Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 54900 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #75 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 06:45:21 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้


บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #76 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 07:25:15 AM »

สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณทองใหม่  ขยันจังเลยนะคะ ว้นนี้แปะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะเมื่อวานเห็นตาแปะยังยิ้มได้เลยกัดฟันโดดเข้าตอน1125จะมีโอกาสได้ออกในอาทิตย์นี้มั๊นคะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #77 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 07:39:19 AM »

สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณทองใหม่  ขยันจังเลยนะคะ ว้นนี้แปะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะเมื่อวานเห็นตาแปะยังยิ้มได้เลยกัดฟันโดดเข้าตอน1125จะมีโอกาสได้ออกในอาทิตย์นี้มั๊นคะ
ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่จ้า แล้วจะรีบออกไปไหนจ๊ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #78 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 07:44:08 AM »

ทองคำปิด+40เซนต์   
 วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553 07:28

แรงซื้อเก็งกำไรหนุนราคาทองคำนิวยอร์กปิดบวก40เซนต์

สัญญาทองคำตลาดโคแม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,118.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 40.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,115.50-1,129.60 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 17.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 33.70 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.75 เซนต์ ปิดที่ 3.4135 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,537.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 13.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 421.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 55.00 เซนต์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงอีก นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #79 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 09:15:29 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่...แป๊ะยิ้มอยู่หนูก็ยิ้มได้ค่ะถ้าแป๊ะจะร้องไห้เมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้าด้วยนะคะ คุณทองใหม่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #80 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 10:21:49 AM »

จีนหวั่นต่างชาติแห่เก็งกำไรค่าเงินหยวน หลังคาดการณ์ว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น

Posted on Wednesday, January 06, 2010
ต่างชาติแห่เก็งกำไรหยวนจากคาดการณ์หยวนแข็งค่า

นายจาง เสี่ยวเจียง รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) คาดการณ์ว่า จะมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาเก็งกำไรสกุลเงินหยวนในประเทศจีนจำนวนมาก

เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสกุลเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้ทางการจีนประสบความยากลำบากในการจัดการกับสภาพคล่องที่มีอยู่มากเกินไป

นายจางกล่าวผ่านเว็บไซต์ของ NDRC เมื่อวานนี้ว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนของกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ รวมทั้งความอ่อนแอของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้น จะส่งผลให้เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น

พร้อมกับกล่าวว่า อัตราการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในปี 2552 อาจทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศมากขึ้น

ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนพุ่งขึ้น 17% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 แตะที่ระดับ 2.27 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้จีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงสุดของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางจีนแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินหยวน

ทั้งนี้ การที่ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นมากในปีที่แล้วทำให้ประเทศในเอเชียเสียเปรียบในตลาดการค้าโลก เพราะสกุลเงินที่แข็งค่าทำให้ราคาสินค้าเพื่อการส่งออกมีราคาแพงขึ้น

จีนตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2551 เพื่อช่วยให้กลุ่มผู้ส่งออกของจีนสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินโลกได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ยืนกรานว่าจีนจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นคาเงินหยวน

นักวิเคราะห์จากเอสเจเอส มาร์เก็ตส์ คาดการณ์ว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะร่วงลง 6% ในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยดัชนี Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐ ร่วงลง 4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่สกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียและเงินวอนเกาหลีใต้ ทะยานขึ้นกว่า 15% ในปีที่แล้ว


Dow Jones ติดลบ หลังตลาดบ้านมือสองร่วง ขณะคำสั่งซื้อภาคโรงงานบวก

นักลงทุนตลาดวอลล์สตรีทถือโอกาสขายหุ้นทำกำไร หลังรายงานสภาวะตลาดบ้านสร้างความน่าผิดหวัง โดยในครั้งนี้เป็นการเปิดเผยจำนวนสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสอง ที่ออกมาร่วงลงมากกว่าตลาดคาดในเดือนพฤศจิกายน ด้วยเหตุผลที่ผู้ซื้ออาจตัดสินใจรอการต่ออายุมาตรการจูงใจทางภาษีจากรัฐสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกในขณะนั้น จนทำให้จำนวนสัญญาดังกล่าวออกมาร่วงลงถึง 16% หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบ 4% ในเดือนตุลาคม และถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือนอีกด้วย

และที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นก็คือ แนวโน้มจากนี้ที่ตลาดบ้านอาจยังแวดล้อมด้วยความเสี่ยงต่อไป เมื่อมาตรการจูงใจทางภาษีที่ถูกต่ออายุมาแล้วครั้งหนึ่งจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ขณะเดียวกับที่อัตราการว่างงานยังอยู่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี และยังไม่รวมถึงสถานการณ์ด้านการเงินของผู้บริโภคที่ยังเป็นตัวขัดขวางยอดขายบ้าน หลังจากที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้หวังว่าตลาดบ้านจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในรอบนี้

อย่างไรก็ดี เมื่อคืนที่ผ่านมากลับมีอีกหนึ่งรายงานที่โผล่มาช่วยให้นักลงทุนใจชื้นขึ้นได้บ้าง เมื่อกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรม ขยับขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็มาจากการเพิ่มของออเดอร์สินค้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคธุรกิจ จนทำให้ยอดบุ๊คกิ้งโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ในรอบ 8 เดือนล่าสุด

นอกจากนี้ ภาพรวมของตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมส่งสัญญาณว่าธุรกิจเริ่มที่จะทรงตัวได้ หลัง Ford Motor, Toyota Motor และ Honda Motor ต่างรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้น และดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สำหรับมุมมองแนวโน้มอุตสาหกรรมรถสหรัฐฯ ในปีนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Center for Automotive Research มองว่า ยอดขายทั้งปี 2010 อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 19% มาอยู่ที่ 12.4 ล้านคัน จากความต้องการรถใหม่และสภาวะสินเชื่อผู้บริโภคที่กำลังมีทิศทางดีขึ้น เช่นเดียวกับ มุมมองของผู้ผลิตรถเองที่คิดว่าในปีนี้ยอดขายน่าจะกลับมาสดใส เมื่อดูจากความเห็นของบริษัท Chrysler ที่คาดว่ายอดขายของทั้งอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 10.8 ล้านคัน ขณะ Ford คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 12.3 ล้านคัน

กลับมาดูที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่แม้ว่าจะมีแรงขายหุ้นทำกำไร แต่หุ้นส่วนใหญ่กลับยังบวกขึ้นได้ในช่วงปิดตลาด ส่งผลให้ S&P 500 สามารถยืนหยัดอยู่ได้แถวระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์ ที่บวกขึ้นมาเป็นวันที่ 9 ไปจนถึงหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน


จับตาหุ้น IPO อาจถ่วงดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ร่วงปีนี้

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือแนวโน้มราคาหุ้น ทางด้านกูรูนักลงทุนชื่อดัง อย่าง Mark Mobius ก็ออกโรงเตือนนักลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ว่า หุ้นเข้าเทรดใหม่หรือหุ้น IPO ในกลุ่มประเทศเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นตัวดึงดูดเม็ดเงินอย่างมาก แทนที่จะเป็นบริษัทในประเทศอุตสาหกรรมเหมือนอย่างที่เคยเป็น

สถานการณ์นี้ Mobius มองว่า อาจจะทำให้ดัชนีหุ้นของ Emerging markets ร่วงลงได้ถึง 20% เลยทีเดียว

ในอีกด้านหนึ่ง ข้อมูลจากฝ่ายงานที่ดูแลเรื่องหลักทรัพย์ของ Barclays ในนิวยอร์ก ชี้ให้เห็นว่า สภาวะเศรษฐกิจที่เร่งตัวของประเทศจีน อินเดีย และบราซิล ช่วยทำให้ดีล IPO เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด ด้วยจำนวนการออกขายหุ้นใหม่ถีบตัวขึ้นถึงเกือบ 2 เท่า มาอยู่ที่ 200,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ทางด้านประเทศโปแลนด์เพียงที่เดียวก็มีผู้คาดการณ์ว่า บริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจอาจจะออกหุ้นขายที่มีมูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านเหรียญ

และนอกจากเรื่องการออกหุ้นใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแล้ว ปัจจัยกดดันยังอยู่ที่เรื่องมูลค่าหุ้นในตลาดที่ทำการซื้อขายอยู่ ณ ระดับราคาสูงสุด เมื่อเทียบกับผลกำไรของตัวเองหากย้อนหลังไปจนถึงปี 2543 หลังจากที่ดัชนี Emerging market กระโดดขึ้นมาราว 75% นอกจากเรื่องที่บริษัทต่างๆ ในประเทศเหล่านี้ระดมทุนผ่านการออกหุ้นใหม่ที่สูงถึง 77,000 ล้านเหรียญ

ตามข้อมูลของ Bloomberg ที่รวบรวมไว้ แสดงให้เห็นว่า การออกหุ้นใหม่ในประเทศกำลังพัฒนามีมูลค่าที่แซงหน้าประเทศที่พัฒนาแล้วไปถึงกว่า 160% และเป็นครั้งแรกที่ประเทศอุตสาหกรรมดึงดูดเม็ดเงินจากการทำ IPO น้อยกว่า

Mark Mobius ในฐานะผู้บริหารกองทุนยักษ์ใหญ่ Templeton Asset Management บอกว่า ถ้ายิ่งดูขนาดของจำนวนการออกหุ้นใหม่เหล่านี้ ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงถึงเรื่องซัพพลายที่กำลังจ่อเข้าตลาดอยู่อย่างมหาศาล แม้ว่าราคาหุ้น IPO บางตัวจะดูสมเหตุสมผลก็ตาม ซึ่งเขาเองก็คาดว่าน่าจะมีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคจนฉุดตลาดร่วงลงได้บ้าง

ถ้าดูเฉพาะในส่วนของตลาดจีน ก็มีการประเมินโดยบริษัท Ernst & Young และ Bloomberg ว่า ในปีนี้มูลค่าหุ้น IPO ที่ตลาดเซี่ยงไฮ้อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า มาอยู่ที่ 380,000 ล้านหยวน หรือราว 56,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ตัวเลขอาจจะอยู่ที่ 370,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 48,000 ล้านเหรียญ ซึ่งถ้าหากรวมกันทั้งสองตลาด ตัวเลขก็จะพุ่งสูงกว่ามูลค่าหุ้น IPO ในสหรัฐฯ ที่มีนักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่า น่าจะอยู่แถวๆ 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้


นักลงทุนหวั่น ?สัมพันธ์สหรัฐ-จีน? ฉุดการลงทุนปี 53

ยูเรเซีย กรุ๊ป เผยรายงานปัจจัยเสี่ยงสำหรับนักลงทุนทั่วโลกประจำปี 2553 จำนวน 10 อันดับ ในชื่อ ''Top Risks for 2010'' โดยปัจจัยเสี่ยงอันดับที่ 1 ได้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ อันดับที่ 2 คือ อิหร่าน อันดับ 3 ได้แก่ ความหลากหลายทางการเงินของยุโรป ขณะที่ญี่ปุ่นติดอันดับที่ 5

รายงานชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐติดอันดับ 1 เพราะอัตราว่างงานสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนจะยิ่งทวีความตึงเครียดในปีนี้ และสำหรับจีนเองนั้น การเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับสหรัฐดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะมีความดึงดูดใจน้อยกว่าช่วง 2-3 ปีที่แล้ว

ในขณะที่การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐจะมีขึ้นในเดือนพ.ย. คาดว่า จะมีการใช้การเมืองกดดันนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น

รวมถึงเรื่องความตึงเครียดด้านนโยบายการลงทุนทั้งในสหรัฐและจีน การวิจารณ์อย่างรุนแรงของจีนเมื่อประธานาธิบดีโอบามาผลักดันเรื่องเพดานการค้าเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องเหล็ก และประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับความปลอดภัยบนระบบอินเทอร์เน็ต

สำหรับประเด็นเรื่องอิหร่านกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ 2 นั้น เพราะในรายงานระบุว่า อิหร่านดูเหมือนสัตว์ที่ถูกต้อนจนมุมและบาดเจ็บมากขึ้น ปีนี้จึงดูเหมือนว่า จะมีการลงมือทำอะไรสักอย่างออกมา

ขณะที่ยุโรปซึ่งรั้งปัจจัยเสี่ยงอันดับที่ 3 นั้น เนื่องจากยังไม่เห็นว่ามีความชัดเจนในเรื่องความแตกต่างระหว่างตลาดเกิดใหม่และตลาดที่อิ่มตัวแล้วในเขตเศรษฐกิจที่ใช้สกุลเงินยูโรในปีนี้

สำหรับอันดับที่ 5 นั้น รายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นถือเป็นการปรับโฉมหน้าญี่ปุ่น โดยมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะอยู่ไม่ครบปีในปีนี้

เนื่องจากนโยบายของรัฐที่ไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการของธุรกิจขนาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการเงิน และทำให้เกิดความกังวลว่า ญี่ปุ่นอาจจะต้องเผชิญกับภาวะถดถอยอีกครั้งในปีนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ติดอันดับอีก 6 อันดับ ได้แก่ กฎระเบียบด้านการเงินของสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ บราซิล อินเดียและปากีสถาน ยุโรปตะวันออก และตุรกี


เยอรมนีเผยว่างงานลดลง หลังส่งออกฟื้น

สถานการณ์ในตลาดแรงงานของเยอรมนีปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวจากภาวะถดถอย

ขณะที่ยอดส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวสดใส ทำให้ล่าสุดตัวเลขว่างงานของเยอรมนีปรับตัวลดลงเหนือความคาดหมายในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงแรงงานของเยอรมนีรายงานว่า จำนวนคนตกงานในเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลง 3,000 ราย เหลือ 3.42 ล้านราย ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นราว 5,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ว่างงานยังทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่อัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 8.1%

ด้านนักวิเคราะห์ชื่อดังมองว่า ตลาดแรงงานเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปนั้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว จากอานิสงส์ของยอดสั่งซื้อสินค้าที่กระเตื้องขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการผลิตบางประเภท

ขณะเดียวกัน เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดแรงงานด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 3 หลังจากที่สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ในไตรมาส 2

ขณะที่ยอดส่งออกของเยอรมนีเริ่มขยายตัวในเดือนต.ค. ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว โดยรัฐบาลทั่วโลกต่างอัดฉีดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจยุโรปเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้


รมว.คลังญี่ปุ่นเสนอตัวลาออก ด้วยปัญหาสุขภาพ

นายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รัฐมนตรีกระทรวงคลังญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุดในคณะรัฐบาลญี่ปุ่นชุดนี้ ด้วยวัย 77 ปี ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องสุขภาพ หลังจากที่เขาต้องเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552

สาเหตุเพราะโหมงานร่างงบประมาณปี 2553 อย่างหนักจนทำให้เขามีอาการความดันโลหิตสูงและอ่อนเพลียอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองว่า อาจจะทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมรัฐสภาสมัยหน้าได้ พร้อมกับยืนยันว่า เขาจะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังจากนี้

รัฐสภาญี่ปุ่นมีกำหนดการประชุมในเดือนนี้ ซึ่งปกติแล้วรมว.คลังจะต้องตอบคำถามจากฝ่ายวุฒิสมาชิกเกี่ยวกับงบประมาณที่ได้มีการนำเสนอ นักวิเคราะห์มองว่า หากนายฟูจิอิไม่สามารถทำหน้าที่ได้เพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพ ก็ควรจะมีการเปลี่ยนตัวรมว.คลัง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หากนายฟูจิอิลาออกจากตำแหน่ง การจัดทำนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากเขาเป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านนี้มานาน และครม.ชุดใหม่นี้ก็มีสมาชิกเพียงไม่กี่คนที่มีประสบการณ์ยาวนานทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ด้านนายกรัฐมนตรี ฮาโตยามะให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้


ยอดขายรถใหม่ในญี่ปุ่นพุ่ง รับแผนกระตุ้นซื้อรถ

สมาคมผู้ค้ายานยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในญี่ปุ่นประจำเดือนธ.ค. รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก และรถบัส พุ่งขึ้น 36.5% จากปีที่แล้ว แตะที่ 250,474 คัน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป สามารถทำยอดขายได้สูงสุด รวมถึงยอดขายรถยนต์เล็กซัส โดยยอดขายค่ายโตโยต้าพุ่งขึ้น 52.4% แตะที่ 115,467 คัน

ส่วนยอดขายจากค่ายซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป เป็นเพียงบริษัทเดียวที่มียอดขายร่วงลง 18.7% แตะที่ 3,781 คัน

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตลอดทั้งปี 2552 ยอดขายรถยนต์ในญี่ปุ่นลดลงไป 9.1% แตะที่ 2.92 ล้านคัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 ปี


เกาหลีใต้ ตั้งเป้าดึงเงิน FDI สูงสุดในรอบ 10 ปี

รัฐบาลเกาหลีใต้ ตั้งเป้าที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ให้ได้ 13,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งนับเป็นยอดที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 13% จากปีที่แล้ว ซึ่งมูลค่า FDI นี้ถือว่าเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 (เกาหลีใต้ได้รับ FDI วงเงิน 15,300 ล้านดอลลาร์) โดยทางรัฐบาลประกาศว่าจะมุ่งความสนใจไปยังการสร้างงานมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ยอดการส่งออกนั้น ทาง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM Bank) ของเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้จะขยายตัวขึ้นกว่า 30% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น และราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 5 ม.ค. 2553)
? ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน (พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้า
? ดัชนียอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 96 จุด ลดลง 16% จากเดือนก่อนหน้า

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 6 ม.ค. 2553)
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #81 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 10:50:20 AM »

ประเด็นสำคัญ
  - ราคาทองลดแรงบวกของช่วงแรกมาปิดขยับขึ้นเล็กน้อย
  - ดอลล์ร่วงเทียบเยนหลังข้อมูลยอดขายบ้านร่วงเกินคาด
  - อากาศหนาวหนุนน้ำมันดิบปิดบวก 26 เซนต์
  - ยอดขายบ้านที่รอปิดการขายลดลง 16% ในเดือนพ.ย.


   ราคาทองที่ตลาดสหรัฐลดแรงบวกของในช่วงแรก มาปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันอังคาร ในขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าในการซื้อขายที่ผันผวน หลังการเปิดเผยข้อมูลยอดขายบ้านที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทอง ทองได้รับแรงกดดัน หลังจากที่ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นในช่วงท้ายหลังรายงานในช่วงเช้าที่แสดงว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 16 % ในเดือนพ.ย.

   การลดลงอย่างมากของยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัย และสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของตลาดโดยรวม

   รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนพ.ย.ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตจะยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

   สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดขายบ้านที่รอปิดการขายลดลง 16% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 2% แต่หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นและหนุนดัชนีดาวโจนส์กลุ่มก่อสร้างบ้านบวก 1.8%

   เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสิ้นไตรมาสแรกของปี 2011 ขณะที่ดีลเลอร์บางรายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ของปีนี้

   กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,128.745 ตัน ณ วันที่ 5 มกราคม 2553 ลดลง 3.963 ตัน จากวันที่ 4 มกราคม 2553

  กลยุทธ์ : ราคาทองคำอาจจะใกล้เป้าหมายระยะสั้นที่แนวประมาณ 1133 US$ อาจจะลดความเสี่ยงลดการถือคลองออกมาก่อน เพราะถ้าราคาทองปรับตัวลงแล้วไม่สามารถยืนเนื่องระดับราคาแนว 1100 US$ จะมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงอีกรอบ ถึง 50 US$ ติดตามมาได้
แนวจุด Stop Lose ที่แนวระดับราคา 1100 US$


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #82 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 10:55:13 AM »

USA:น้ำมัน NYMEX อ่อนตัวลงเช้านี้ หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐสูงเกินคาด (6 ม.ค.--รอยเตอร์)

06 ม.ค. 2553


USA:น้ำมัน NYMEX อ่อนตัวลงเช้านี้ หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐสูงเกินคาด
   

        สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ หลังจากปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ
เกือบ 15 เดือนเมื่อวานนี้ ภายหลังข้อมูลระบุว่า สต็อกน้ำมันกลั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้น
มากเกินคาด แม้สต็อกน้ำมัน heating oil ลดลงก็ตาม
        ณ เวลา 08.57 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด
NYMEX ลดลง 14 เซนต์ อยู่ที่ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายช่วงเช้านี้
ผ่านระบบอิเล็คทรอนิค Globex หลังจากปิดวานนี้เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ ที่ 81.77
ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.2008
        สัญญาน้ำมันเดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับ 82.00 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2009 ที่เคยทำไว้ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
        การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานหลังปิดตลาดวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันกลั่น
ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 962,000 บาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค. เมื่อเทียบกับ
การคาดการณ์ในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่ว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมัน
heating oil ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล, สต็อก
น้ำมันดิบลดลงเกินคาด 2.3 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรล
        ราคาน้ำมันปิดบวกขึ้นเมื่อวานนี้ ในขณะที่ภาวะอากาศหนาวเย็นในสหรัฐ
และยุโรปกระตุ้นความต้องการใช้เชื้อเพลิงทำความร้อน
        คาดกันว่าอุณหภูมิที่หนาวเย็นจะส่งผลให้อุปสงค์ในการทำความร้อนในสหรัฐ
อยู่ในระดับสูงกว่าปกติราว 21 % และอุปสงค์ในน้ำมัน heating oil อาจอยู่สูงกว่า
ปกติราว 11 % ในขณะที่อุณหภูมิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอาจอยู่ในระดับ
ใกล้ปกติหรือต่ำกว่าปกติ โดยภาคตะวันเฉียงเหนือของสหรัฐ ถือเป็นตลาดน้ำมัน
heating oil ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #83 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 10:56:57 AM »

บาท/ดอลลาร์เช้านี้ทรงตัว แต่ยังมีโอกาสแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค (6 ม.ค.--รอยเตอร์ )

06 ม.ค. 2553


บาท/ดอลลาร์เช้านี้ทรงตัว แต่ยังมีโอกาสแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค
       
 
        *บาท/ดอลลาร์ภาคเช้าทรงตัวจากวานนี้ ขณะที่ดีลเลอร์ มองว่า บาทยังมี
         โอกาสแข็งค่าได้ ตามทิศทางของสกุลเงินภูมิภาค
        *ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์ควานนี้ ปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับเยนในรอบ
         เกือบ 1 เดือน ขณะที่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ ที่
         อ่อนแอเกินคาด ได้ลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจ
         ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย   
        *สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ เปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอ
         ปิดการขาย ร่วงลงเกินคาดในเดือนพ.ย. โดยดัชนียอดทำสัญญาขายบ้านที่
         รอปิดการขายร่วง 16% สู่ 96.0 หลังเพิ่มขึ้น 9 เดือนติดต่อกัน   
        *แต่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานพุ่งขึ้น 1.1%
         ในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัว
         อย่างต่อเนื่องในภาคการผลิต 
        *ยูโรร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในการ
         ซื้อขายที่ผันผวน โดยเทรดเดอร์ ระบุว่า การที่ยูโรไม่สามารถฝ่าระดับ
         1.4450 ดอลลาร์ได้ กระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาซื้อคืนดอลลาร์         
        *09.11 น. บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 33.12/16 ไม่ต่างจากเมื่อวาน
         ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 33.13/14 จาก 33.14/17 เมื่อวาน
        *เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 91.81/82 จาก 91.70 ในตลาดนิวยอร์คเมื่อวาน
        *ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.4360/64 จาก 1.4364 ในตลาดนิวยอร์คเมื่อวาน
 
        "ตอนเปิดตลาดวันนี้ ก็เท่ากับปิดตลาดเมื่อวาน แต่ก็เริ่มลงมา (บาทแข็งค่า)
อีกแล้ว ก็คงไปตามภูมิภาค" ดีลเลอร์ กล่าว
        เขา กล่าวว่า เงินบาทในช่วงเปิดตลาดค่อนข้างทรงตัวจากวานนี้ แต่ยังมี
โอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นได้ ตามทิศทางของสกุลเงินภูมิภาค ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อ
เทียบกับดอลลาร์ โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.10/25


 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #84 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:03:58 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #85 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:05:02 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #86 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:05:50 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #87 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:39:04 AM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับ
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย  ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #88 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:40:55 AM »

ดอลล์

บันทึกการเข้า
Nata
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57



« ตอบ #89 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 11:54:03 AM »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะคุณทองใหม่

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  Cool
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: