ทองใหม่
|
|
« ตอบ #150 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 07:57:51 AM » |
|
ชมรมผู้ค้าปลีกทองค้านมินิโกลด์ฯ วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
ชมรมผู้ค้าปลีกทองคำแห่งประเทศไทยค้านอนุพันธ์เทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สก.พ.นี้ นัด จัดม็อบยกป้ายประท้วง
นายชุมพล พิทยานนท์ ประธานชมรมผู้ค้าปลีกทองคำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ชมรมไม่เห็นด้วยที่ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX จะนำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงทองคำขนาด 10 บาทต่อสัญญา หรือมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส มาซื้อขายในวันที่ 8 ก.พ.นี้
?สมาชิกร้านค้าปลีกทองคำทั่วประเทศไทยกว่า 20 จังหวัด เตรียมจะขึ้นป้ายประท้วงไม่ให้มินิโกลด์ฟิวเจอร์สเข้าซื้อขายในตลาด TFEX ภายใน 2 สัปดาห์นี้?
สำหรับเหตุผลที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าการลงทุนในมินิโกลด์ฟิวเจอร์สใช้เงินลงทุนน้อย เสี่ยงสูงต่อนักลงทุนที่ไม่มีความรู้ดีพอจะเข้ามาเก็งกำไร
นอกจากนี้ มินิโกลด์ฟิวเจอร์สยังทำให้มุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ทองคำเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง หรือลงทุนเพื่อเก็บออม จะเป็นการเข้าเก็งกำไรเหมือนการพนันมากกว่า
?การลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์สมีพื้นฐานอยู่ 3 อย่างคือ ต้องมีความรู้ เงินถึง และใจกล้า ถ้าหากมินิโกลด์ฟิวเจอร์สเข้าตลาด กลัวว่าจะมีนักลงทุนประเภทใจกล้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งเสี่ยงต่อการลงทุนมาก ที่ผ่านมาทางชมรมยื่นเรื่องคัดค้านต่อ TFEX มาแล้ว แต่ยังไม่มีผลตอบรับ? นายชุมพล กล่าว
ก่อนหน้านี้นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ทำหนังสือถึงตลาดอนุพันธ์เพื่อคัดค้านการนำมินิโกลด์ฟิวเจอร์สมาซื้อขายในเดือนก.พ.นี้ เพราะสินค้าตัวใหม่นี้เป็นการซ้ำเติมร้านค้าทอง ซึ่งที่ผ่านมาร้านค้าทองประสบปัญหาขาดทุนและล้มหายตายจากไปหลายแห่ง หลังจากตลาดอนุพันธ์เปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สน้ำหนัก 50 บาททองคำ
ขณะที่น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ฟิวเจอร์ส (YLG) มีความเห็นว่า มินิโกลด์ฟิวเจอร์สจะช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในปี 2553 ถึงวันละหลักหมื่นสัญญา หรือสูงกว่าการซื้อขายทองคำแท่งถึง 2.5 เท่า หรือทำให้การซื้อขายเติบโตมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า
สำหรับการซื้อขายโกลด์ฟิว เจอร์ส สะสม 8 เดือน (เดือน ก.พ.-ก.ย.) หรือตั้งแต่เปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส คิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่ง
?มินิโกลด์ฟิวเจอร์สจะขยายฐานผู้ลงทุนมากขึ้น เพราะใช้เงินเพียง 2 หมื่นบาทก็สามารถซื้อขายได้ 1 สัญญา จากปัจจุบันโกลด์ฟิวเจอร์ส 1 สัญญา เทียบเท่าน้ำหนักทองคำ 50 บาท ใช้เงินซื้อขายต่อ 1 สัญญา 1.8 แสนบาท? น.ส.ฐิภา กล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
IPSUM
|
|
« ตอบ #151 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 08:13:06 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ครับ คุณทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รัก เธอ ประ เทศ ไทย รัก เธอ ตลอด ไป...
|
|
|
newa
|
|
« ตอบ #152 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 08:22:10 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #154 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 09:38:19 AM » |
|
ทองคำปิดร่วง 2.80$ วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553 08:23
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,133.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,128.70-1,139.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.345 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.00 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,559.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 424.55 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.65 ดอลลาร์
แฟรงค์ เลช นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟิวเจอร์แพธ เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า ตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆในตะกร้าเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐอาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10%
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ลดการถือครองทองคำลง 4.876 ตัน หรือ 0.4% อยู่ที่ 1,123.869 ณ วันที่ 6 ม.ค.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #155 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 09:44:52 AM » |
|
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วงครั้งแรกในรอบ 10 วัน หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็ง และจีนเพิ่มดอกเบี้ย
Posted on Friday, January 08, 2010 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 0.52 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- ตลาดมีความกังวลหลังจากธนาคารกลางจีนปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกตั้งเต่เดือน ส.ค. 2552 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะเป็นการถอนเงินส่วนเกินออกจากระบบ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเกรงว่าอาจส่งผลให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร และค่าเงินเยน หลังจากประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของยุโรป อันได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของประเทศเยอรมันนีและ ยอดค้าปลีกใน 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวลดลงในเดือนพ.ย. 2552 ถึง1.2% จากเดือน ต.ค. นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นแถลงว่าต้องการให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง
ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- มีการพยากรณ์ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯจะถูกปกคลุมด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติไปจนถึงปลายสัปดาห์นี้
- จำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1,000 ตำแหน่งในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยผู้ขอรับสิทธิประโยชน์ของเดือนธ.ค. 2009 ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2008 นอกจากนี้ยอดขายร้านสาขาของสหรัฐฯเดือน ธ.ค. ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับขึ้นเล็กน้อยวานนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง หลังนักลงทุนเฝ้ารอตัวเลขคนว่างงานเดือนธ.ค. ที่จะประกาศคืนนี้ (ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น) เพื่อประมาณการถึงแนวโน้มการฟื้นตัวจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ
- ธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 0.38 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 81.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.85 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mhee26
Newbie
ออฟไลน์
กระทู้: 42
|
|
« ตอบ #156 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 09:51:02 AM » |
|
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #157 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 10:09:27 AM » |
|
คาดราคายางในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีภายในเดือนมี.ค.นี้
Posted on Friday, January 08, 2010 นิวเอดจ์ คาดราคายางโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี
บริษัท นิวเอดจ์ เจแปน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า ราคายางในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีภายในเดือนมี.ค.นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นซึ่งทำให้ความต้องการ หรือ ดีมานด์ในสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกยางเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และคาดว่าดีมานด์ที่เพิ่มจะส่งผลให้ซัพพลายหดตัวลง ซึ่งจะยิ่งหนุนราคายางทะยานขึ้น
นักวิเคราะห์ของนิวเอดจ์ เจแปนคาดว่า สัญญายางล่วงหน้าที่ตลาด TOCOM มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปี 2552 ที่ระดับ 356.9 เยน/ก.ก. (3,868 ดอลลาร์/เมตริกตัน) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี
ส่วนในปี 2552 สัญญายางในตลาดโลกทะยานขึ้นกว่า 2 เท่า ซึ่งต่างจากปี 2551 ที่ราคายางดิ่งลงไปรุนแรงถึง 56% โดยดัชนี Reuters/Jefferies CRB Index ทะยานขึ้น 23% ในปี 2552 ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522
เนื่องจากดีมานด์วัตถุดิบในประเทศจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าการพุ่งขึ้นของราคายางในตลาดโลกจะเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ผลิตยางในประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่จะทำให้ต้นทุนบริษัทผลิตยางรถยนต์พุ่งสูงขึ้น รวมถึงบริษัท บริดจ์สโตน คอร์ป
นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนราคายางพุ่งสูงขึ้น โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของจีนรายงานว่า ยอดขายรถยนต์โดยสารเดือนพ.ย.ของจีนทะยานขึ้น 98% แตะที่ 1.04 ล้านคัน ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายรถยนต์ปี 2552 ของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 13 ล้านดอลลาร์
ค้าปลีกหนุนหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก หลังยอดขายปลายปีดีเกินคาด
ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปิดบวกและสามารถยืนอยู่แถวระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนต่อไปได้ แม้ในช่วงต้นของการซื้อขายจะปรับตัวลงตามตลาดอื่นๆ จากการที่ธนาคารกลางจีนออกขายพันธบัตรระยะสั้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 สัปดาห์ และบอกเหตุผลว่าต้องการควบคุมไม่ให้สินเชื่อในประเทศขยายตัวในอัตราที่สูงจนเกินไป และอยากจะรักษาระดับราคาสินค้าไม่ให้เร่งตัวขึ้นมากในปีนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางต่างๆ อย่างใกล้ชิด หลังจากในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา แบงก์ชาติ อย่างเช่น ของออสเตรเลีย เวียดนาม นอร์เวย์ และอิสราเอล ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเรียบร้อยแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำตามในปีนี้
และถ้าดูจากสัญญาในตลาดฟิวเจอร์ส จะพบว่า นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยเฟดจะปรับเพิ่มขึ้นในการประชุมเดือนกันยายน
ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแล ที่รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ออกมาเตือนธนาคารต่างๆ ในประเทศว่า ให้เตรียมรับมือกับสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มทุนหากจำเป็น
อย่างไรก็ดี เมื่อคืนนี้บรรยากาศการลงทุนกลับได้แรงหนุนจากข่าวดีสำหรับยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในช่วงปลายปี นำโดย Sears Holding ที่รายงานยอดขาย รวมทั้งออกคาดการณ์กำไรที่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ จนราคาหุ้นของเชนดีพารท์เมนท์สโตร์เจ้าใหญ่ที่สุดของอเมริกาแห่งนี้ พุ่งแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2551
ส่วนหนึ่งของยอดขายของ Sears ที่พุ่งขึ้นในเดือนธันวาคมมาจาก Kmart ในส่วนแผนกของเล่น เสื้อผ้า และของใช้เกี่ยวกับบ้าน ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่เบอร์สอง อย่างห้าง Macy?s ก็รายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้น 1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ขณะที่บริษัทบอกว่า กำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว อาจจะทำได้สูงถึง 1.18 เหรียญต่อหุ้น หากไม่รวมต้นทุนการปรับโครงสร้างธุรกิจ เมื่อเทียบกับตัวเลขที่เคยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ราว 1 เหรียญ
ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยุโรปพุ่งแตะจุดสูงสุดในยุคหลัง Lehman
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปพุ่งสูงขึ้นในเดือนธันวาคม จนแตะระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่เกิดเหตุสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ อย่าง Lehman Brothers Holdings ต้องเหลือเพียงแค่ชื่อทิ้งไว้เป็นตำนาน
ตัวเลขล่าสุดถือเป็นสัญญาณที่สร้างความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งว่า เศรษฐกิจจะค่อยๆ สะสมความแข็งแกร่งในปีนี้
คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ European Commission เปิดเผย sentiment index ที่สำรวจจากบรรดาผู้บริหารและผู้บริโภคใน 16 ประเทศสมาชิก โดยตัวเลขขยับขึ้นมาที่ระดับ 91.3 จาก 88.8 ในเดือนพฤศจิกายน และยังมากกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ นอกจากจะทำลายสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อครั้ง Lehman Brothers ประกาศล้มละลาย
ตัวเลขความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นยังตอกย้ำถึงมุมมองในเรื่องเศรษฐกิจ ที่หลายคนยังต้องลุ้นให้มีการเร่งสะสมแรงเอาไว้ก่อนที่จะมีอะไรทำให้เกิดความพลิกผัน จนเศรษฐกิจอาจกลับมาร่วงลงสู่จุดตกต่ำอีกครั้งในอนาคต
นักลงทุนได้รับข่าวดีในแบบเดียวกัน เมื่อมีรายงานที่เกี่ยวข้องกับ real sector ในส่วนของดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมการผลิตและบริการในเดือนธันวาคม ที่ขยายตัวได้เป็นเดือนที่ 5 ซึ่งก็สอดคล้องกับอีกหนึ่งเครื่องชี้ที่แสดงถึงการปรับเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นนักลงทุน และถ้าเจาะลงไปดูเฉพาะที่ประเทศเยอรมนีแล้ว จะพบว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธันวาคม ก็ปรับตัวขึ้นไปยืนอยู่ ณ ระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือนเลยทีเดียว
สำหรับสถานการณ์ตลาดบ้านที่ประเทศอังกฤษ ผู้ประกอบการของที่นี่ก็คงจะโล่งใจขึ้นได้บ้าง เมื่อบริษัทที่เป็นธุรกิจลูกของ Lloyds Banking Group อย่าง Halifax เปิดเผยดัชนีราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม และถือเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 แล้ว ด้วยสาเหตุที่มีผู้มองว่าเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาดให้เพิ่มขึ้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ Halifax เองก็มีมุมมองราคาบ้านในปีนี้ ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมากนัก ซึ่งแนวโน้มตลาดก็จะขึ้นอยู่กับว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และจำนวนซัพพลายที่ปล่อยออกมาขายมีมากน้อยแค่ไหน
ผู้ว่าแบงก์ชาติทั่วโลกเตรียมประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์
ผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมเข้าร่วมประชุมกับตัวแทนสถาบันการเงินที่กรุงบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงการกำหนดมาตรการกำกับดูแล ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านการธนาคารของธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements หรือ BIS)
รัฐมนตรีคลังและธนาคารกลางทั่วโลกได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการลดการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงของกลุ่มสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำจากกลุ่มประเทศ G-20 และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วได้ให้คำมั่นในระหว่างการประชุมเมื่อเดือนก.ย.ว่าจะปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆให้ดีขึ้นภายในปีนี้ เพื่อให้ธนาคารได้บริหารจัดการเม็ดเงินทุนที่มีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางได้ประชุม BIS กันปีละ 6 ครั้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างเรียกร้องให้ธนาคารกลางถือครองทุนสำรองในฐานะที่เป็นสมาชิกและเป็นผู้ดำเนินการวิจัย
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า BIS ได้เชิญให้ธนาคารต่างๆเข้าร่วมประชุมโดยอ้างถึงความวิตกกังวลว่า สถาบันการเงินเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจที่มีความเสี่ยง เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนช่วงวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2550
ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี ซึ่งเป็นผู้นำคณะกรรมาธิการกำหนดเสถียรภาพด้านการเงินเตรียมที่จะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดด้านการกำกับดูแลก่อนที่การประชุมจี-20 ครั้งต่อไปจะเปิดฉากขึ้นในเดือนมิ.ย.
จีนคาดการลงทุนในอาเซียนขยายตัวหลังเปิดเขตการค้าเสรี
หยี เสี่ยวจุน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของจีนจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหลายบริษัทต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว
นายหยีกล่าวระหว่างพิธีเปิดเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) ว่า จีนและประเทศอาเซียนควรใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนและทรัพยากรอื่นๆอย่างเต็มที่ ตลอดจนเดินหน้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน
นายหยีกล่าวว่า "ข้อตกลงการค้าเสรีช่วยทำลายอุปสรรคในการค้าและการลงทุน ซึ่งป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย" ข้อตกลงการค้าเสรีระบุว่า จีนจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอาเซียนลดลงจาก 9.8% เหลือ 0.1%
ขณะที่ประเทศสมาชิกดั้งเดิมของอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลดลงจาก 12.8% เหลือ 0.6%
ภายในปี 2558 นโยบายเก็บภาษีสินค้า 90% จากจีนที่อัตรา 0% จะมีผลบังคับใช้กับประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม
ทั้งนี้ เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยครอบคลุมประชากร 1,900 ล้านคนและมีมูลค่าการซื้อขายราว 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รมว.คลังญี่ปุ่นคนใหม่ตั้งเป้าฉุดเงินเยนอ่อนตัว
นายนาโอโตะ คัง รมว.คลังคนใหม่ของญี่ปุ่น ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ว่า เขาต้องการให้สกุลเงินเยนอ่อนตัวลงต่ำกว่าในระดับปัจจุบันเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับยืนยันว่าจะร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อผลักดันสกุลเงินเยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ นับว่าไม่บ่อยนักที่รมว.คลังญี่ปุ่นจะออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับอัตราแลกเปลี่ยน
นายคังกล่าวว่า "จะพยายามทุกวิถีทางที่ทำให้เงินเยนอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะสกุลเงินเยนที่แข็งค่ากำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ แม้เงินเยนได้ปรับฐานลงจากระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็ต้องการให้เงินเยนอ่อนตัวลงอีก"
นายคังแสดงความเชื่อมั่นว่า ญี่ปุ่นจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงได้ ด้วยการผ่านร่างงบประมาณ 2 ฉบับ และกล่าวว่าเขากำลังตัดสินใจว่าจะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 ในเดือนหน้าหรือไม่
นายคัง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นด้วยนั้น ก้าวเข้ามาทำหน้าที่รมว.คลังญี่ปุ่นแทนนายฮิโรชิสะ ฟูจิอิ ที่ประกาศลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ซึ่งการลาออกของเขาได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเมื่อวานนี้นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของนายคังส่งผลให้สกุลเงินเยนอ่อนตัวลง 0.5% แตะระดับ 92.76 เยน/ดอลลาร์ โดยนายคังกล่าวว่าสกุลเงินเยนควรเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 90 เยน/ดอลลาร์จึงจะเหมาะสมและเอื้อประโยชน์ต่อภาคการผลิต
ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
ธนาคารกลางจีนได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยอัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังระยะ 3 เดือน เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. 2552 ซึ่งเป็นการคุมเข้มสภาพคล่อง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือน มีผลตอบแทนอยู่ที่ 1.3684% เพิ่มขึ้น 0.0404% จาก 1.3280% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นผลตอบสนองที่ต่อเนื่องมาจาก ทางการจีนระบุว่าจะควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า จะมีโอกาสที่ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เพื่อลดความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวมถึงจัดการกับเงินเฟ้อ
จากผลดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่า อาจจะกระทบต่อความต้องการเหล็ก /ทองแดง และทรัพยากร อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
จีนจำกัดการใช้ไฟฟ้า หลังเผชิญภัยหนาว
จีนได้สั่งจำกัดการใช้ไฟฟ้า หลังจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจนทำให้เกิดหิมะตกนั้นได้ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งถ่านหิน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า
อัตราการใช้พลังงานในมณฑลเสฉวน เจียงซี และหูหนาน พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมณฑลเจียงซู หูเป่ย หูหนาน เจียงซี และนครเซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่งได้จำกัดการใช้ไฟฟ้าท่ามกลางภาวะขาดแคลนถ่านหิน
กรมอุตุนิยมวิทยาของจีนรายงานว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้แผ่ปกคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน จนส่งผลให้กรุงปักกิ่งเกิดหิมะตกอย่างรุนแรงในรอบเกือบ 60 ปี และมีอุณหภูมิต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2514 อีกทั้งยังแผ่ขยายมายังพื้นที่ตอนใต้ของจีนในหลายจังหวัดเมื่อสัปดาห์นี้
การใช้ไฟฟ้าทางตอนกลางของจีนพุ่งสูงขึ้น 33% จากปีก่อนหน้านี้แตะที่ 5.8 หมื่นล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมงในเดือนธ.ค. ซึ่งอัตราการใช้ไฟฟ้าอยู่สูงกว่าความต้องการใช้พลังงานในช่วงฤดูร้อน ขณะที่สต็อกถ่านหินตามโรงไฟฟ้าทางตอนกลางของประเทศเมื่อช่วงสิ้นเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลง 24% แตะที่ 8.68 ล้านตันจากเดือนก่อนหน้านี้ และพื้นที่ดังกล่าวได้ปิดโรงงานไฟฟ้า 3.35 ล้านกิโลวัตต์เนื่องจากปัญหาถ่านหินขาดแคลน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 7 ม.ค. 2553) ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 434,000 ราย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 8 ม.ค. 2553 ) ? ตัวเลขสถานการณ์ภาคแรงงาน (ธ.ค.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ? ยอดค้าส่ง (พ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ? สินเชื่อผู้บริโภค (พ.ย.) โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #158 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 10:20:11 AM » |
|
ถามนะค่ะ
หนูมี17850อยู่30 เเละ17400อยู่15บาท หนูว่าวันนี้จะขาย17850เเบบยอมขาดทุน(กะว่าขายเเถวๆ17600หรือ17700) เพื่อเอาเงินไปรอซื้อก้นคลื่นCเเล้วรอขายตรุษจีน
เเล้วก็จะขาย17400ด้วยเลยกำไรนิดหน่อยก็ยังดี เเล้วเอาไปทุ่มซื้อก้นC
เเผนนี้เข้าท่าไหมค่ะ มือใหม่คิดเอาเองน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
แผนเข้าท่าหากทิศทางทองเป็นดังที่คิด คืนนี้มีแรงงานนอกภาคเกษตรของเมกาที่จะประกาศ เวลาบ้านเรา20.30น. ทองอาจถูกชี้นำให้ขึ้นหรือลงหรือวิ่งแบบไม่เป็นกระบวนท่า ผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าทองจะไปทิศทางใด เลยมิกล้าที่จะออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น ได้แต่เอากราฟที่มีคำอธิบายของกราฟมาให้ดู ให้เพื่อนๆดูแล้วตัดสินใจเองจะเป็นการดีที่สุดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sa
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 264
|
|
« ตอบ #159 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 10:33:12 AM » |
|
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #161 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 11:05:31 AM » |
|
ประเด็นสำคัญ - ราคาทองทองปิดลบ ก่อนเปิดตัวกองทุน ETF พลาตินั่ม - ดอลล์ปรับตัวขึ้นก่อนเผยตัวเลขจ้างงาน - กังวลเศรษฐกิจจีนกดน้ำมันดิบปิดลบ 52 เซนต์ - เศรษฐกิจสหรัฐยุติการปรับลดตำแหน่งงานในเดือนธ.ค
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดต่ำลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่การดีดตัวขึ้นสูงของดอลลาร์ กระตุ้นการทำกำไร ขณะที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในโลหะกลุ่มพลาตินั่มก่อนการเปิดตัวกองทุน ETF พลาตินั่มและพัลลาเดียมแห่งแรกของสหรัฐ ยูโรปรับตัวลงหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่เยนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังรมว.คลังคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาต้องการให้เยนอ่อนค่าลงอีก กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า รายงานดังกล่าวจะแสดงว่าไม่มีการปรับลดตำแหน่งงาน ซึ่งเป็นรายงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
แฟรงค์ เลช นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟิวเจอร์แพธ เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า ตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆในตะกร้าเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐอาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10%
กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,123.503 ตัน ณ วันที่ 7 มกราคม 2553 ลดลง 0.366 ตัน จากวันที่ 6 มกราคม 53
กลยุทธ์ : ราคาทองคำได้ถึงเป้าหมายระยะสั้นแนว 1140 US$ แล้ว เริ่มแสดงการปรับฐาน และได้เกิดสัญญาณขายระยะสั้นเกิดขึ้น อาจเริ่มมีการเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มปรับตัวลงเกิดขึ้นในอนาคต และหากไม่สามารถยืนเนื่องระดับราคาแนว 1104 US$ อาจจะมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงอีกรอบ ถึง 50 US$ ติดตามมาได้ แนวจุด Stop Loss ที่แนวระดับราคา 1104 US$
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #162 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 11:26:33 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #163 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 11:28:12 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #164 เมื่อ: มกราคม 08, 2010, 11:30:39 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|