Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 55017 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #195 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 10:07:37 AM »

พบหลักฐานชี้ชัดเฟดนิวยอร์กสั่ง AIG ระงับการเผยข้อมูลสำคัญ ส่อเจตนาจงใจปกปิดข้อมูล

Posted on Monday, January 11, 2010
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เต้น หลังหลักฐานชี้เฟดสั่ง AIG ระงับเผยข้อมูลสำคัญ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Timothy Geithner ที่ต้องตกเป็นเป้า เมื่อสำนักข่าว Bloomberg เปิดเผยข้อมูลว่า ธนาคารกลางสาขานิวยอร์กสั่งให้บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ American International Group (AIG) งดเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับเงินช่วยเหลือของรัฐ ที่บริษัทนำไปจ่ายคืนให้กับบรรดาธนาคารเจ้าหนี้ต่างๆ ในช่วงที่วิกฤติการเงินกำลังสุกงอมเต็มที่

ในร่างแบบรายงานที่ AIG ยื่นให้กับหน่วยงานรัฐ ระบุว่า บริษัทจ่ายเงินให้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งรวมถึง Goldman Sachs Group และ Societe Generale (SocGen) จำนวน 100 เซนต์สำหรับทุกๆ 1 ดอลลาร์ ในสัญญา Credit-default swaps ที่ธนาคารเหล่านี้ซื้อจากบริษัท ขณะเดียวกัน ในเอกสารก็อ้างด้วยว่า เฟดนิวยอร์กทำการดึงรายละเอียดต่างๆ ออก และก็ไม่ได้มีข้อความใดๆ ที่แสดงอยู่ในรายงานที่เปิดเผยสู่สาธารณะเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ปี 2551

ถ้ายังจำกันได้ เฟดสาขานิวยอร์กเข้าแทรกแซงในการเจรจาระหว่าง AIG และธนาคารหลายแห่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่สัญญา swaps หรือสัญญาที่มูลค่าผูกติดอยู่กับสินเชื่อบ้านประเภท subprime กำลังถูกถล่มด้วยยอดขาดทุนนานหลายสัปดาห์ หลังจากที่บริษัทได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐมาแล้ว และก็ทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลตัดสินใจให้ Goldman Sachs และธนาคารอีกมากกว่า 10 แห่ง ได้รับการจ่ายเงินคืนเต็มจำนวน ในมูลค่า 62,100 ล้านเหรียญสำหรับสัญญา swaps

เหตุนี้จึงทำให้สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนได้เรียกการให้ความช่วยเหลือบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ ว่าเป็นการช่วยทางอ้อมแก่สถาบันการเงิน หรือที่ใช้ศัพท์ว่า ?backdoor bailout?

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากแคลิฟอร์เนีย ที่นำข้อมูลนี้มาเปิดเผย ก็คือ Darrell Issa ซึ่งเขาบอกว่า เฟดนิวยอร์กมีความจงใจที่จะจำกัดและยืดเวลาในการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ แม้ว่าประชาชนผู้เสียภาษีควรต้องมีสิทธิได้รับข้อมูลอย่างเต็มที่และสมบูรณ์ ภายใต้กฏหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ว่าถูกปิดบังจากเจตนาทางการเมืองที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นข้อมูลที่น่าเป็นห่วงเหล่านี้


หุ้นสหรัฐฯ ? ยุโรปประเดิมบวกสัปดาห์แรกของปี ลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อศุกร์นี้

นักลงทุนยังเทเงินเข้ามายังตลาดหุ้นมากขึ้นในสัปดาห์แรกของปี เมื่อตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นมาได้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ก็ทำสถิติบวกขึ้นแรงที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังเห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 ของยุโรป บวกขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน หลังนักลงทุนเห็นสัญญาณที่เศรษฐกิจกำลังประคองตัวขึ้นมาได้จากความตกต่ำในรอบหลายสิบปี นำโดยแรงซื้อในหุ้น commodity อย่างเช่น Rio Tinto Group ที่พาหุ้นทั้งกลุ่มวัตถุดิบอุตสาหกรรมบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4

นักวิเคราะห์จากบริษัท Barclays Wealth ในลอนดอนมองว่า ตลาดหุ้นยังดูมีความน่าสนใจที่สุด แม้แนวโน้มเศรษฐกิจอาจจะมีโอกาสสะดุดลงได้ แต่ด้วยระดับอัตราการเติบโตของกำไรจะสามารถช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นขยับสูงขึ้นอีก

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุด ก็คือ ดัชนีชี้วัดสภาวะการผลิตของกลุ่มประเทศ euro zone ที่ขยายตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขเดียวกันของอังกฤษก็บวกขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน

กลับมาที่สหรัฐฯ ดัชนีภาคโรงงาน (ISM factory index) เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และในเวลาเดียวกัน ราคาในตลาด Futures ก็สะท้อนว่า นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลในเรื่องแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวดีอีกเรื่องยังมาจากภาคธนาคาร เมื่อนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ให้ความเห็นว่า ยอดขาดทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์จะไม่ใช่ปัจจัยถ่วงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังต้องลุ้นต่อสำหรับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสหรัฐฯ อย่างเช่น ยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และรวมไปถึงตัวเลข CPI ที่แสดงถึงภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเซอร์ไพร์ส ดัชนีราคาผู้บริโภคนี้ก็น่าจะออกมาปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนที่แล้วตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ และจะเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ทำให้หลายคนเบาใจว่า เศรษฐกิจยังไม่มีแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อในตอนนี้


การว่างงานสหรัฐฯ ? ยุโรปยังวิกฤติ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าอัตราว่างงานเดือนธันวาคมยังอยู่ที่ระดับ 10% ซึ่งยังคงใกล้เคียงกับระดับของเดือนตุลาคมที่ 10.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2526

ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงหนักเกินคาดถึง 85,000 อัตรา จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อย โดยภาคส่วนที่มีการปลดพนักงานมากที่สุดคือภาคการก่อสร้าง การผลิต และการค้าส่ง

สำหรับทั้งปี 2552 อัตราจ้างงานในสหรัฐร่วงลงถึง 4.16 ล้านอัตรา ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 65 ปี ขณะที่อัตราว่างงานรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 27 ปี

อัตราว่างงานใน 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 10% ในเดือนพ.ย.2552 ถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2541 หรือก่อนที่จะมีการใช้เงินยูโรเป็นครั้งแรกในปี 2542

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ไต่ขึ้นมา 0.1% จากเดือนต.ค. โดยในบรรดาประเทศสมาชิกยูโรโซนนั้น สเปนมีอัตราว่างงานสูงที่สุดที่ระดับ 19.4% ส่วนอัตราว่างงานต่ำสุดในยูโรโซนอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ที่ระดับ 3.9%

ขณะที่อัตราว่างงานในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ หรือนับรวมถึงประเทศที่ไม่ใช้เงินยูโร อาทิ อังกฤษ และ สวีเดน ขยับขึ้น 0.1% เช่นกัน มาอยู่ที่ 9.5% ในเดือนพ.ย.


เชฟรอนหยุดผลิตน้ำมัน 2 หมื่นบาร์เรลจากความวุ่นวายที่ไนจีเรีย

บริษัท เชฟรอน คอร์ป เผยผ่านแถลงการณ์ว่า เหตุมือปืนโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ เมื่อวานนี้ ทำให้บริษัทต้องปิดการผลิตน้ำมันดิบจำนวน 20,000 บาร์เรลต่อวัน

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงว่า การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมือปืนไม่พอใจที่เกิดเหตุสังหารลูกจ้างที่โรงงาน Escravos- Gas-To-Liquid (EGTL) โดยกลุ่มทหาร

ท่อส่งน้ำมันที่ได้รับความเสียหายอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองวาร์รี โดยขนส่งน้ำมันดิบจากบ่อน้ำมันของบริษัทเชฟรอนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งผลิตน้ำมันได้วันละ 77,000 บาร์เรลเมื่อปี 2551 ทางทหารได้ออกสำรวจความเสียหายต่อระบบท่อส่งน้ำมันแล้ว ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าจะยังส่งผลต่อเนื่องทำให้ราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

หลังจากที่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตกำลังฟื้นตัวทั้งในสหรัฐและจีน และปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นคือ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตั้งคำถามว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวได้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากสภาพตลาดแรงงานที่ย่ำแย่จะทำให้ดีมานด์น้ำมันลดลง ดูได้จากตัวเลขสต็อกน้ำมันฮีทติ้งออยล์ของสัปดาห์นี้ที่แทบไม่มีการเคลื่อนไหวทั้งที่หลายพื้นที่ในประเทศกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัด

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่าตลอดปี 2552 ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเคลื่อนไหวตามเงินดอลลาร์มากกว่าดีมานด์ที่แท้จริง และการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ก็เป็นไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน


มาร์ค โมเบียสเชื่อฟองสบู่ในอสังหาฯจีนไม่รุนแรง

มาร์ค โมเบียส ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเจ้าของบริษัท เทมเพิลตัน แอสเซท เมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่าภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะไม่เข้าขั้นรุนแรง เพราะเชื่อว่าจีนจะใช้มาตรการสกัดภาวะฟองสบู่ได้ทันเวลาและจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด นอกจากนี้ โมเบียสกล่าวว่าอัตราการออมในประเทศจีนยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น แต่เขาเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ

โมเบียสกล่าวว่า เขาวางแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นจีนมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดีมานด์ผู้บริโภคที่สูงขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้นจีนร่วงลง 28% ในรอบปีงบการเงินที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ม.ค.2553 หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ โมเบียสกล่าวว่า แม้จีนจะพยายามควบคุมอัตราการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อตลาด เพราะเชื่อว่าประสิทธิภาพด้านการผลิตที่เคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยควบคุมเงินเฟ้อในจีนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ โมเบียสได้กล่าวชื่นชมการทำงานของรัฐบาลจีนว่า จีนเป็นประเทศที่เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลาและจะไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจเคลื่อนไหวอย่างเหนือการควบคุม ทั้งนี้ ก็เพราะจีนต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน

ธนาคารกลางจีนซึ่งตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปีไว้ที่ระดับต่ำสุดที่ 5.31% มาเป็นเวลากว่า 1 ปี ได้เปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศปล่อยเงินกู้ให้กับผู้บริโภคและภาคเอกชนเป็นวงเงินสูงถึง 9.21 ล้านล้านหยวน หรือ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2552


ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาสั่งปลดประธานธนาคารกลาง

ประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นานเดซ ของอาร์เจนตินามีคำสั่งปลดนายมาร์ติน เรดราโด ประธานธนาคารกลางอาร์เจนตินาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเหตุผลด้านการประพฤติผิดระเบียบและละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

หลังจากที่นายเรดราโดประธานธนาคารกลาง ปฏิเสธที่จะโอนเงินในทุนสำรองระหว่างประเทศ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่กองทุนชำระหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล

ด้านโฆษกของนายเรดราโด กล่าวว่า ประธานธนาคารกลางยอมที่จะทำตามคำสั่งของประธานาธิบดีก็ได้ แต่จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการต่อสู้ทางกฎหมายขึ้น

ขณะเดียวกัน ทนายความหลายรายกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีอาร์เจนตินาอาจเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย

เนื่องจากจริงๆ แล้ว สภาคองเกรสเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจตามกฎหมายในการสั่งปลดประธานธนาคารกลางออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ อาร์เจนตินามีหนี้ต่างประเทศที่ครบกำหนดชำระคืนจำนวน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่ดุลบัญชีงบประมาณยังขาดดุลอยู่ 2-7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า การสั่งปลดนายเรดราโด แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งเรื่องการจัดสรรเงินทุนชำระหนี้ระหว่างธนาคารกลางกับรัฐบาลอาร์เจนตินา ซึ่งนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่เลวร้ายในการกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศมากขึ้น


เวเนซุเอลาลดค่าเงินในรอบ 5 ปี

ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา สั่งลดค่าเงินโบลิวาร์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 2548 เป็นต้นมา โดยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 2 ระบบ

ระบบดังกล่าว จะดีต่อต่อภาคธุรกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ โดยภาคสาธารณสุขนำเข้าอาหาร เครื่องจักรกล หนังสือ เทคโนโลยี รวมทั้งการนำเข้าภาครัฐและการส่งเงินกลับประเทศจะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้นจะใช้กับสินค้าประเภทอุตสาหกรรมรถยนต์ โทรคมนาคม ยาสูบ เครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนใหม่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ จะเท่ากับ 2.6 โบลิวาร์ ลดลงจากเดิมซึ่ง 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 2.1 โบลิวาร์ ส่วนสินค้านำเข้าที่ไม่จำเป็นจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 4.3 โบลิวาร์

เวเนซุเอลาดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยเมื่อปีที่แล้วนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันและการผลิตร่วงลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึงร้อยละ 25


JAL เตรียมยื่นล้มละลาย 19 ม.ค.

สายการบินเจแปน แอร์ไลนส์ เตรียมยื่นเรื่องขอล้มละลายในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ภายใต้แผนปรับโครงสร้างที่รัฐบาลสนับสนุน เช่น การลดตำแหน่งงาน 13,000 ตำแหน่ง

รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบทางเลือกให้ เจแปน แอร์ไลนส์ ยื่นขอล้มละลายต่อศาล ซึ่งเป็นข้อเสนอของหน่วยงานกำกับดูแลการฟื้นฟูกิจการของ JAL ที่รัฐให้การสนับสนุน ภายใต้แผนปรับโครงสร้าง JAL จะลดตำแหน่งงาน 13,000 ตำแหน่ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และจะยกเลิกเส้นทางการบินเกือบ 50 เส้นทางทั้งใน และต่างประเทศ

นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลการฟื้นฟูกิจการของ JAL จะขอให้ธนาคารยกหนี้ 350,000 ล้านเยน (ราว 126,000 ล้านบาท) เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของเจเอแอล

JAL มีภาระหนี้สินสูงถึง 4,290 ล้านเยน หรือ (4,600 ล้านดอลลาร์) ที่ผูกพันอยู่กันเจ้าหนี้รายใหญ่ในกลุ่มแบงก์ญี่ปุ่น 4 ราย ซึ่งของยอดการขาดทุนมหาศาลเกิดมาจากสภาพธุรกิจการบินที่ย่ำแย่ทั่วโลก และต้นทุนเงินสนับสนุนให้กับผู้เกษียณอายุจำนานมาก ก่อนหน้านี้ทาง JAL ได้ยื่นข้อเสนอให้ ผู้เกษียณอายุกว่า 9,000 คนยอมรับการปรับลดเงินช่วยเหลือลง 30% ซึ่งในวันอังคารที่จะถึงนี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการให้คำตอบ


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 8 ม.ค. 2553)
? การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ธ.ค.) ลดลง 85,000 ราย
? อัตราการว่างงาน (ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 10%
? ยอดค้าส่ง (พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า
? สินเชื่อผู้บริโภค (พ.ย.) ลดลง 17,500 ล้านดอลลาร์
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #196 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 10:12:36 AM »

ประเด็นสำคัญ
   - ราคาทองปิดบวกหลังร่วงลง 5 สัปดาห์
   - ตัวเลขจ้างงานสหรัฐซบเซาฉุดดอลล์ร่วงแตะนิวโลว์ 6 สัปดาห์
   - ข่าวไฟไหม้โรงกลั่นหนุนน้ำมันดิบปิดบวก 9 เซนต์
   - ดาวโจนส์นิวไฮ 15 เดือน หลังจ้างงานซบเซาหนุนเฟดคงดอกเบี้ย


    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้น หลังการซื้อขายที่ผันผวนในวันศุกร์ หลังการอ่อนตัวลงเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่รายงานแสดงว่า นายจ้างสหรัฐลดการจ้างงานอย่างไม่คาดคิดในเดือนธ.ค.

    สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,119.50-1,140 ดอลลาร์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 221,127 สัญญา สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.ได้แรงหนุน ในขณะที่ดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับยูโรและเงินสกุลสำคัญหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่น่าผิดหวัง

    ดอลลาร์ร่วงลงในวันศุกร์ (8 ม.ค.) โดยดิ่งลงอย่างหนักเทียบตะกร้าเงิน 6 สกุล ทำสถิติอ่อนค่าลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 1 เดือนครึ่ง หลังจากรายงานการจ้างงานที่ซบเซาตอกย้ำความเชื่อที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป

    กระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.พบว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการลดการจ้างงานลง 85,000 ราย ซึ่งย่ำแย่กว่าผลการสำรวจที่คาดว่าการจ้างงานจะทรงตัวในเดือนดังกล่าว ขณะที่ตัวเลขว่างงานยังคงอยู่ที่ 10 % จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 10.1 % ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานได้ปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนพ.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 4,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าลดลง 11,000 ตำแหน่ง เมื่อพิจารณาทั้งปี 2009 เศรษฐกิจสหรัฐได้ลดการจ้างงานลง 4.2 ล้านตำแหน่ง นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ประกาศออกมาไม่ได้บั่นทอนความจริงที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้ปรับตัวดีขึ้น และการอ่อนค่าของดอลลาร์อาจดำเนินไปในช่วงสั้นๆ

    กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,119.541 ตัน ณ วันที่ 8 มกราคม 2553 ลดลง 3.962 ตัน จากวันที่ 7 มกราคม 53

    กลยุทธ์ : ราคาทองคำได้เกิดการดีดทางเทคนิคเปลี่ยนแนวโน้มทางราคา การดีดที่ระดับปรกติ 61.8% จากจุดต่ำสุด เป้าหมายทางราคา คือ 1,161 USS
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #197 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 10:58:38 AM »

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #198 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 11:00:58 AM »


บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #199 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 11:07:30 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่    วันนี้น้องทองอารมณ์ดีพุ่งมาแยอะเลยค่ะ   ราคาประมาณนี้น่าทะยอยปล่อยออกบ้างดีไหมคะ
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #200 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 11:12:45 AM »

ขอบคุณค่ะ พี่ทองใหม่ อยากเข้าแท่งแต่หาโอกาสไม่ได้เลยค่ะ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #201 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 11:38:01 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่    วันนี้น้องทองอารมณ์ดีพุ่งมาแยอะเลยค่ะ   ราคาประมาณนี้น่าทะยอยปล่อยออกบ้างดีไหมคะ
หากมีกำไรแล้ว ทำไรก็น่ารัก ตามแต่ใจปราถนาครับ Grin
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #202 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 12:28:13 PM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ โชคดีทีมีเฮียกิมกะเค้าไว้นิดหน่อยตอนลง จะขายหรือจะถือไว้ดีน๊า :Smiley
เอาเป็นว่าไม่โลภ ขอกำไรนิดหน่อยพอค่าอาหารแมวก็พอค่ะ Grin แต่แมวมันอ้วนกินก็จุ อาหารแมวก็แพง Grin หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #203 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 12:40:42 PM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ โชคดีทีมีเฮียกิมกะเค้าไว้นิดหน่อยตอนลง จะขายหรือจะถือไว้ดีน๊า :Smiley
เอาเป็นว่าไม่โลภ ขอกำไรนิดหน่อยพอค่าอาหารแมวก็พอค่ะ Grin แต่แมวมันอ้วนกินก็จุ อาหารแมวก็แพง Grin หัวเราะกันนะ

แมวที่กินหูฉลาม เปาฮื้อ ฮาฮา
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #204 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 12:43:19 PM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับ
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย  ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #205 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 12:44:57 PM »

ดัชนีดอลล์เมกา
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #206 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 01:06:11 PM »

สรุป แล้ว เฮีย ให้ ขาย หรือให้ ซื้อ เนี่ย

 !_cd !_cd !_cd
สรุปแล้วกราฟรายวันทองตาแป๊ะมีแท่งสีเขียวเกิดขี้นในช่องซ้ายด้านล่าง นั่นคือจุดเพดาน แต่ตาแป๊ะยังคงยิ้มอยู่ สัญญาณขายยังไม่ปรากฏ แต่ก็อาจปรากฏขึ้นได้ทุกเมื่อ การอ่านกราฟตอนนี้ก็อ่านได้แค่นี้แหละครับ ส่วนจะถือหรือขายก็สุดแต่ผู้มีทองในมือจะตัดสินใจเอาเองครับ ข้าพเจ้ามิกล้าหรอกที่จะบอกให้ถือต่อหรือขาย ข้าพเจ้าก็อ่านจากกราฟ กราฟว่าไรก็ว่าตาม แต่กราฟก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ฮาฮา หากมีกำไรแล้วทำไรก็น่ารักครับ เกิดขายแล้วทองขึ้นต่อ อย่างดีก็อดทานหูฉลามน้อยลงซัก๑มื้อ ฮาฮา ผมมิได้บอกว่ากระไรนา ตัดสินใจเอาเองนะครับ  (ตอนนี้ทิศทางยังไม่ชัดเจนนักครับ)
บันทึกการเข้า
newa
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1392



« ตอบ #207 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 01:12:03 PM »

 Smiley  ขอบคุณค่ะ  รอดีทิศทางที่ชัดเจนต่อไปค่ะ
บันทึกการเข้า
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #208 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 01:38:43 PM »

Smiley  ขอบคุณค่ะ  รอดีทิศทางที่ชัดเจนต่อไปค่ะ
ขอบคุณครับคุณทองใหม่  รอด้วยคนนะครับ    Wink
บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #209 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 02:15:12 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่....รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: