|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #241 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 09:08:21 AM » |
|
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง หลังนักลงทุนคาดความต้องการน้ำมันของจีนลดลง
Posted on Wednesday, January 13, 2010 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 1.73 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 80.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- จีนประกาศมาตรการเพิ่มอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคาร เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไปและป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลถึงปริมาณการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก ว่าอาจปรับลดลงจากผลของการใช้นโยบายทางการเงินแบบตึงตัว
- สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดในสหรัฐฯเริ่มคลี่คลายภายใน 2-3 วันข้างหน้านี้ตามรายงานพยากรณ์อากาศ ซึ่งหมายถึงแนวโน้มการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อนที่จะปรับลดลง ส่งผลกดดันทิศทางราคาน้ำมันในตลาด
- รายงานน้ำมันประจำเดือน ม.ค. ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ออกมาปรับลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2553 ลง 20,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ EIA ยังคงมองว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้จะขยายตัวจากปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ระดับ 1.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- รายงานปริมาณน้ำมันคงคลังโดยสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐฯ (API) สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. ระบุว่าปริมาณน้ำมันทำความร้อนและดีเซลสำรองปรับเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันเบนซินสำรองปรับเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่ผลการสำรวจของรอยเตอร์กลับชี้ว่าปริมาณน้ำมันทำความร้อนและดีเซลสำรองปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และ ปริมาณน้ำมันเบนซินสำรองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามต้องติดตามผลการประกาศอย่างเป็นทางการของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯในคืนนี้
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 1.67 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 79.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 79.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
- สนับสนุนข้อมูลโดย บมจ. ไทยออยล์ -
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #242 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:05:08 AM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับกราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #243 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:05:33 AM » |
|
ดัชนีเงินเมกา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2010, 10:09:21 AM โดย ทองใหม่ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #244 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:14:06 AM » |
|
น้ำมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sa
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 264
|
|
« ตอบ #245 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:17:51 AM » |
|
สวัสดีค่ะคุณทองใหม่ เมื่อวานแบ่งขายไปบางส่วนวันนี้ลงซะแล้ว วันนี้จะซื้อกลับดีหรือรอดีคะเผื่อลงอีกค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #246 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:47:36 AM » |
|
สวัสดีค่ะคุณทองใหม่ เมื่อวานแบ่งขายไปบางส่วนวันนี้ลงซะแล้ว วันนี้จะซื้อกลับดีหรือรอดีคะเผื่อลงอีกค่ะ
ตอบให้ไม่ได้หรอกครับ เพราะตลาดอาจเปลี่ยนแปลงในพริบตาก็ได้ หากดูตามกราฟตาแป๊ะ ด้านขวาทั้งช่องบนและล่าง มีสัญญาณปรากฏว่าทองจะลงบ้างแล้วครับ แต่หน้าตาแป๊ะยังไม่เปลี่ยน สัญญาณลงที่ปรากฏนั้นจึงยังไม่แรงพอว่าทองจะต้องลงร้อยเปอร์เซ็น พยายามอ่านคำอธิบายที่ผมให้มาพร้อมกราฟตาแป๊ะ ค่อยๆทำความเข้าใจให้ได้ หากเข้าใจแล้วพอเห็นกราฟตาแป๊ะ เราก็จะมีทิศทางของเราเองได้ครับ อีกกราฟตัวหนึ่งที่ควรทำความเข้าใจ คือกราฟใหม่2010 ผมว่ากราฟตัวนี้ต่อไปอาจใช้แทนกราฟตาแป๊ะได้ และอาจดีกว่ากราฟตาแป๊ะก็เป็นได้ เมื่อวานไม่ได้โพสกราฟตัวนี้ให้ดู เพราะเห็นเพื่อนๆเฉยๆกับกราฟตัวนี้ ผมเองก็เลยถือโอกาสไม่โพสครับ ฮาฮา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Neung99k
|
|
« ตอบ #247 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:54:28 AM » |
|
สวัสดีครับพี่ทองใหม่ สุขภาพเป็นไงบ้างครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #248 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:57:01 AM » |
|
13 ม.ค. 2553
ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองฟื้นตัวใกล้ 1,130 ดอลล์เช้านี้หลังร่วงหนักวานนี้
ราคาทองปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ หลังดิ่งลงกว่า 2 % วานนี้ในการเทขาย สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วกระดาน ขณะที่การคุมเข้มทางการเงินของจีนที่สร้างความประหลาดใจ ได้กระทบต่อความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน ณ เวลา 09.43 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ 1,128.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับปิดในตลาดสปอตนิวยอร์คเมื่อวานนี้ ที่ระดับ 1,127.95 ดอลลาร์ สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด COMEX อยู่ที่ 1,129.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาปิดวานนี้ลดลง 1.9 % ที่ 1,129.40 ดอลลาร์ ราคาทองร่วงลงกว่า 2 % เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดภายใน วันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่าแรงเทขายทางเทคนิค ได้ถ่วงราคาลงหลังราคาทองแท่งในตลาดสปอตดิ่งลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในรอบ 50 วันที่ 1,130 ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ ราคาทองพุ่งสูงถึง 1,161.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 5 สัปดาห์ กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองคำลดลง 3.657 ตัน หรือ 0.3 % สู่ระดับ 1,115.884 ตัน ณ วันที่ 12 ม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
แหล่งที่มา : รอยเตอร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #249 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 10:59:57 AM » |
|
ประเด็นสำคัญ - ราคาทองปิดลบ 2% หลังจีนเพิ่มเพดานกันสำรองธนาคาร - สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงหลังข่าวจีนช็อกตลาด - ความเห็นเจ้าหน้าที่จีนหนุนดอลล์ ขณะกดดันเงินเอเชีย - กังวลค่าธรรมเนียมธนาคารกดดาวโจนส์ร่วง 0.34%
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดต่ำกว่า 1,130 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันอังคาร โดยร่วงลง 2% ในขณะที่ข่าวการคุมเข้มนโยบายการเงินของจีน ยับยั้งทัศนะแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งกระตุ้นการเทขายทางเทคนิคอย่างหนัก สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,124.30-1,158.30 ดอลลาร์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 231,945 สัญญา นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงทะลุระดับเคลื่อนตัวเฉลี่ยรอบ 50 วันใกล้ 1,128 ดอลลาร์ แต่ระดับเคลื่อนตัวเฉลี่ยรอบ 100 วัน ที่ 1,070 ดอลลาร์ อาจจะเป็นแรงหนุนตลาด
เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อชดเชยยอดสูญเสียจากโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) และเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณปี 2011 ค่าธรรมเนียมนี้อาจส่งผลให้รัฐบาลเรียกเก็บเงินได้ถึง 1.20 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยยอดสูญเสียของผู้เสียภาษีที่เป็นผลมาจากมาตรการกอบกู้สถาบันการเงิน
สกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงในวันอังคาร หลังจากจีนประกาศเพิ่มเพดานการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า อุปสงค์ของจีนอาจลดลง และจะชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดทั่วโลกด้วยแถลงการณ์ว่า จะเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองของภาคธนาคารพาณิชย์ขึ้น 0.50% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งเป็นส่งสัญญาณชัดเจนที่สุดที่แสดงถึงการคุมเข้มนโยบายทางการเงิน สกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และแคนาดา ร่วงแตะระดับต่ำสุดของวันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังการร่วงลงของราคาทอง
กลยุทธ์ : หลังจากที่ราคาได้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 1,126 US$ ปรับฐานลงไปที่ 1,072 USS และได้ดีดทางเทคนิคขึ้นมาบริเวณ 61.8% จากจุดต่ำสุด ที่ระดับราคา 1,161 USS ช่วงนี้อาจจะติดตามด้วยการปรับฐานต่อเนื่องอีกครั้งได้ ในช่วงวัน ต่อคืนนี้อาจจะเกิดการดีดระยะสั้นมา 1,138 ปะทะแนวต้านและอาจจะปรับฐานลงต่อเนื่องได้อีก ที่แนวระดับราคา 1,112US$อีกครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #250 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:03:44 AM » |
|
บทวิเคราะห์ทองคำ (13-01- 53)
13 ม.ค. 2553
สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สมีการแกว่งตัวในช่วงแคบตามราคาสปอตซึ่งผันผวนตลอวันก่อนปรับตัวลดลงรุนแรงในช่วงเย็น ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,000/100 บาท เงินบาททรงตัว
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ เมื่อมีข่าวแต่เช้าเกี่ยวกับมุมมองของผู้ที่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการบริหารกองทุนให้กับรัฐบาลเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ให้ความเห็นว่าดอลลาร์ไม่น่าจะอ่อนค่าได้กว่านี้มากแล้วและทั้งจีนและสหรัฐฯน่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ภายในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งเขาก็ได้ออกมายืนยันในภายหลังว่ามุมมองดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเขาเท่านั้น ข่าวดังกล่าวจึงสร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำได้เป็นอย่างดี [Reuters, TCAF Research] ธนาคารกลางจีนประกาศปรับมาตรการให้ธนาคารพาณิชย์ต้องคงเงินทุนสำรองไว้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก 0.5% ซึ่งทำให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนอาจใช้นโยบายการเงินรัดกุมมากขึ้นกว่าเดิมในไม่ช้า ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนมองว่าอาจส่งผลลบต่อราคาสินค้าและการเติบโตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกดูเหมือนจะต้องพึ่งจีนในการฟื้นตัว ซึ่งเมื่อประกอบกับรายงานรายบริษัทในสหรัฐฯที่เริ่มเปิดเผยผลกำไรออกมาไม่ค่อยดีนักในต้นฤดูประกาศผลประกอบการ นักลงทุนจึงเริ่มกลัวความเสี่ยงและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทุกชนิดเพื่อทำกำไรอย่างรุนแรงส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และทองคำปรับตัวลดลงไปอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามเรามองว่าการกระทำดังกล่าวของจีนน่าจะทำเพื่อป้องกันฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้นหลังจากที่คำเตือนด้วยการขอความร่วมมือก่อนหน้านี้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เราจึงคาดว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนได้ชั่วคราวเท่านั้น [Bloomberg, Reuters, TCAF Research] ในคืนนี้นักลงทุนจะจับตามุมมองของเฟดในเบจบุ๊คที่จะเปิดเผยออกมาก่อนปิดตลาดสหรัฐฯเพื่อคาดการณ์แนวโน้มนโยบายของเฟดในอนาคต
แนวโน้มทองคำวันนี้ ถึงแม้เรามองว่าในขณะที่ทองคำน่าจะได้รับผลบวกจากภาพเศรษฐกิจโลกฟื้น แต่มาตรการต่างๆของจีนกลับออกมากดดันทั้งทองคำและค่าเงินยูโรต่อเนื่อง ทำให้อาจสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนโดยทั่วไป เราจึงมองว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวโดยมีทิศทางไม่ชัดเจน" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์"
มุมมองทองคำ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวน่าจะมีความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ ในขณะที่มาตรการต่างๆของจีน(แทนที่จะเป็นสหรัฐฯ)ก็น่าจับตามองไม่แพ้กันเนื่องจากอาจส่งผลต่อการรับความเสี่ยงของนักลงทุนได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
brabus
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #251 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:09:45 AM » |
|
ขอบคุณมากค่ะพี่ทองใหม่ สงสัยวันนี้ต้องล้างพอร์ตออยแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #252 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:13:41 AM » |
|
ราคาบ้านอังกฤษร่วงผิดคาดในเดือนธ.ค. ฉุดความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัววูบ
Posted on Wednesday, January 13, 2010 ผลสำรวจ RICS ชี้ราคาบ้านอังกฤษร่วงผิดคาดในเดือนธ.ค.
ขณะที่นักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในช่วงต่อไป แต่หลายคนก็ยังไม่ลืมที่จะหันกลับมามองที่ตลาดบ้าน ในฐานะตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งที่จะกำหนดแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต
ล่าสุด ผลสำรวจราคาบ้านที่อังกฤษสะท้อนถึงการแผ่วลงของดีมานด์ในเดือนธันวาคม เมื่อข้อมูลในส่วนที่แสดงถึงความต้องการหาซื้อบ้านใหม่ออกมาลดลง
ผลสำรวจของ Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) ชี้ว่า สัดส่วนของจำนวนเอเยนต์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่บอกว่าราคาเพิ่มขึ้น มีมากกว่าจำนวนคนที่บอกว่าราคาลดลงอยู่ 30% ซึ่งน้อยลงจาก 35% ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ 37%
รายงานนี้อาจถูกมองว่า ตลาดบ้านในอังกฤษที่เคยเป็นนความหวังสำหรับการฟื้นตัว กำลังกลับมาอ่อนแรงลงอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงวิกฤติมูลค่าบ้านได้ร่วงลงไปถึง 20% นอกจากนี้ รายงานล่าสุดก็ยังสอดคล้องกับมุมมองของบริษัท Halifax ที่เป็นสาขาธุรกิจของ Lloyds Banking Group ที่คาดว่า แนวโน้มราคาบ้านของอังกฤษในปีนี้น่าจะยังยืนอยู่ที่ระดับเดิมต่อไป
และที่สำคัญสำหรับการจับตาดูราคาบ้านจากนี้ ก็คือ การเร่งทำคะแนนของนายกรัฐมนตรี Gordon Brown ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมิถุนายนที่จะถึง ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนโยบายทั้งหลายว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้มากขนาดไหน
นักเศรษฐศาสตร์ของ BNP Paribas พูดถึงรายงานตลาดบ้านล่าสุดด้วยว่า ผลของความต้องการที่อั้นมาในช่วงวิกฤติและมาช่วยผลักดันให้ราคาขยับเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ กำลังเริ่มหมดแรงลงแล้ว และนี่คือสัญญาณเตือนภัยอันแรกๆ ที่กำลังจะบอกว่า ตลาดบ้านมีโอกาสที่จะร่วงลงอีกครั้ง
ความกังวลดังกล่าวยังไปเหมือนกับมุมมองของผู้บริหารธนาคารกลาง ที่ก่อนหน้านี้มีคนของ BOE เคยแสดงความรู้สึกแปลกใจในตัวเลขราคาบ้านที่ฟื้นขึ้น ขณะที่บริษัทวิจัย Hometrack ในลอนดอนคาดการณ์ว่า ราคาบ้านในอังกฤษมีแนวโน้มที่จะลดลงในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามสภาวะการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและความกังวลที่รัฐบาลจะจำกัดการใช้จ่าย และยิ่งไปกดดันความต้องการในตลาดลงอีก
ข่าวจีนชะลอเศรษฐกิจ ฉุดหุ้นสหรัฐฯ ? ยุโรปร่วง
ข่าวที่ทางการจีนสั่งให้ธนาคารในประเทศตั้งสำรองเงินทุนในอัตราที่สูงขึ้นเพื่อหวังชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเร่งตัวเร็วจนเกินไป กลายเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งเรื่องของผลกำไร Alcoa ที่ประเดิมรายงานผลประกอบการต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ และยังไม่รวมถึงการที่มีบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ อย่าง Chevron ออกมาบอกว่า กำไรในไตรมาสที่แล้วจะต่ำลงกว่าไตรมาสก่อนหน้า จนทำให้นักลงทุนหันมาเก็งว่าผลการดำเนินงานของบริษัทล่าสุดจะสร้างความน่าผิดหวัง
ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเป็นครั้งแรกของปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแรงที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ และในเวลาเดียวกัน เทรดเดอร์ก็ขายทำกำไรในตลาดน้ำมัน ทำให้ราคาร่วงลงมากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์
นักวิเคราะห์มองว่า สัญญาณจากประเทศจีนเป็นเหมือนการตอกย้ำความเชื่อที่ว่า รัฐบาลประเทศต่างๆ อาจจะทยอยถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อเห็นตัวเลขที่สำคัญออกมาดีขึ้น
หุ้น Air France ? KLM Group นำหุ้นทั้งกลุ่มสายการบินของยุโรปปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ Japan Airlines ดิ่งลงกว่า 40% ในการซื้อขายเมื่อวาน รับข่าวความเป็นไปได้ที่บริษัทจะยื่นขออนุมัติเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย แม้ว่าตลาดเอเชียจะมีแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายรถในประเทศจีน ที่พุ่งขึ้นแรงที่สุดในรอบ 10 ปีเป็นอย่างน้อย
ส่วนที่ตลาดน้ำมัน ถึงแม้ราคาจะแผ่วลงมายืนใกล้ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล จากข่าวที่ทางการจีนใช้มาตรการสกัดกั้นฟองสบู่ในเศรษฐกิจ ล่าสุดทางด้านกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ก็ออกมาปรับเพิ่มคาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันในปีนี้ ขึ้นมาอยู่ที่ 79.8 เหรียญ จากคาดการณ์เดิมที่ 78.6 เหรียญ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่แล้ว ที่ราคาน้ำมัน West Texas Intermediate เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 61 เหรียญเท่านั้น
สหรัฐเล็งเก็บค่าธรรมเนียมสถาบันการเงินเพื่อลดการขาดดุลงบฯ
บารัค โอบามา อยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีกับบริษัทและสถาบันการเงิน เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศ หลังจากที่ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
การขาดดุลงบประมาณส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการให้เงินช่วยเหลือภาคธนาคารที่นำเงินภาษีประชาชนมาใช้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทการเงินซ์ดีดตัวขึ้นและอาจจะดีดตัวขึ้นถึง 3 เท่าในปีหน้า และบริษัทไฟแนนซ์เหล่านี้ก็จะเริ่มรายงานตัวเลขกำไรกันในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ กฎหมายที่รับรองโครงการบรรเทาสินทรัพย์ที่มีปัญหาของรัฐบาล (TARP) มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์นั้น ได้ให้อำนาจกับประธานาธิบดีในการร้องขอให้สภาคองเกรส เพื่อดึงเงินชดเชยให้กับประชาชนผู้เสียภาษีหากว่าสถาบันการเงินที่ได้รับความช่วยเหลือไม่สามารถจ่ายหนี้คืนได้เต็มจำนวน
แบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แบงค์อาจจะจ่ายโบนัสจำนวนมากให้กับนายแบงค์บางส่วน
นายโรเบิร์ต กิ๊บส์ เลขาธิการด้านสื่อมวลชนของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า เป้าหมายของโอบามา คือ ต้องการสร้างความมั่นใจว่าเงินภาษีประชาชนที่ถูกนำไปใช้นั้น จะได้กลับคืนมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแนวคิดดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดประสิทธิภาพได้ยาก และอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ต้องการหลายอย่าง
หุ้น JAL วูบหนัก ขณะใกล้ล้มละลาย
หุ้นของ JAL ท่วมท้นไปด้วยคำเสนอขาย โดยเหลือเพียง 37 เยนต่อหุ้น ลดลง 44.8% จากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 67 เยน และมีการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นโตเกียว จะปลดหุ้น JAL ออกจากตลาด
ขณะที่ทางด้านนายเซอิจิ มาเอฮารา รัฐมนตรีคมนาคมของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเจแปน แอร์ไลน์ส พร้อมย้ำว่าจะไม่ทำให้การดำเนินงานของบริษัทต้องหยุดชะงักในระหว่างที่บริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
นายมาเอฮารากล่าวว่า ตนได้รับอนุมัติจากแบงก์เจ้าหนี้รายใหญ่ของ JAL ให้ดำเนินการช่วยเหลือในการฟื้นฟูสายการบินดังในระหว่างที่เข้าร่วมเจรจากัน
นอกจากนี้ เจแปน แอร์ไลน์ส สามารถขอเสียงสนับสนุนเรื่องการลดบำนาญจากพนักงานที่เกษียณแล้วของบริษัทได้กว่า 2 ใน 3 ส่วน ซึ่งจะเป็นการปูทางให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากกองทุนสาธารณะได้
JAL เผยพนักงานที่เกษียณแล้ว 67% ได้ให้การอนุมัติแผนการดังกล่าวเมื่อวานนี้ โดยเมื่อวานซึ่งเป็นเส้นตายสำหรับสายการบินในการหาคะแนนเสียงจากพนักงานที่เกษียณแล้วประมาณ 9,000 คน เรื่องการลดบำนาญมากกว่า 30% ขณะที่บริษัทเตรียมที่จะยื่นล้มละลายภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการตามคำแนะนำของศาล
ก่อนหน้านี้นายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้พนักงานที่เกษียณแล้วของเจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป มีส่วนร่วมในการแสดงความรับผิดชอบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการลดสิทธิประโยชน์บำนาญลง ในขณะที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือและขออนุมัติแผนการฟื้นฟูกิจการบริษัทด้วยอำนาจศาล
นายกฯญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พนักงานที่เกษียณแล้ววิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองหากผลประโยชน์ด้านบำนาญนั้นถูกตัดลงเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเราพูดถึงเรื่องผู้ที่รับผิดชอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของสายการบินแล้ว เชื่อว่าพนักงานทั้งหมดควรจะมีส่วนรับผิดชอบ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า Enterprise Turnaround Initiative Corp. of Japan (ETIC) วางแผนที่จะยุบกองทุนบำนาญของสายการบินลง หากสายการบินไม่สามารถเจรจาเพื่อลดผลประโยชน์บำนาญลงได้
ฮ่องกงเตรียมเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมเอเชีย
เฮนรี่ ถัง ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนนิวยอร์กซิตี้ว่า ฮ่องกงกำลังแปลงโฉมตนเองให้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งเอเชีย
ขณะนี้รัฐบาลฮ่องกงได้เริ่มเดินหน้าโครงการเขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตก (West Kowloon Cultural District - WKCD) เพื่อเปลี่ยนวิคตอเรีย ฮาเบอร์ ให้กลายเป็น เวสต์เอนด์ แห่งเอเชีย
นายถังกล่าวว่า WKCD ซึ่งมีพื้นที่ 40 เฮคเตอร์เลียบอ่าววิคตอเรีย จะเป็นที่ตั้งของสถานที่แสดงผลงานทางศิลปะไม่ต่ำกว่า 15 แห่ง อาทิ คอนเสิร์ตฮอลล์ โรงละคร และพิพิทธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย เป็นต้น โดยในเบื้องต้นรัฐบาลฮ่องกงได้ทุ่มเม็ดเงินในโครงการดังกล่าวไปแล้ว 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำหนดการเปิดเฟสแรกในปี 2557 หรือ 2558 ซึ่งโครงการ WKCD จะช่วยยกระดับฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งภูมิภาค
นอกจากนี้ นายถังยังเผยด้วยว่า รัฐบาลฮ่องกงจะสร้างทางรถไฟด่วนที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีน โดยจะมีสถานีตั้งอยู่ที่เวสต์เกาลูน เพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางไปยังเมืองกวางโจว เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง โดยคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 48 นาที
จีนประกาศเพิ่มสำรองเงินฝากธนาคารพาณิชย์
ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 0.5% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมปีนี้ ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551
การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการกันสำรองเงินฝากในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคลายความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนที่มีอัตราขยายตัวเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากหวั่นเกรงว่าการขยายตัวของสินเชื่อที่สูงเกินไปจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์
ธนาคารพาณิชย์จีนทำสถิติปล่อยกู้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9.21 ล้านล้านหยวน (1.3 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดีดตัวขึ้นหลังจากที่วิกฤตการเงินโลกได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางระบุว่า การปรับเพิ่มสำรองเงินฝากในครั้งนี้ไม่รวมถึงสถาบันการเงินขนาดเล็ก อาทิ สหกรณ์ในเขตชนบท และไม่ได้ระบุชัดเจนถึงสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ 15.5% และ 13.5% สำหรับธนาคารขนาดเล็ก
จีนปรับขึ้นดอกเบี๋ยตั๋วเงินคลัง ส่งสัญญาณคุมเศรษฐกิจร้อน
ธนาคารกลางจีน ปรับขึ้นดอกเบี้ยตั๋วเงินคลัง อายุ 1 ปี จาก 0.08% สู่ระดับ 1.843% (มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้) ซึ่งมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ ปริมาณการปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารพุ่งขึ้นสู่ 600,000 ล้านหยวนเพียงแค่สัปดาห์แรกของปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสร้างความวิตกว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป ประกอบกับตัวเลขการค้า เดือน ธ.ค. ที่ระดับสูงก็เป็นอีกปัจจัหนึ่งที่สนับสนุนแนวคิดนี้
ความเห็นของนักวิเคราะห์ มองว่า ?การซื้อคืนพันธบัตรวานนี้ เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า ธ.กลางจีนกำลังดูดซับเม็ดเงินออกจากตลาดตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะ ธ.กลางจีนมองว่าสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงเกินไป?
อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก Trader ไม่มั่นใตว่า ธ.กลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝาก มากกว่า 0.54% ในปีนี้
จีนเตรียมก่อสร้างท่าอากาศยานสูงที่สุดในโลก
จีนวางแผนจะก่อสร้างท่าอากาศยานสูงที่สุดในโลกที่ทิเบต ที่ระดับความสูงเกือบ 4,500 เมตร โดยโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบนหลังคาโลกจะดำเนินการที่เขตหนาฉู่ ที่ระดับความสูงถึง 4,436 เมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า ด้วยงบประมาณมูลค่า 1,800 ล้านหยวน (ประมาณ 8,715 ล้านบาท)
เขตหนาฉู่จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในดินแดนดังกล่าว นอกจากนี้ ท่าอากาศยานแห่งใหม่ดังกล่าวจะเป็นท่าอากาศยานแห่งที่ 6 ที่ก่อสร้างขึ้นในดินแดนซึ่งปกครองโดยจีนมานานเกือบ 60 ปี
นักวิจารณ์ระบอบการปกครองของจีนเปิดเผยว่า ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานใหม่ เช่น ทางรถไฟซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ และท่าอากาศยานแห่งใหม่ดังกล่าว จะทำให้ชาวฮั่นหลั่งไหลเข้ามาในทิเบต เพื่อหาประโยชน์จากทรัพยากรและควบคุมระบบการปกครองของทิเบต แต่ทางการจีนยืนกรานว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยยกมาตรฐานความเป็นอยู่ให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 12 ม.ค. 2553) ? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (พ.ย.) ขาดดุล 36,400 ล้านดอลลาร์ (ขาดดุลมากกว่าคาดการณ์)
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 13 ม.ค. 2553) ? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA ? รายงาน Beige Book โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #253 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:20:45 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #254 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:23:48 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|