Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 14---18/12/2009  (อ่าน 10859 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #45 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 06:24:20 AM »

 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #46 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 06:26:04 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #47 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 06:28:53 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 08:52:58 AM »

ทองคำปิดลบ 80 เซนต์ 
 วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552 08:22

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กร่วงลง 80 เซนต์ หลังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 80 เซนต์ ปิดที่ 1,123 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 1127.6-1117.8 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 11.5 เซนต์ ปิดที่ 17.455 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.05 เซนต์ ปิดที่ 3.1415 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,452.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมี.ค.ปิดที่ 366.05 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.25 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้สัญญาทองคำปิดลบ แต่แรงซื้อยังคงส่งเข้ามาตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ โดยเฉพาะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดในสหรัฐที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีพีพีไอเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #49 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 10:35:58 AM »

ADB มองเอเชียตะวันออกช่วยดันเศรษฐกิจเอเชียพุ่งแกร่งเกินคาด

Posted on Wednesday, December 16, 2009
ADB คาดเศรษฐกิจเอเชียขยายตัวนำโดยเอเชียตะวันออก

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของ 45 ประเทศกลุ่มกำลังพัฒนาในเอเชียมีแนวโน้มขยายตัว 4.5% ในปีนี้ และคาดว่าจะขยายตัว 6.6% ในปีหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์เมื่อเดือนก.ย. หลังจากข้อมูลไตรมาส 3 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศของเอเชียแข็งแกร่งเกินคาด

ADB กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศเอเชียตะวันออกซึ่งประกอบไปด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เกาหลีใต้ มองโกเลีย และไต้หวัน มีแนวโน้มขยายตัว 5.1% ในปีนี้ และ 7.3% ในปีหน้า

ขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ พม่า มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย กัมพูชา และ บรูไน จะขยายตัว 0.6% ในปีนี้ และ 4.5% ในปีหน้า

ส่วนเศรษฐกิจจีนนั้น คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 8.2% ในปีนี้ และจะขยายตัว 8.9% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มขยายตัว 7.0% ในปีนี้และปีหน้า

นายจง วา ลี หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีกล่าวว่า "สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ทำให้ ADB ต้องประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจหลายครั้งใปนี้

ADB คาดว่าเศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มแข็งแกร่งมากกว่าที่ประเมินไว้ในเดือนก.ย. โดยนโยบายการะตุ้นเศรษฐกิจและการคลังในกลุ่ม G3 ซึ่งได้แก่ยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกฟื้นตัวขึ้น

ส่วนทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงาน "World Economic Outlook" โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2553 ซึ่งการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเอเชียจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า

ทั้งนี้ IMF คาดว่าเอเชียจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 9% และเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 6.4% ในปี 2553 ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืดอย่างรุนแรงนั้น คาดว่าจะหดตัวลง 5.4% ในปี 2552 และจากนั้นจะเริ่มขยายตัว 1.7% ในปี 2553 เนื่องจากยอดส่งออกญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น

ส่วนในฟากยุโรปนั้น ไอเอ็มเอฟคาดว่าเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จะขยายตัว 1.6% ในปี 2553 แต่คาดว่าจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจละตินอเมริกานั้น คาดว่า เศรษฐกิจบราซิลจะขยายตัว 5% เนื่องจากยอดส่งออกฟื้นตัวขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจเม็กซิโกจะขยายตัว 3% และชิลีจะขยายตัว 5% ในปี 2553

นอกจากนั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจในตะวันออกกลางซึ่งได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ จะขยายตัว 2% ในปี 2552 และขยายตัว 4.2% ในปี 2553


กังวลเฟดเร่งถอนมาตรการอัดฉีด หลังตัวชี้เงินเฟ้อออกมาสูงเกินคาด

ขณะที่เงินดอลลาร์ทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่าสองเดือน ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ก็ปรับตัวลง เมื่อนักลงทุนเก็งกันว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะทำให้ธนาคารกลางลดมาตรการกระตุ้นต่างๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้

แรงขายมีเข้ามาในตลาด สวนกับรายงานทางเศรษฐกิจที่แสดงถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีดัชนีราคาผู้ผลิตที่เป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนึ่ง ออกมาสร้างความกังวลว่าเฟดอาจจะดึงมาตรการอัดฉีดเงินหรืออื่นๆ ที่ใช้อยู่ออกจากระบบ โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และรวมถึงหุ้น ปรับตัวขึ้นมามากแล้วในปีนี้

เฟดรายงานว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ขยับขึ้นมาอีก 0.8% ในเดือนที่แล้ว หลังจากไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนตุลาคม ขณะที่ทางด้านกระทรวงแรงงานก็เปิดเผยดัชนีราคาค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ถึงสองเท่า และแม้ว่าจะไม่มีนักวิเคราะห์สำนักไหนคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคราวนี้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ปักใจเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมที่จะดึงเงินอัดฉีดบางส่วนจากวงเงิน 12 ล้านล้านเหรียญกลับในเร็วๆ นี้

ออเดอร์ขายหุ้นกลุ่มธนาคารก็เป็นส่วนหนึ่งที่ฉุดให้ตลาดโดยรวมปรับตัวลง หลังจากที่ Citigroup ประกาศแผนขายหุ้นเพื่อจ่ายคืนหนี้รัฐไปแล้ว ส่วนอีกหนึ่งราย ก็คือ Wells Fargo ก็มีแผนการออกขายหุ้นมูลค่า 10,650 ล้านเหรียญสำหรับการจ่ายคืนหนี้โครงการ TARP เช่นกัน ในขณะเดียวกัน ปัจจัยกดดันอีกส่วนก็มาจากรายงานของ JPMorgan Chase ที่ระบุว่า ยอดการผิดนัดชำระค่าบัตรเครดิตของธนาคารขยับตัวสูงขึ้น

สำหรับสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดก็มีผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ที่จัดทำโดยสมาคมผู้ก่อสร้างและธนาคาร Wells Fargo โดยตัวเลขปรับตัวสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งผิดไปจากที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักๆ เป็นเพราะความวิตกเรื่องปัญหาการว่างงานในประเทศจะขวางทางการฟื้นตัวของตลาดบ้านในปีหน้า นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะเรื่องของสินเชื่อที่มีอยู่อย่างจำกัดในตอนนี้


IATA คาดสายการบินทั่วโลกจะขาดทุนต่อเนื่องในปีหน้า

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า สายการบินต่างๆจะขาดทุน 5,600 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3,800 ล้านดอลลาร์ในการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับคงคาดการณ์ตัวเลขขาดทุนของอุตสาหกรรมสายการบินในปีนี้ว่าจะสูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์

โจวานนี บิสิญานี ซีอีโอของ IATA กล่าวว่า ปี 2552 เป็นปีที่น่าหวาดผวาสำหรับอุตสาหกรรมการบิน แต่เชื่อว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว โดยในปีหน้าสายการบินต่างๆจะมีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

IATA คาดการณ์ว่า ในปีหน้า สายการบินยุโรปน่าจะขาดทุนมากที่สุดที่ราว 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนสายการบินในอเมริกาเหนืออาจจะขาดทุนรวม 2 พันล้านดอลลาร์

สำหรับสายการบินในเอเชียแปซิฟิกนั้น มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่สายการบินลาตินอเมริกาน่าจะเป็นภูมิภาคเดียวที่สามารถทำกำไรได้

IATA ยังกล่าวด้วยว่า แม้มีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้โดยสารสายการบินจะดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกับในปี 2550 แต่รายได้จะน้อยกว่าในปีดังกล่าวถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่ดีมานด์คาร์โกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากธุรกิจต่างๆเริ่มกลับมาเติมสต็อกสินค้า โดย IATA คาดว่าการขนส่งสินค้าทางอากาศจะขยายตัว 7% แตะ 37.7 ล้านตันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากระดับ 5% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

บิสิญานียังกล่าวเพิ่มเติมว่า การควบรวมกิจการถือเป็นความหวังสำหรับอุตสาหกรรมการบิน


ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันอ่อนตัวต่อเนื่อง

ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธันวาคม เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว รวมถึงการที่กรีซมีตัวเลขขาดดุลสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในยุโรป

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 50.4 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 51.1 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งลดลงมากกว่าระดับคาดการณ์เฉลี่ยที่ 50 จุดของนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์ก นิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นไว้

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นหลายแห่งในยุโรปปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่ฟิทช์ เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ

ขณะที่วานนี้ ธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจไม่สามารถรักษาระดับการขยายตัวที่อัตรา 0.7% ในไตรมาส 3 เอาไว้ได้

หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งเคยเป็นปัจจัยหนุนการขยายตัวในไตรมาสที่ผ่านมาได้หมดอายุลง


กรีซจะลดรายจ่าย เก็บภาษีโบนัสนายธนาคารแก้ปัญหาหนี้

นายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ของกรีซ ประกาศจะลดรายจ่ายและเก็บภาษีโบนัสนายธนาคารสูงถึงร้อยละ 90 เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของประเทศ

นายกฯ กล่าวกับสหภาพแรงงานและนายจ้างก่อนที่พรรคฝ่ายค้านจะผละงานทั่วประเทศในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดว่า การปฏิรูปนโยบายภาษีจะทำให้ผู้มีฐานะต้องแบกรับภาระหนี้สินของประเทศมากขึ้น มาตรการหลายอย่างของรัฐบาลจะสร้างความลำบากแต่ขอให้ทุกคนร่วมกันเผชิญความลำบากนี้ โดยจะยกเลิกการจ่ายโบนัสของธนาคารรัฐ เรียกเก็บภาษีโบนัสจากนายธนาคารเอกชนสูงถึง 90%

นอกจากนี้จะมีการลดการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมในปีหน้าลง 10% เรียกเก็บภาษีกำไร ขณะเดียวกันจะปราบปรามการทุจริตและการเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศ

อย่างไรก็ดี จะขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 2,000 ยูโร (ราว 100,000 บาท) ให้ทันกับภาวะเงินเฟ้อ

รัฐบาลกรีซถูกบริษัทจัดอันดับเครดิตและสมาชิกสหภาพยุโรปกดดันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ดำเนินมาตรการจริงจังเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงถึงร้อยละ 12.7 ของ GDP และหนี้สาธารณะที่คาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 121 ของ GDP ในปีหน้า


ซัมซุง ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่-ตั้งซีอีโอใหม่

บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ประกาศ แต่งตั้ง จีซุง ชอย (Geesung Choi) ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มความเป็นอิสระของแผนกธุรกิจต่างๆของบริษัท

พร้อมกันนี้ ซัมซุงยังได้ยกระดับทีมผู้บริหารระดับสูง (C-suite) ด้วยการแต่งตั้ง เจย์ วาย. ลี (Jay Y. Lee) เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ และจู-ฮวา ยูน (Ju-Hwa Yoon) เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน โดย ยูน-วู ลี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการและซีอีโอ จะนั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการของบริษัท

นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระเพิ่มมากขึ้นในระดับการดำเนินงาน ซัมซุงยังได้ประกาศใช้ ?ระบบบริษัท" ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยธุรกิจแต่ละแห่งมีรูปแบบการบริหารงานเช่นเดียวกับบริษัทที่มีความเป็นเอกเทศ

แต่เดิม ซัมซุงมีแผนกการดำเนินงาน 10 แผนกซึ่งได้รับการรวบรวมและจัดตั้งเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจดิจิตอลมีเดียและการสื่อสารโทรคมนาคม (Digital Media & Communications) และ ธุรกิจโซลูชั่นอุปกรณ์ (Device Solutions) โดยการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นี้จะเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ 2 แห่งดังกล่าว ไปเป็นบริษัทอิสระ 7 แห่ง ภายใต้องค์กรบริษัทและคณะผู้บริหารระดับสูงชุดเดียวกัน

นายชอย ว่าที่ซีอีโอคนใหม่ กล่าวว่า ?ซัมซุงฟื้นตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยความเป็นผู้นำและการรับมือต่อวิกฤตการเงินโลกอย่างระมัดระวังและละเอียดรอบคอบของยูน-วู ลี" ?และด้วยแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้านี้ เชื่อว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่สำคัญนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายและโอกาสต่างๆที่รออยู่เบื้องหน้า"

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทซัมซุงมีผลกำไรจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 7.22 ล้านล้านวอน (6.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 ก.ย.) // จากยอดขาย 97.05 ล้านล้านวอน (8.169 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 30 ก.ย.) เปรียบเทียบกับผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดปี 2551 ที่ 6.03 ล้านล้านวอน (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากยอดขาย 121.29 ล้านล้านวอน (9.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)


จีนเตรียมเก็บภาษีนำเข้าโภคภัณฑ์กว่า 600 ประเภทในปีหน้า

กระทรวงคลังจีนเผยเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์กว่า 600 รายการที่ระดับต่ำเป็นการชั่วคราวในปีหน้า

สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์ประเภททรัพยากร เช่น ถ่านหิน หินแกรนิต สินแร่ฟอสเฟต ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบสื่อสารแบบอ็อปติค จอพลาสมา และวัคซีน รวมทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตบางประเภท

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนจะลดภาษีนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ 6 ประเภท ซึ่งรวมถึงสตรอเบอรี่สด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เป็นการทำตามคำมั่นในเรื่องการลดภาษีที่จีนได้ให้ไว้เมื่อครั้งที่จะเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรการค้าโลก ในปี 2544 ทางจีนไม่ได้ระบุชื่อสินค้าโภคภัณฑ์อีก 5 รายการที่เหลือ และไม่ได้ระบุอัตราภาษีที่จะเก็บด้วย

สำหรับอัตราภาษีทั่วไปจะยังอยู่ในระดับเดิมที่ 9.8% ในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เทียบกับระดับ 15.3% เมื่อปี 2545 ส่วนอัตราภาษีสินค้าที่เกี่ยวกับการเกษตรลดลงมาเหลือ 15.2% จากระดับ 18.8% เมื่อปี 2545 ส่วนอัตราภาษีของสินค้าภาคอุตสาหกรรมลดลงมาเหลือ 8.9% จากระดับ 14.7%

ส่วนอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากทางการจีน มีการรายงานว่า จีนเริ่มการก่อสร้างสะพานที่ยาวที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกที่เชื่อมมณฑลกวางตุ้งตอนใต้ของจีน ไปยังฮ่องกงและมาเก๊า ทั้งนี้เพื่อช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

สะพานรูปตัววาย ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทางการระบุว่าเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก มีระยะทางเกือบ 50 กม. มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2559 โดยจะมีความยาวมากกว่าสะพานเลค พอนต์ชาร์เทรน คอสเวย์ ทางตอนใต้ของสหรัฐ ที่ยาว 38.4 กม. และได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลก

สะพานแห่งนี้ยังจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางระหว่างเมืองจูไห่-ฮ่องกง เหลือ 30 นาที จาก 3.5 ชม. และระหว่างฮ่องกง-มาเก๊า เหลือไม่ถึงชั่วโมงจาก 3 ชม. สะพานแห่งนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 73,000 ล้านหยวน

โดนัลด์ เจิง ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์กับรองนายกรัฐมนตรีหลี่ เคอเฉียงของจีน กล่าวว่า สะพานแห่งนี้จะนำไปสู่การรวมตัวทางด้านสังคมและเศรษฐกิจในภูมิภาค

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 15 ธ.ค. 2552)
? ดัชนีราคาผู้ผลิต (พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนก่อนหน้า
? ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย (ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 16 จุด (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 17 จุด)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 16 ธ.ค. 2552 )
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA
? ประกาศผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ
? ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน (พ.ย.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ดัชนีราคาผู้บริโภค (พ.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ดุลบัญชีเดินสะพัด (Q3/52) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #50 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 11:07:14 AM »

โพลของเวปจีน เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่


โพลถึงเคยแม่น แต่ไม่หมายถึงว่าจะไม่ผิดพลาด จะเชื่อสิ่งใดก็อย่าเชื่อหมดใจ หากผิดพลาดก็จะลำบากทุกข์ใจนา ด้วยความเป็นห่วงครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #51 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 12:35:02 PM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #52 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 12:39:28 PM »

ดัชนีเงินเมกา

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #53 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 12:42:22 PM »

น้ำมัน

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #54 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 12:59:28 PM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (16-12-52)

16 ธ.ค. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับราคาทองคำสปอตที่แกว่งตัวกลับมาอยู่ที่เดิมช่วงข้ามคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,550/650 บาท เงินบาทอ่อนค่าลงช้าๆ


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ผลสำรวจ ZEW ของเยอรมันที่รายงานออกมาในช่วงเย็นแสดงให้เห็นว่านักวิเคราะห์มีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมันทั้งในภาวะปัจจุบันและในอนาคตแย่กว่าเดิมตามคาด เป็นการจุดชนวนให้นักลงทุนเทขายเงินยูโรและทองคำต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย  [ZEW, TCAF Research]
       รายงานเศรษฐกิจในสหรัฐฯออกมาค่อนข้างไม่ชัดเจนเช่นเดิมโดยถึงแม้ว่าสหรัฐฯจะมีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน แต่ผลสำรวจในรัฐนิวยอร์คกลับชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตอาจไม่เพิ่มกำลังการผลิตอีกในระยะใกล้นี้ ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตกลับเพิ่มขึ้นไปสูงกว่าคาดค่อนข้างมาก จึงเป็นประเด็นให้นักลงทุนกลับมาเป็นห่วงเรื่องเงินเฟ้อและกลับมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกครั้ง  [Econoday, TCAF Research]
       รายงาน Treasury International Capital แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อครองหลักทรัพย์ระยะยาวของสหรัฐฯน้อยลงกว่าเดิม ในขณะที่ธนาคารกลางต่างๆมีการเพิ่มและลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปะปนกันไปไม่ชัดเจนโดยจีนมีการถือครองพันธบัตรฯคงที่ในเดือนตุลาคม รายงานดังกล่าวจึงไม่ได้ส่งผลต่อราคาทองคำหรือค่าเงินยูโรอย่างชัดเจนนัก  [US Treasury, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามุมมองเศรษฐกิจของผู้ประกอบการต่างๆในยุโรปที่จะทยอยรายงานในบ่ายวันนี้ และมุมมองของเฟดที่รายงานในช่วงข้ามคืน


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าเศรษฐกิจยุโรปไม่น่าจะดีเท่าที่ควรและมองว่า "ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวลงได้ในระยะสั้น" จึงแนะนำให้ "ค่อยๆสะสม SHORT ในช่วงเช้าเพื่อทำกำไรระยะสั้น โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ราคาสปอตสูงกว่า $1,147"

มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและกลุ่มยูโรน่าจะมีความสำคัญ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #55 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 01:02:56 PM »

Daily Update 16-12-52

16 ธ.ค. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
?  ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดลดลงเล็กน้อยในวันอังคาร
?  ดอลล์ไต้ขึ้นก่อนรู้ผลประชุมเฟด, ยูโรร่วงจากวิตกภาคธนาคาร
?  พุ่งขึ้น 1.7 % ในวันอังคารหลังจากปิดตลาดในแดนลบนาน
?  รอนโยบายการดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้

 

    Gold 1,123.00 US$/ทองปิดลบเล็กน้อย -- ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดลดลงเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากทรงตัวเกือบตลอดการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนพิจารณาการขายเนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและเข้าซื้อเนื่องจากโอกาสที่จะเกิดเงินเฟ้ออันเป็นผลจากดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด COMEX ปิดลดลง 0.80 ดอลลาร์ ที่ 1,123.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดบวก 11.50 เซนต์ ที่ 17.4550
     ดอลล์ไต้ขึ้นก่อนรู้ผลประชุมเฟด, ยูโรร่วงจากวิตกภาคธนาคาร -- ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นใน วันอังคารโดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 2เดือนครึ่งเมื่อเทียบกับยูโร ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ ราคาพันธบัตรปิดร่วงหลังข้อมูลกระตุ้นวิตกเงินเฟ้อ
   ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันอังคาร หลังรายงานที่ระบุว่าดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นนั้นทำให้เกิดความวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อขณะ ที่กรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมครั้งสุดท้ายในรอบปีนี้แล้ว ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดลดลง 09/32 ที่ 98-08/32 โดยมีผลตอบแทน 3.588% ส่วนราคา พันธบัตรอายุ 30 ปีปิดลดลง 20/32 ที่ 97-19/32 โดยมีผลตอบแทน 4.522%
   กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,116.551 ตัน ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2552 ลดลง 13.415 ตัน จากวันที่ 4 ธันวาคม 2552
 
กลยุทธ์ :  ราคาทองจะมีการเปลี่ยนทิศทางในช่วงคืนนี้  อาจมาจากข่าวรอนโยบายการดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ ถ้าขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อราคาโดยตรงให้ตั้งจุดแนวลดความเสี่ยงโดย ตั้งจุดแนว Cut Lose ที่แนวระดับราคา 1100 US$
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #56 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 01:59:18 PM »

มาสวัสดียามบ่ายค่ะ คุณทองใหม๋  พักผ่อนมากๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #57 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 03:32:09 PM »

โพลของเวปจีน เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่


โพลถึงเคยแม่น แต่ไม่หมายถึงว่าจะไม่ผิดพลาด จะเชื่อสิ่งใดก็อย่าเชื่อหมดใจ หากผิดพลาดก็จะลำบากทุกข์ใจนา ด้วยความเป็นห่วงครับ



บันทึกการเข้า
JO-JO
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285


« ตอบ #58 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 06:31:45 PM »

ขอบคุณครับ คุณทองใหม่

เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปหาหมอ วันนี้พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ


 Smiley
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 06:33:24 PM »

โพลของเวปจีน เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่


โพลถึงเคยแม่น แต่ไม่หมายถึงว่าจะไม่ผิดพลาด จะเชื่อสิ่งใดก็อย่าเชื่อหมดใจ หากผิดพลาดก็จะลำบากทุกข์ใจนา ด้วยความเป็นห่วงครับ





บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: