Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 14---18/12/2009  (อ่าน 10866 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #75 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 08:33:21 AM »

โพลของเวปจีน เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่


โพลถึงเคยแม่น แต่ไม่หมายถึงว่าจะไม่ผิดพลาด จะเชื่อสิ่งใดก็อย่าเชื่อหมดใจ หากผิดพลาดก็จะลำบากทุกข์ใจนา ด้วยความเป็นห่วงครับ



เมื่อวานช่วงเช้าถีงวานชืนช่วงดึก ทองต่อต้านการลง โดยที่ดัชนีเงินเมกาขึ้น ETFซื้อทองเพิ่ม ทำให้ผู้คนรายย่อยในตลาดเข้าใจว่าทองจะขึ้นต่อ แม้โพลจีนก็ถูกหลอกเช่นกัน นี่แหละครับ ที่เขาเรียกว่าหลอกหมาน้อยขึ้นดอย


แล้วเมื่อไหร่หมาน้อยจะได้ลงดอยล่ะคะ   Cry

ปล. อย่าทานผลไม้เยอะนะคะ ถ้าจะทานก็ต้องเป็นประมาณแอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอ
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #76 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 08:38:50 AM »

ทองคำดิ่งเหว $28.80 
 วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 08:33

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนัก แรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,107.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 28.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,095.70-1,142.90 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 17.1950 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 49.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 7.75 เซนต์ ปิดที่ 3.128 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,425.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 31.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 370.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.15 ดอลลาร์

ตลาดทองคำ COMEX ดิ่งลงอย่างหนักเพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทสหรัฐในต่างประเทศและทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นด้วย

ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งล่าสุด รวมถึงชะลอโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน

รายงานระบุว่า กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำในปริมาณ 1,120.514 ตัน ณ วันที่ 16 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.963 ตัน จากวันที่ 14 ธ.ค.

น้ำมันดิบทรงตัวที่ $72.65 
 วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 08:31

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัว นักลงทุนยังวิตกดีมานด์พลังงาน

สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลงเพียง 1 เซนต์ ปิดที่  72.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 71.87 - 71.37 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลงสู่ระดับ 1.9574 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินลดลง 2.19 เซนต์ ปิดที่ 1.852 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 92 เซนต์ ปิดที่ 73.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนเทขายทำกำไรแม้กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ธ.ค.ร่วงลง 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 332.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 164.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แตะที่ 217.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันดิ่งลง 1.1% แตะที่ 80.0%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับดีมานด์พลังงาน แม้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดการณ์ว่า ดีมานด์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะที่ 85.13 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเท่ากับว่าเพิ่มขึ้น  8 แสนบาร์เรล/วัน หรือ 0.98% เมื่อเทียบกับปีนี้ ขณะที่รายงานดีมานด์น้ำมันรายเดือนฉบับล่าสุดเพิ่มขึ้น 60,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับในเดือนที่ผ่านมา

นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในอิหร่าน หลังจากสถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของอิหร่านรายงานว่า อิหร่านประสบความสำเร็จในการทดลองยิงจรวด Sejil 2 พิสัยไกลประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยรายงานข่าวระบุว่าขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นเองในประเทศนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระยะยาวในการปกป้องพรมแดนของประเทศ

นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษกล่าวว่า การทดลองยิงจรวด Sejil 2 ของอิหร่านทำให้อังกฤษพิจารณาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านที่รุนแรงขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐกล่าวว่า การทดลองยิงจรวดของอิหร่านได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาคมโลก

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ที่ประเทศแองโกลา หลังจากรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเพิ่มเพดานการผลิต โดย นายอาลี อัล ไนยมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ


ดาวโจนส์ปิดร่วง 132.86 จุด 
 วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 08:29

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง หลังเงินดอลล่าร์พุ่ง-กรีซถูกหั่นเครดิต

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 132.86 จุด หรือ 1.27% แตะที่ 10,308.26 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 13.10 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 1,096.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 26.86 จุด หรือ 1.22% แตะที่ 2,180.05 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.72 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.94 พันล้านหุ้น

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทสหรัฐในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่าบริษัท เฟดเอ็กซ์ คอร์ป รายงานผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด และซิตี้กรุ๊ปพยายามขายหุ้นในราคาต่ำ

ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ประกาศระดมทุน 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการขายหุ้น 5.4 พันล้านหุ้นที่ราคา 3.15 ดอลลาร์/หุ้นเพื่อหาเงินชำระหนี้รัฐบาล ส่งผลให้กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศเลื่อนแผนขายหุ้น 1 ใน 3 ที่ถืออยู่ในซิตี้กรุ๊ป เนื่องจากเห็นว่าราคาขายหุ้นต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นซิตี้กรุ๊ปที่รัฐบาลซื้อมาในราคา 3.25 ดอลลาร์/หุ้นเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

โดยทางกระทรวงคลังสหรัฐถือหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปอยู่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และถือหุ้นบุริมสิทธิ์รวมกับหุ้นที่ได้จากข้อตกลงค้ำประกันหลักทรัพย์มูลค่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหุ้นสามัญค้างชำระของซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้นแตะที่ 2.83 หมื่นล้านหุ้น จากระดับ 2.29 หมื่นล้านหุ้นในสิ้นเดือนก.ย. และขยายตัวขึ้นจาก 5 พันล้านหุ้นเมื่อช่วงสิ้นปี 2550

ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก เป็นสามธนาคารที่ระดมทุนเป็นเงินรวมกันกว่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อชำระหนี้คืนรัฐบาลในโครงการบรรเทาสินทรัพย์ที่มีปัญหาของรัฐบาล (TARP)

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 480,000 ราย เพิ่มขึ้น 7,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 7.3% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศเลื่อนแผนการขายหุ้นของซิตี้กรุ๊ป ขณะที่หุ้นเฟดเอ็กซ์ปิดร่วง 6.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการรายไตรมาสร่วงลง 30% ส่วนหุ้นดิสคัฟเวอรี่ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิต ดิ่งลง 9.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการรายไตรมาสร่วงลง 19%f

บันทึกการเข้า
MOOK
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 136



« ตอบ #77 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 09:03:52 AM »

สวัสดีตอนเช้า สายๆ  Wink
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #78 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 10:13:14 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #79 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 10:15:06 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #80 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 10:17:13 AM »

สื่อและสปอนเซอร์อาจสูญเงินถึง 200 ล้านเหรียญ หลัง Tiger Woods ประกาศแขวนไม้กอล์ฟไม่มีกำหนด

Posted on Friday, December 18, 2009
ธุรกิจสื่อ-สปอนเซอร์จ่อสูญเงินกว่า 200 ล้านเหรียญกรณี Tiger Woods

ในกรณีพฤติกรรมนอกใจภรรยาของ Tiger Woods ที่ในตอนนี้ยังจะนำพาความเสียหายไปสู่ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านทางสื่อกีฬาชั้นนำ อย่าง Golf Inc. และสร้างภาระให้กับ PGA Tour เครือข่ายโทรทัศน์ เช่น สถานี CBS ไปจนถึงเจ้าของแบรนด์ชื่อดัง อย่าง บริษัท Nike ที่คาดว่าจะเสียรายได้รวมกันไปอย่างน้อยๆ 200 ล้านเหรียญ

Woods ประกาศหยุดเล่นอย่างไม่มีกำหนดไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หลังจากที่เขาเปิดเผยถึงเรื่องการนอกใจภรรยา จนเขย่าวงการกีฬาที่มีผู้คนสนใจทั่วโลกนี้ ถึงขนาดที่ผู้จัดงานออกมาประเมินกันว่าจำนวนผู้ชมในนัดแข่งใหญ่ๆ อาจจะลดลงกว่า 20% เลยทีเดียว

บริษัท Nielsen คาดว่าจำนวนผู้ชมโทรทัศน์อาจจะลดลงถึงกว่าครึ่ง เมื่อดูจากหลายๆ แมทช์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการสื่อรายหนึ่งในนิวยอร์กก็ประเมินว่า ยอดโฆษณาทางทีวีอาจจะลดลงได้มากถึง 40% ขณะนักวิเคราะห์ทางด้านการลงทุนจาก Capstone Investments ใน San Diego ก็เคาะตัวเลขคร่าวๆ ว่า บริษัท Nike ที่ทุ่มสปอนเซอร์ไปกับ Tiger Woods นั้น อาจมีตัวเลขความเสียหายขั้นต่ำถึง 30 ล้านเหรียญ ผ่านทางยอดขายที่ลดลง

และถ้าหันไปดูเม็ดเงินในวงการกีฬากอล์ฟเมื่อปี 2551 พบว่า งานที่เป็น PGA Tour เคยทำรายได้สูงถึง 773 ล้านเหรียญจากการจัดการแข่งขันแมทช์ต่างๆ และเงินที่มาจากโทรทัศน์ ซึ่งในทางกลับกัน ผู้ถ่ายทอดกีฬาทางทีวีก็สามารถทำเงินได้ที่ 642 ล้านเหรียญที่มาจากค่าโฆษณา

มีผู้ประเมินว่า ในกรณีที่ Woods หายหน้าจากวงการนานตลอดปี ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้ยอดเงินโฆษณาละลายหายไปได้ถึง 30-40%

สำหรับ 10 เดือนแรกของปีนี้ บรรดาธุรกิจต่างๆ ได้ใช้เงินไปกับค่าโฆษณาในการถ่ายทอดกีฬากอล์ฟในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จำนวน 576 ล้านเหรียญ โดยมีสถานีโทรทัศน์ NBC ที่ตอนนี้กลายเป็นธุรกิจหนึ่งของ General Electric ได้กำเงินส่วนใหญ่ของเม็ดเงินที่ว่านี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อยังคาดด้วยว่า สำหรับ PGA Tour ในฤดูกาลปี 2553 ที่จะเริ่มขึ้นที่ Hawaii ในวันที่ 7 มกราคมนี้ ยอดเงินโฆษณาอาจจะหายไปอย่างน้อยๆ 192 ล้านเหรียญหาก Woods ไม่โผล่เข้ามาในรายการนี้ตลอดปี ซึ่งถ้าหากไปรวมกับค่าความเสียหายของบริษัท Nike แล้ว จะคิดเป็นเม็ดเงินที่อาจจะสูงกว่า 220 ล้านเหรียญในที่สุด


อันดับเครดิตกรีซเขย่าหุ้นอีกรอบ ขณะตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ พุ่งต่อ

มีหลายข่าวที่รุมเร้าตลาดหุ้น เริ่มกันตั้งแต่ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของคนอเมริกันในสัปดาห์ล่าสุดที่ออกมาเพิ่มขึ้นผิดไปจากที่ตลาดคาด ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ บอกภายหลังจากสิ้นสุดการประชุมนโยบายการเงินว่า มาตรการอัดฉีดสินเชื่อส่วนใหญ่จะหมดอายุลงภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

แรงขายยังมาจากหุ้นที่เกี่ยวโยงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อเงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เทียบกับยูโร เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ถูกขายออกมาหลังจาก Citigroup ตัดสินใจทิ้งหุ้นในราคา discount

ที่สำคัญ ตลาดยังมีความเป็นห่วงถึงกรณีสถาบันจัดอันดับ Standard & Poor?s ตัดสินใจปรับลดอันดับเครดิตประเทศกรีซลงอีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า วิกฤติการเงินโลกที่เกิดขึ้นในรอบนี้อาจยังส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจของบางประเทศต่อไป

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังพอมองเห็นโอกาสทางด้านบวกได้บ้าง เมื่อดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จัดทำโดย the Conference Board ออกมาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนพฤศจิกายน ทำสถิติการปรับตัวขึ้นยาวนานกว่าที่เคยบันทึกไว้ระหว่างปี 2546 - 2546 นอกจากนี้ ผลสำรวจภาคอุตสาหกรรมในแถบ Philadelphia ที่จัดทำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็บ่งชี้ว่ามีการผลิตเพิ่มขึ้น จนทำให้ดัชนีเศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาคนี้ปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบกว่า 4 ปี

และทั้งหมดก็สอดคล้องกับมุมมองของซีอีโอ General Electric นาย Jeffrey Immelt ที่บอกว่า ยอดคำสั่งซื้อของผู้ผลิตเครื่องยนต์เจ็ทไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์รายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ กำลังขยับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากที่บริษัทสามารถสะสมงานในมือ หรือ backlog ได้สูงถึง 174,000 ล้านเหรียญ ณ สิ้นสุดไตรมาส 3 ด้วยตัวเลขคำสั่งซื้อรวมกันกว่า 18,400 ล้านเหรียญ

ขณะที่อีกด้านเป็นบริษัทซอฟท์แวร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อย่าง Oracle ก็เปิดเผยตัวเลขกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลูกค้าหลายรายต่ออายุสัญญาบริการของบริษัทแห่งนี้ แม้ตัวเลขคำสั่งซื้อใหม่จะยังออกมาดูอ่อนแรงอยู่ก็ตาม


กรีนสแปนแนะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แนะรัฐบาลลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น 64% แตะระดับสูงสุดในรอบ 70 ปี พร้อมคาดว่า บริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นดังกล่าวจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 65% ในไตรมาส 4

กรีนสแปนกล่าวว่า นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดให้ทะยานสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ซึ่งกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในตลาดมากขึ้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 787,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นส่งผลดีต่อตลาดอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอาจไม่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจอีกต่อไป เพราะดัชนีตลาดหุ้นที่สูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นผลกำไรและทำให้ประชาชนเข้าถึงเงินกู้ได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น มูลค่าหุ้นสามัญในตลาด หรือหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินรายอื่นๆจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสทั้งจากตัวเลขความมั่งคั่งในภาคครัวเรือนของสหรัฐในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นแตะ 53.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้านี้ ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยยอดค้าปลีกในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การใช้จ่ายในธุรกิจค้าปลีกเดือนพ.ย.พุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดกล่าววานนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นระหว่างธนาคารไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะ แม้ว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงินจะเริ่มมีส่วนช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม


ยอดค้าปลีกอังกฤษอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ย.ร่วงลง 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. นับเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายสินค้าในช่วงเทศกาลคริสตมาสที่กำลังจะมาถึง

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารร่วงลง 0.9% ในเดือนพ.ย. โดยเฉพาะยอดขายที่ร้านเสื้อผ้าและห้างสรรพสินค้าร่วงลงมากที่สุด

ขณะที่ยอดขายสินค้าหมวดอาหารเพิ่มขึ้น 0.4% ทั้งนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 3.1% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือนต.ค.

นักวิเคราะห์มองว่า อัตราว่างงานที่สูงขึ้นและการฟื้นตัวที่ยังไม่มีความแน่นอนของเศรษฐกิจอังกฤษทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง.

ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า หากรัฐบาลอังกฤษประกาศขึ้นภาษีและลดการบริการ ก็จะให้เกิดความไม่สงบในสังคม อีกทั้งเตือนว่าหลายประเทศรวมทั้งอังกฤษและสหรัฐอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ทันเวลา

ทั้งนี้ มูดีส์แนะนำว่ารัฐบาลควรกำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขปัญหา อันดับแรกคือการแก้ไขวิกฤตการเงิน จากนั้นเป็นขั้นตอนการประกาศแผนการในอนาคต และท้ายที่สุดให้นำแผนการดังกล่าวมาปฏิบัติเป็นรูปธรรม ปัจจุบันอังกฤษได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุด


กระทรวงคลังสหรัฐเลื่อนขายหุ้นซิตี้กรุ๊ป เหตุราคาขายต่ำเกินไป

หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ประกาศระดมทุน 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการขายหุ้น 5,400 ล้านหุ้นที่ราคา 3.15 ดอลลาร์/หุ้นเพื่อหาเงินชำระหนี้ให้กับรัฐบาล

กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศเลื่อนแผนขายหุ้น 1 ใน 3 ที่ถืออยู่ในซิตี้กรุ๊ป เนื่องจากเห็นว่าราคาขายหุ้นต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นซิตี้กรุ๊ปที่รัฐบาลซื้อมาในราคา 3.25 ดอลลาร์/หุ้นเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยทางกระทรวงคลังสหรัฐถือหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปอยู่ 25,000 ล้านดอลลาร์ และถือหุ้นบุริมสิทธิ์รวมกับหุ้นที่ได้จากข้อตกลงค้ำประกันหลักทรัพย์มูลค่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนหุ้นสามัญค้างชำระของซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้นแตะที่ 28,300 ล้านหุ้น จากระดับ 22,900ล้านหุ้นในสิ้นเดือนก.ย. และขยายตัวขึ้นจาก 5 พันล้านหุ้นเมื่อช่วงสิ้นปี 2550

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก เป็นสามธนาคารที่ระดมทุนเป็นเงินรวมกันกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อชำระหนี้คืนรัฐบาลในโครงการบรรเทาสินทรัพย์ที่มีปัญหาของรัฐบาล (TARP)

ขณะเดียวกัน เวลส์ ฟาร์โก เสร็จสิ้นการขายหุ้น 12,250 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคได้จ่ายหนี้คืนรัฐบาลจำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ธนาคารจะขายหุ้นและหนี้สินรวมอย่างน้อย 20,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อชำระหนี้คืนรัฐบาล และหลังจากนั้นทางกระทรวงคลังสหรัฐได้ออกมาประกาศขายหุ้น 5 พันล้านดอลลาร์


ดูไบเดินสายฟื้นความเชื่อมั่น หลังเผชิญมรสุมหนี้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของดูไบ เดินทางเยือนอังกฤษ และสหรัฐ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยมีแผนที่จะพบปะกับผู้นำทางการเงิน และการเมือง

การ Roadshow ครั้งนี้ นำโดยชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล-มัคทูม ประธานคณะกรรมการการคลังของดูไบ ซึ่งมีฐานะเป็นลุงของผู้ปกครองรัฐดูไบ และ CEO ของบรรษัทการลงทุนดูไบ ซึ่งดูแล port ลงทุนของรัฐบาล

และในสัปดาห์นี้ ดูไบประกาศว่าจะนำเอากฎหมายล้มละลายที่อิงตามหลักปฏิบัติของสหรัฐ และอังกฤษมาประกาศใช้อย่างรวดเร็ว โดยเผื่อไว้ใช้ในกรณีที่ Dubai world อาจจำเป็นต้องขอรับความคุ้มครองจากเจ้าหนี้

ขณะนี้ Dubai world จำเป็นต้องทำข้อตกลงพักการชำระหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อให้ Dubai world มีเวลาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ โดยทาง Dubai world มีกำหนดประชุมกับผู้แทนของธนาคาร ราว 90 แห่ง ในดูไบ ในวันจันทร์ หน้านี้

ในช่วงต้นสัปดาห์ รัฐอาบูดาบีได้ประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ดูไบ เพื่อให้ทาง Dubai world จ่ายหนี้ได้จนถึงสิ้นเดือน เมษายน ปี หน้า และเพื่อยับยั้ยการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ของ บริษัทนาคีล


การประชุมโลกร้อนไม่คืบ-ประเทศร่ำรวยตั้งกองทุนช่วยโลกร้อน

การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกนยังคงเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้าและไม่ได้ข้อสรุป แม้ว่าจะเหลือเวลาประชุมอีกเพียง 2 วันก็ตาม โดยประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนายังคงเกี่ยงกันว่าใครควรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควรลดมากน้อยแค่ไหน และประเทศยากไร้ควรได้รับความช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด

การประชุมในเมื่อวานนี้มีผู้นำกว่า 130 คนเข้าร่วม โดยผู้นำที่จะขึ้นปราศรัยเมื่อวานนี้ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี, นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ, ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล และประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่าน

ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ จะเข้าร่วมประชุมในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ผู้นำทั่วโลกต้องพยายามบรรลุข้อตกลงใหม่เพื่อนำมาใช้แทนพิธีสารเกียวโตที่จะหมดอายุลงในปี 2555

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน แสดงความหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะได้ข้อสรุปที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผลสำหรับทุกฝ่าย

ส่วนข่าวดีก็ยังพอมีอยู่บ้าง เมื่อประเทศที่ร่ำรวยปฏิญาณว่าจะให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติมในการทำสงครามต่อต้านภาวะโลกร้อน

ที่ประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ได้เงินเกือบ 22,000 ล้านดอลล่าร์ จากประเทศร่ำรวยที่ยืนยันจะให้เงินดังกล่าวเพื่อเป็นทุนในการทำสงครามต่อสู้กับภาวะโลกร้อน นำโดยญี่ปุ่นซึ่งให้คำมั่นจะให้เงินจำนวน 19,500 ล้านดอลล่าร์สำหรับประเทศกำลังพัฒนา หากข้อตกลงแบบเบ็ดเสร็จเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศบรรลุผลในการประชุมครั้งนี้

นายซากิฮิโตะ โอซาวะ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นกล่าวขณะประกาศข้อเสนอทางการเงินครั้งใหญ่ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จริงจังอย่างมากในความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก

ทั้งนี้ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศร่ำรวยประกอบด้วยออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ และสหรัฐ ที่กล่าวว่าจะจัดตั้งกองทุนเพื่อประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

การประชุมโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 10 แล้ว ยังหาข้อยุติกันไม่ได้ ขณะที่การประชุมเหลืออีกเพียงแค่ 2 วัน รวมทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำโลกกว่า 190 ชาติ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 17 ธ.ค. 2552 )
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 480,000 ราย
? ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (พ.ย.) เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
บันทึกการเข้า
apple_a
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25



« ตอบ #81 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 10:19:45 AM »

สวัสดีค่ะคุณทองใหม่..... Azn....สบายดีนะค่ะ.... Azn
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #82 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 10:57:53 AM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (18-12-52)

18 ธ.ค. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สเมื่อวานค่อยๆปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ราคาทองคำสปอตมีการแกว่งตัวลงอย่างรุนแรงจนโกลด์ฟิวเจอร์สมีพรีเมียมอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับวันหมดอายุ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,700/800 บาท เงินบาทอ่อนค่าลงช้าๆ


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       หลังจากที่ฟิตช์ได้ปรับระดับความน่าเชื่อถือของประเทศกรีซลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส ก็ได้ออกรายงานปรับอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 1 ระดับเช่นกันจาก A- เป็น BBB+ โดยให้เหตุผลว่าความพยายามในการลดหนี้สินระหว่างประเทศของกรีซเมื่อเร็วๆนี้ยังไม่ดีพอ จึงเหลือเพียงสถาบันมูดีส์เท่านั้นที่ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเพื่อทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ [Bloomberg, Reuters] ทั้งนี้เนื่องจากว่ากรีซอยู่ในระบบยูโรนักลงทุนจึงเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรด้วย รายงานดังกล่าวจึงส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่เฟดให้มุมมองที่ค่อนข้างเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเทขายเงินยูโรเพื่อเข้าไปถือดอลลาร์สหรัฐฯอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกับราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง  [TCAF Research]
       รายงานผลสำรวจผู้ประกอบการในภูมิภาคตะวันออกตอนกลางของสหรัฐฯปรากฏว่าออกมาดีกว่าเดิมผิดกับผลสำรวจในรัฐนิวยอร์คเมื่อต้นสัปดาห์ที่ออกมาไม่ดี รายงานดังกล่าวจึงเป็นการเรียกความมั่นใจของนักลงทุนสหรัฐฯกลับมาส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นพร้อมกับกดดันราคาทองคำลงไปอีก  [Econoday, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานผลสำรวจผู้ประกอบการเยอรมัน Ifo ที่จะมีการเปิดเผยในบ่ายวันนี้ โดยเรามองว่าน่าจะออกมาไม่มีทิศทางที่ชัดเจนและไม่น่าจะส่งผลรุนแรงต่อราคาทองคำได้


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่านักลงทุนได้รับข่าวรุนแรงต่างๆไปหมดแล้ว และราคาในวันนี้น่าจะเกิดจากการเก็งกำไรทางเทคนิคเป็นหลัก เราจึงคาดว่าหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงรุนแรงเมื่อคืน "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวขึ้นอยู่ในช่วงแคบ" เราจึงแนะนำให้ "สะสม LONG เพื่อทำกำไรระยะสั้น โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ราคาสปอต
ต่ำกว่า $1,095"



มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและกลุ่มยูโรน่าจะมีความสำคัญ ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็
ไม่ควรละเลย
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #83 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 11:00:01 AM »

Daily Update 18-12-52

18 ธ.ค. 2552


Gold Market Commentary
ประเด็นสำคัญ
?    ราคาทองทองปิดร่วงแรงหลังดอลล์ดีดตัวเทียบยูโร
?     ดอลล์พุ่งสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่งเทียบยูโร
?     น้ำมันดิบปิดขยับลง 1 เซนต์หลังดอลล์แข็งค่า
?    สวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุด
 

 
    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐร่วงลงในช่วงปิดตลาด โดยอ่อนลงสู่จุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ ในขณะที่ดอลลาร์เดินหน้าต่อเนื่องต่อยูโร โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นในวันพฤหัสบดี ยืนยันถึงสัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ระบุไว้ในแถลงการณ์นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันพุธ  เทรดเดอร์กล่าวว่า ทองร่วงลงต่อเนื่อง ในขณะที่ดอลลาร์พุ่งขึ้นครั้งใหม่ต่อยูโร สู่จุดสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่ง
        ทองร่วงลงต่อเนื่องจากในช่วงแรก เมื่อการแข็งค่าของดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะการคลังของกรีซ โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) เป็นสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือแห่งที่ 2 ที่ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซในรอบราว 1 สัปดาห์          ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับยูโรในรอบกว่า 3 เดือนใน วันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจกับการปรับตัวดีขึ้นในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
       จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุดบ่งชี้ถึงภาวะที่ไม่ราบรื่นสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ    แต่รายงานจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่าดัชนีกิจกรรมการผลิตขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตมิดแอตแลนติกในเดือนธ.ค. กิจกรรมการผลิตของโรงงานในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่งในเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อันเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล
       กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,120.514 ตัน ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2552 ลดลง 9.452 ตัน จากวันที่ 4 ธันวาคม 2552
  กลยุทธ์ :  ราคาทองอาจจะเกิดการดีดทางเทคนิคเทคนิคเกิดขึ้นไปแล้วอาจจะต้องระวังจะมีการปรับฐานติดตามมาอีก สัก 4-5 วันทำการ จะทำให้ราคาอาจจะมีการปรับฐานรุนแรงติดตามมาในระยะสั้นเกิดขึ้นได้
แนวรับระยะสั้น 1066US$
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #84 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 11:43:11 AM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #85 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 11:51:27 AM »

ดัชนีเงินเมกา

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #86 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 11:54:44 AM »

น้ำมัน

บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #87 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 12:06:39 PM »

Huh? Smiley

Huh?Huh??? Wink

??...??!!!! Cheesy
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #88 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 12:19:21 PM »

Huh? Smiley

Huh?Huh??? Wink

??...??!!!! Cheesy
Huh?Huh???
Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #89 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 01:09:45 PM »

ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่ Azn
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: