2009  (อ่าน 12066 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #120 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2009, 08:03:55 PM »

สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ ขอบคุณสำหรับกราฟนะคะ

ตอนนี้หนูติดดอยน้ำมันอยู่ค่ะ สูงลิบลิ่ว

ได้แต่คอยให้มันขึ้น  Azn Azn Azn
น้ำมัน? เล่นอย่างไง? เล่นที่ไหนครับ
สวัสดีค่ะ
นู๋จัยก้อติดดอยค่ะสูงไม่สูงไม่รู้น้ะค่ะ ของK-oil ค่ะ แบงค์กสิกรค่ะ Cry ต้องกินมาม่าก้อน้ำมันนี่แหล่ะค่ะ Cry กินข้าวหรือยังค่ะ Cheesy
ทานแล้วครับ ดอยน้ำมันผมว่าไม่น่ากลัวหรอกครับ ผมกลัวแต่น้ำมันสูงกว่าดอย ชาวโลกตาดำๆหรือตาสีฟ้าหรือตาสีอะไรก็ตาม จะเดือดร้อยแม้มาม่าก็ไม่มีให้ทานหนะครับ ฮาฮา
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #121 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 06:43:25 AM »

 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #122 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 06:45:05 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #123 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 06:47:38 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้


บันทึกการเข้า
mamai
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



« ตอบ #124 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 08:00:16 AM »

ขอบคุณมากครับ คุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ขอให้แข็งแรงมากๆๆๆครับ  Azn
บันทึกการเข้า

"ไม่เชื่อต้องศึกษา   ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #125 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 09:16:57 AM »

ทองคำปิดบวก5.30$ 
 วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 08:00

สัญญาทองคำปิดบวกนักลงทุนซื้อเก็งกำไรคึกคักเชื่อปลอดความเสี่ยง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,126.20 ดอลลาร์/ออนซ์ บวก 5.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,121.80-1,137.70 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 17.188 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.05 เซนต์ ปิดที่ 3.103 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,424.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 15.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 365.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 0.45 ดอลลาร์
         
แม้สัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่สดใสได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อเก็งกำไรในสัญญาทองคำเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับภาวะเปราะบาง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #126 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 10:40:15 AM »

แบงก์ชาติอังกฤษยืนยันอัดฉีดสภาพคล่องอีก 2 แสนล้านปอนด์ ขณะที่สวิสเตรียมถอนมาตรการ

Posted on Friday, December 11, 2009
แบงก์ชาติอังกฤษยืนเป้าอัดฉีดสภาพคล่อง ขณะที่สวิสเตรียมถอนมาตรการ

ธนาคารกลางอังกฤษก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ประกาศยึดแนวนโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจไว้อย่างเดิม ด้วยการยืนแผนการเข้าซื้อพันธบัตรในวงเงิน 200,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 326,000 ล้านเหรียญไว้ต่อไป ทั้งหมดก็เพื่อทำให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถหลุดพ้นบ่วงวิกฤติการเงินได้แล้วจริงๆ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ที่มีนาย Mervyn King นั่งเป็นประธาน มีมติให้ยืนเป้าหมายมาตรการอัดฉีดเงินซื้อสินทรัพย์ไว้ตามเดิม ซึ่งก็ไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจของตลาดแต่อย่างใด และพร้อมกันนั้น ยังได้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 0.5% อีกด้วย

ผู้ดำเนินนโยบายเคยส่งสัญญาณไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกลับมานั่งทบทวนนโยบายอีกครั้งน่าจะอยู่ในช่วงราวเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อมีความเป็นไปได้ว่าจะมีตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายๆ ตัวออกมาดูดีขึ้น จนต้องมีการปรับคาดการณ์กันใหม่อีกครั้ง

เช่นเดียวกับทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง Alistair Darling ที่แสดงความเห็นสอดคล้องกันว่า เขายังต้องการสนับสนุนเศรษฐกิจจนกระทั่งเห็นการฟื้นตัวอย่างจริงจัง ขณะนักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Investec Securities ในลอนดอน มองว่า MPC กำลังอยู่ในโหมด ?wait and see? นั่นคือ การรอดูจังหวะเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการชักกลับนโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจที่เข้มข้นนี้ ซึ่งที่แน่ๆ ก็คือจะไม่มีการเสริมเพิ่มเติมมาตรการช่วยสภาพคล่องใดๆ ออกมาหลังจากนี้ ในเมื่อทุกอย่างกำลังมีแนวโน้มดีขึ้น

และขณะที่ BOE ยังคงแผนการอัดฉีดเงินซื้อสินทรัพย์อยู่ ณ เวลานี้ ธนาคารกลางอีกแห่งในยุโรป คือ Swiss National Bank หรือ ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ ล่าสุดก็ได้ออกมาประกาศว่าจะหยุดการเข้าซื้อพันธบัตรเอกชน ตามอย่างแบงก์ชาติของประเทศอื่นๆ ที่ส่งสัญญาณถอนมาตรการช่วยเหลือฉุกเฉินทั้งหลาย ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสวิสยังประกาศคงดอกเบี้ย Libor เป้าหมายไว้ที่ 0.25% ตามเดิม ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

สำหรับสวิส เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้อีกครั้ง ที่ระดับ 0.3% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสภาวะถดถอยที่ดำเนินมายาวนานกว่าหนึ่งปี ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของประเทศก็กำลังบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี เมื่อดูจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่บวกขึ้นได้เป็นเดือนที่ 7 แล้ว และตัวเลขภาคการผลิตก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน


ตัวเลขดุลการค้าและการใช้สวัสดิการแรงงานหนุนหุ้นสหรัฐฯ บวก

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียยังเผชิญแรงกดดันในเรื่องค่าเงินแข็งจะกระทบภาคส่งออก และการที่จีนออกมาประกาศใช้มาตรการสกัดฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ก็ออกมาสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรายงานการขาดดุลการค้าที่ลดลง หรือจำนวนแรงงานที่เข้าขอรับสวัสดิการว่างงานจากรัฐที่ลดลงในช่วง 4 สัปดาห์ล่าสุด

นักลงทุนกวาดซื้อหุ้นใหญ่ที่นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดี อย่างเช่น ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ อย่าง Oracle ที่นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs บอกว่า บริษัทอาจจะมีการเปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจที่สดใสมากขึ้นอีกในวันที่รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในกลางเดือนนี้ ขณะที่หุ้นอีกตัวในธุรกิจบันเทิง อย่าง Disney นักวิเคราะห์จาก Sanford C. Bernstein ก็ประเมินว่า บริษัทเจ้าของสวนสนุกระดับโลกรายนี้จะเพิ่มการซื้อคืนหุ้นอีกครั้งในปีงบประมาณ 2010 ด้วยจำนวน 58.5 ล้านหุ้น ในเวลาเดียวกัน ยังได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายในปี 2009 และ 2010 ขึ้นอีกด้วย

หุ้นในธุรกิจน้ำอัดลม อย่าง Coca-Cola เมื่อคืนนี้ ก็บวกขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน เมื่อผู้ค้ารายใหญ่ คือ บริษัท Costco Wholesale บอกว่า จะเริ่มกลับมาสต็อกสินค้าเครื่องดื่มยี่ห้อนี้อีกครั้ง นอกจากนั้น นักลงทุนยังสนใจหุ้นที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ที่รวมถึงธุรกิจจัดส่งพัสดุ เช่น FedEx และ United Parcel Service หรือ UPS ด้วยเช่นกัน

และแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงขยับดีขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีนักวิเคราะห์บางรายที่ยังมองในแง่ลบ รายล่าสุด คือ นาย Alan Shaw อดีตนักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Citigroup ที่ประเมินว่า วงจรตลาดขาลงในรอบใหญ่ (Bear Market) ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2543 ยังไม่สิ้นสุดลงดีในตอนนี้ และอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าตลาดจะกลับมาบูมอีกครั้งในช่วง 5 ปีหลังจากนี้

ที่แย่กว่านั้นอดีตนักวิเคราะห์ที่เคยติดโผขวัญใจนักลงทุนสถาบันผู้นี้ก็มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นของอเมริกาอาจจะร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดได้อีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะหันทิศกลับมาดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดก็ได้ทำการประเมินจากอัตราการฟื้นตัวของตลาดที่ค่อยๆ แผ่วลงในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา และดูจากจุดต่ำสุดที่ดัชนีหุ้นเคยลงไปทำไว้


ออสเตรเลียเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนต.ค.พุ่งสูงขึ้น

ยอดขาดดุลการค้าของออสเตรเลียเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะ 2.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากอุปสงค์จากจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ปรับตัวลดลง หลังจากที่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จีนได้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์จากออสเตรเลียเป็นจำนวนมาก

ยอดส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนร่วงลงต่อเนื่อง และในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาออสเตรเลียส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนคิดเป็นมูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งทรุดฮวบลง 25% จากระดับสูงสุดในเดือนมี.ค.

กระทรวงการค้าของออสเตรเลียระบุว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการส่งออกที่ดิ่งลงอย่างหนัก 3.5% ในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าขยับลง 0.8%

ทั้งนี้ ดุลบัญชีการค้าของออสเตรเลียเคลื่อนไหวตามทิศทางอุปสงค์จากประเทศจีน ซึ่งภาวะอุปสงค์ของจีนที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้ช่วยหนุนให้ออสเตรเลียรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เป็นประเทศแรกๆเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว


การจ้างงานออสเตรเลียพุ่งขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ยอดการจ้างงานปรับเพิ่มสูงขึ้นตลอด 3 เดือน โดยบริษัทต่างๆ รับพนักงานในจำนวนที่มากกว่าการคาดการณ์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย ถึง 6 เท่า ซึ่งจากการรายงานของตัวเลขดังกล่าวได้ทำให้ทั้งค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ และ ตลาดหุ้นต่างตอบรับดัวยการปรับบวก

ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 31,200 ตำแหน่งในปัจจุบัน หากเทียบกับเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากตัวเลขกรจ้างงานยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากรัฐบาลออสเตรเลียออาจจะปรับลดการประมาณการตัวเลขการว่างงานลง

ภาคการส่งออก จะกลายมาเป็นแรงหนุนนำในการจ้างคนเพิ่ม อย่าง BHP บริษัทเหมืองแร่ชั้นนำ / สายการบิน ประเภท Low cost airline ภายใต้การบริหารของ Qantas Airways รวมถึง บริษัท Chevron ผู้นำทางด้านพลังงาน เป็นต้น

Craig James นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ CommSec ให้ความเห็นว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการตอกย้ำ ถึงงการฟื้นตัว และ เศษฐกิจที่แข็งแกร่งของออสเตรเลีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีคำถามจากทั่วโลก ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของออสเตรเลียนั้น เพื่อการอยากจะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวก่อนประเทศอื่นๆ ทั้งที่ ศก. จริงๆ แล้วจะไม่ฟื้นตัวเต็มที่

การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของออสเตรเลียนั้นมาจาก การเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้สินแร่ รวมถึงการใช้ก๊าซ ในเอเชียเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงภาคการส่งออกเท่านั้นที่ช่วยในเกิดการจ้างงานเพิ่ม การบริโภคภายในประเทศที่เพิมขึ้นก็เป็นอีกแรงหนุนที่ช่วย หลังจากรัฐบาลออสเตรเลีย ภายใต้การนำของ Kevin Rudd ได้ใช้เม็ดเงินกระตุ้นการบริโภค คิดเป็นเงิน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ธุรกิจสายการบิน low cost ในประเทศนั้นเติบโตขึ้นอยางมาก สวนกับภาพธุรกิจสายการบินทั่วโลก

ออสเตรเลีย เป็นเพียงประเทศเดียวในโลก ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้


เกาหลีใต้มีมติคงดอกเบี้ยที่ 2% ตามคาด

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2% ตามความคาดหมาย ซึ่งนับเป็นการคงดอกเบี้ยนานต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เนื่องจากธนาคารยังไม่มั่นใจว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปอย่างยั่งยืน

แถลงการณ์ของธนาคารกลางเกาหลีใต้ ระบุว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดียังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ ทำให้ธนาคารต้องใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนปรนต่อไปในระยะนี้ เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเกาหลีใต้มีปัจจัยบ่งชี้เศรษฐกิจหลายรายการที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในแง่บวกที่ว่า เศรษฐกิจในประเทศสามารถหลุดพ้นจากภาวะตกต่ำหนักสุดในรอบกว่า 10 ปีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการถกเถียงกันเรื่องกรอบเวลาและวิธิการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินและการคลัง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในไตรมาส 3 ขยายตัวขึ้น 3.2% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งทำสถิติพุ่งสูงขึ้นเร็วที่สุดในรอบกว่า 7 ปี เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศดีขึ้นและการส่งออกแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไป 3.25% นับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 ถึงเดือนก.พ.2552 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงภาวะถดถอย


จีนออกกฎคุมภาคอสังหา ? กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศต่อ

จีนจะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในปีหน้า พร้อมกับควบคุมการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์

จีนจะออกมาตรการป้องกันการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดให้ผู้คนที่จะได้รับการยกเว้นภาษีซื้อขายบ้าน จะต้องถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นเวลา 5 ปี จากเดิมที่ต้องถือครองกรรมสิทธิ์เพียงแค่ 2 ปี

รัฐบาลจีนพยายามที่จะลดความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ หลังจากหลายฝ่ายได้เริมออกมาแสดงความวิตกต่อโอกาสในการเกิด วิกฤติภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีน จากรายงานตัวเลขของสำนักงานสถิติในจีนเดือนล่าสุด พบว่าราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ในจีน ได้พุ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน

ขณะที่คณะรัฐมนตรีของจีนประกาศเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า รัฐบาลจีนจะยังคงสนับสนุนตลาดภายในประเทศอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ด้วยการส่งเสริมนโยบายด้านการบริโภคที่มีอยู่ให้เดินหน้าต่อไป เพื่อที่เศรษฐกิจของประเทศจะได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและมั่นคงขณะที่เศรษฐกิจของจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายต่างๆในปีที่กำลังจะมาถึง

สำหรับนโยบายที่ที่ประชุมครม.จีนมีมติให้คงเอาไว้ในปีหน้า ได้แก่ การให้เงินสงเคราะห์ภาคครัวเรือนในชนบทซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ เป็นต้น

ขณะที่นโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดไม่ถึง 1.6 ลิตร จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แต่จะปรับภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 7.5% จากปัจจุบันที่ 5.0% ซึ่งลดลงมาจากระดับเดิมที่ 10% ก่อนที่จะมีการประกาศใช้นโยบายลดหย่อนภาษีในปีที่แล้ว

ที่ประชุมครม.จีนระบุว่า นโยบายต่างๆเหล่านี้สามาถกระตุ้นการบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลสืบเนื่องต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ใช้นโยบายต่างๆเพื่อปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนและกระตุ้นการบริโภคมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 เพื่อต่อสู้กับวิกฤตการเงินโลก


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 10 ธ.ค. 2552)
? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (ต.ค.) ขาดดุล 32,900 ล้านดอลลาร์
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 474,000 ราย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 11 ธ.ค. 2552)
? ราคานำเข้า (พ.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ราคาส่งออก (พ.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.) โดย มหาวิทยาลัยมิชิแกน
? สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #127 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 10:46:25 AM »

โพลของเวปจีน เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น  สีเขียว--------มองลง   สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่


โพลถึงเคยแม่น แต่ไม่หมายถึงว่าจะไม่ผิดพลาด จะเชื่อสิ่งใดก็อย่าเชื่อหมดใจ หากผิดพลาดก็จะลำบากทุกข์ใจนา ด้วยความเป็นห่วงครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 11, 2009, 10:47:59 AM โดย ทองใหม่ » บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #128 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 11:19:13 AM »

สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ ขอบคุณสำหรับกราฟนะคะ

ตอนนี้หนูติดดอยน้ำมันอยู่ค่ะ สูงลิบลิ่ว

ได้แต่คอยให้มันขึ้น  Azn Azn Azn
น้ำมัน? เล่นอย่างไง? เล่นที่ไหนครับ
สวัสดีค่ะ
นู๋จัยก้อติดดอยค่ะสูงไม่สูงไม่รู้น้ะค่ะ ของK-oil ค่ะ แบงค์กสิกรค่ะ Cry ต้องกินมาม่าก้อน้ำมันนี่แหล่ะค่ะ Cry กินข้าวหรือยังค่ะ Cheesy
ทานแล้วครับ ดอยน้ำมันผมว่าไม่น่ากลัวหรอกครับ ผมกลัวแต่น้ำมันสูงกว่าดอย ชาวโลกตาดำๆหรือตาสีฟ้าหรือตาสีอะไรก็ตาม จะเดือดร้อยแม้มาม่าก็ไม่มีให้ทานหนะครับ ฮาฮา

k-oilค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #129 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 01:32:34 PM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #130 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 01:37:53 PM »

ดัชนีเงินเมกา

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #131 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 01:49:43 PM »

น้ำมัน

บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #132 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 01:54:06 PM »

ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่ Azn
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #133 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 02:03:12 PM »

บทวิเคราะห์ (11-12-52)

11 ธ.ค. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สเริ่มทรงตัวอยู่ในช่วงเช่นเดียวกับราคาทองคำสปอตที่ปรับตัวผันผวนรุนแรงในช่วงวันหยุด ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,800/17,900 บาท เงินบาทอ่อนค่าลงช้าๆ


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       หลังจากที่สถาบันฟิตช์ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของกรีซลงเมื่อวันก่อน สถาบันจัดอันดับสินเชื่อสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์สก็ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศสเปนเปลี่ยนเป็นทิศทางลบ จึงเป็นการลดความน่าเชื่อถือของค่าเงินยูโรลงไปอีก นักลงทุนจึงเทขายเงินยูโรอย่างต่อเนื่องพร้อมกับราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงไป  [Bloomberg, Reuters, TCAF Research]
       อังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นต่างๆไว้ จึงได้เพียงแค่สร้างความผันผวนให้กับค่าเงินปอนด์ตามการเก็งกำไรเท่านั้นและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยตรง  [Bank of England, TCAF Research]
       แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มดีขึ้นโดยสหรัฐฯสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อย  [Econoday, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าน่าจะมีแรงเทขายทองคำต่อเนื่องอีกจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะดูดีในระยะสั้น เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะค่อยๆแกว่งตัวลง" และแนะนำให้ "สะสม SHORT เพื่อทำกำไรระยะสั้น โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ระดับ
สูงกว่า $1,140"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจจีนน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้น้อยลง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #134 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 02:04:04 PM »

Daily Update (11-12-52)

11 ธ.ค. 2552


 

 


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ

?  ทองแรงซื้อช่วงขาลงต่อเนื่อง 4 วันทำการ หนุนทองปิดพุ่ง

?  ดอลลาร์สหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับยูโร

? น้ำมันดิบกังวลอุปสงค์กดน้ำมันดิบปิดลบ 13 เซนต์

?  ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.6%

       ราคาทองที่ตลาดสหรัฐหยุดสถิติการร่วงลง 4 วันติดต่อกัน และปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี ขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกองทุน ETF เข้าซื้อสัญญาทองในช่วงขาลงหลังจากทองร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

        เทรดเดอร์กล่าวว่า มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา หลังจากราคาทองร่วงลงอย่างหนักในรอบ 4 วันที่ผ่านมาโดยสัญญาทองเดือนก.พ.ดิ่งลงราว 100 ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,227.50 ดอลลาร์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.   

      แม้สัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่สดใสได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อเก็งกำไรในสัญญาทองคำเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับภาวะเปราะบาง

   กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนพอใจกับจำนวนเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และบ่งชี้ถึงแนวโน้มตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.6% ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าช่วยหนุนการส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

       การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนล็อตใหญ่ก่อนสิ้นปี และก่อนการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า   

   กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,116.247 ตัน ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2552 ลดลง 13.716 ตัน จากวันที่ 4 ธันวาคม 2552

กลยุทธ์ :  ช่วงนี้กราฟทางเทคนิค จะลงในรูปแบบ ABC ช่วงนี้อาจจะเป็นการเด่งช่วง B เพื่อลง ขา C อาจจะเกิดการดีดทางเทคนิคระยะสั้นมาก อีกทั้งได้ทำการดีดไปแล้ว 2 วันทำการ อาจจะมีการดีดลงได้ตลอดเวลาในขา C อีก 100 US$  ควรลดการถือทองไว้ในมือ เพื่อลดความเสี่ยงของราคาทองอาจจะปรับตัว
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: