|
Yai Carmungwed
|
|
« ตอบ #211 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 04:38:58 PM » |
|
ขอบคุณครับอาจารย์ทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Yai Carmungwed (Sapankwane) Nakhonpathom
|
|
|
Cindy
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 347
|
|
« ตอบ #212 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 05:41:36 PM » |
|
ขอบคุณค่ะอาจารย์ โชคดีทีมีเฮียกิมกะเค้าไว้นิดหน่อยตอนลง จะขายหรือจะถือไว้ดีน๊า : เอาเป็นว่าไม่โลภ ขอกำไรนิดหน่อยพอค่าอาหารแมวก็พอค่ะ แต่แมวมันอ้วนกินก็จุ อาหารแมวก็แพง แมวที่กินหูฉลาม เปาฮื้อ ฮาฮา ค่ะอาจารย์ ช่วงนี้ได้กินของดี แต่พอของหมด ก็ต้องกลับไปกินปลาทูคลุกข้าวอย่างเดิม ทั้งคนเลี้ยงและแมว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
JO-JO
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 285
|
|
« ตอบ #213 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 10:15:26 PM » |
|
ขอบคุณครับ คุณทองใหม่ ช่วงนี้ดูเหมือนปัจจัยภายนอกจะมีบทบาทมากกว่ากราฟเทคนิคอีกแล้วนะครับเีนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #216 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 06:33:24 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sa
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 264
|
|
« ตอบ #217 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 09:18:42 AM » |
|
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่...ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ แล้ววันนี้ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #218 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:13:46 AM » |
|
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่...ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ แล้ววันนี้ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะ
ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ-------ยังกำลังศึกษาอยู่จ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #219 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:45:45 AM » |
|
ประเด็นสำคัญ - ราคาทองทองปิดปรับขึ้นหลังดอลล์อ่อน - ความเห็นเฟดกดดอลล์ร่วง - หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 0.43% - จีนยอดนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐแตะระดับสูงสุดรอบ 5 สัปดาห์ในวันจันทร์ โดยปิดตลาดปรับขึ้น 1.1% จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในอนาคตอันใกล้
ความเชื่อมั่นในตลาดทองดีขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร อิงตามคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ระดับต่ำ
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.695 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.50 เซนต์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,592.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 431.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์
การพุ่งขึ้นของยอดส่งออกของจีนเพิ่มความหวังที่ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว และเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งทำให้นักลงทุนพากันขายดอลลาร์เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และข่าวดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ ออสเตรเลีย และยูโร
ดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่องหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แบงค์ ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าลงด้วย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 24% ในปีที่แล้วเนื่องจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% และส่งผลให้ดอลลาร์ดิ่งลง 4.2% เมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลักๆในตะกร้าสกุลเงิน
กลยุทธ์ : ราคาทองคำได้เกิดการดีดถึงแนวเป้าหมายระยะสั้นที่ระดับ 61.8% จากจุดต่ำสุด ที่ระดับราคา 1,161 USS ช่วงนี้อาจจะมีการปรับฐานระยะสั้นถึงแนวระดับราคา 1,140 US$ อาจจะรอรับเล่นสั้นในช่วงวันพรุ่งนี้ก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #220 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:49:08 AM » |
|
นักลงทุนทำสว็อปเงินหยวนมากสุดในรอบ 8 สัปดาห์ หวั่นธนาคารกลางอาจปรับขึ้นค่าเงินหยวน
Posted on Tuesday, January 12, 2010 นักลงทุนทำสว็อปเงินหยวนมากสุดในรอบ 8 สัปดาห์
นักลงทุนเข้าทำธุรกรรมสว็อปค่าเงินหยวนมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่ายอดส่งออกของจีนเดือนธ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นค่าเงินหยวนในวันข้างหน้า
สำนักงานศุลกากรของจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ทะยานขึ้น 17.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 55%
นักวิเคราะห์มองว่ายอดนำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้นของจีนบ่งชี้ถึงดีมานด์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก และอาจทำให้จีนต้องตัดสินใจปรับขึ้นค่าเงินหยวนในที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อวานอัตราผลตอบแทนในการทำสว็อปค่าเงินหยวนพุ่งขึ้น 0.5% แตะที่ 6.5920 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าสกุลเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น 3.6%
จีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 เพื่อช่วยกลุ่มบริษัทส่งออกให้สามารถรับมือกับดีมานด์ที่หดตัวลงอันเนื่องมาจากวิฤตการณ์การเงินทั่วโลกได้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ยืนยืนเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า จีนจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน
นักวิเคราะห์จากไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงค์ กล่าวว่า ตลาดจำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีนอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะมั่นใจว่าอุตสาหกรรมส่งออกขยายตัวอย่างยั่งยืน
พร้อมกับคาดการณ์ว่าจีนจะตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์จนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าเงินหยวนจะไม่แข็งค่าเกิน 2%
ตัวเลขการค้าจีนหนุนตลาดหุ้น ขณะ Alcoa ประเดิมประกาศกำไร Q4
ปัจจัยเรื่องมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาสูงเร็วจนเกินไปส่งผลกดดันตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ ขณะที่ทางฟากของสหรัฐฯ นักลงทุนยังเชื่อมั่นในแรงส่งที่มาจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ น่าจะช่วยให้ผลประกอบการในไตรมาส 4 ที่กำลังจะทยอยประกาศออกมาปรับตัวดีขึ้น
ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 ของยุโรป ย่อลงมาจากระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อคืนนี้ จากความกังวลว่าตลาดปรับตัวขึ้นมาสูงจนเกินปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่กำลังเข้าใกล้ฤดูการประกาศผลประกอบการรอบใหม่
ผลพวงจากการลดค่าเงินของประเทศเวเนซูเอล่า ส่งผลให้หุ้น Telefonica ที่เป็นบริษัทโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของยุโรป ร่วงลงกว่า 3% ซึ่งแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว จากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากประเทศนี้ราว 6% ตามข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่แล้ว แม้ในปีที่ผ่านมา บริษัทจะมีความพยายามในการดึงเงินประมาณ 2,000 ล้านเหรียญออกจากเวเนซูเอล่า
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของจีนได้ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนทั้งที่ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ จนทำให้มีแรงซื้อกระจายเข้ามาในหุ้นหลายกลุ่ม รวมถึงผู้ผลิตอลูมินั่มรายใหญ่ อย่าง Alcoa ที่บวกได้กว่า 2% ก่อนหน้าที่บริษัทจะรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดปิดการซื้อขาย ด้วยผลกำไรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตัวเลขส่งออกของจีนที่ดีกว่าคาดในเดือนที่แล้วยังช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างรายใหญ่ อย่าง Caterpillar พุ่งขึ้นแรงถึง 6% ทำสถิติบวกแรงที่สุดนับตั้งเดือนกรกฎาคม
ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านกลุ่มสถาบันการเงิน หุ้น Citibank ก็บวกขึ้นจากข่าวมหาเศรษฐีประเทศซาอุดิอาระเบีย เจ้าชาย Alwaleed bin Talal ในฐานะผู้ถือหุ้นรายบุคคลที่ใหญ่ที่สุด บอกว่า จุดต่ำสุดของธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริการายนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับมั่นใจในอนาคตที่กำลังมีแนวโน้มดีขึ้นมาก
ในสัปดาห์นี้จะมีหุ้นที่น่าสนใจอีก 2 ตัวคือ Intel และ JPMorgan กำลังจะรายงานผลตามมา
ผู้ประกอบการธุรกิจการเงินของอังกฤษหวั่นรายได้ Q1 ร่วง
เพียงแค่สัปดาห์ที่สองของปีก็มีรายงานทางเศรษฐกิจที่เป็นสัญญาณบวกทยอยออกมาเรื่อยๆ แม้ในบางครั้งอาจต้องเจอกับแรงสะดุดได้บ้าง ล่าสุดต้องจับตาดูที่ยุโรป เมื่อมีรายงานผลสำรวจที่บ่งชี้ถึงความมั่นใจของผู้ประกอบการในธุรกิจการเงินออกมาแย่ลงกว่าเดิม อย่างน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงมุมมองในเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สหพันธ์อุตสาหกรรมแห่งสหราชอาณาจักร (Confederation of British Industry) ในฐานะกลุ่ม lobbyist รายใหญ่ที่สุดของประเทศ เผยผลสำรวจออกมาว่า ผู้ให้บริการทางการเงินที่คาดว่าธุรกิจจะหดตัวลงในไตรมาสแรก มีจำนวนที่มากกว่าผู้ที่บอกว่าจะดีขึ้นอยู่ถึง 13% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ CBI ยังได้ตอกย้ำถึงมุมมองในแง่ลบนี้อีกว่า ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกถึงการขยับขึ้นของความสามารถในการทำกำไรในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้
ทั้งหมดก็สอดคล้องกับ ความเห็นของผู้บริหารธนาคารกลางอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า ประเทศอังกฤษกำลังเผชิญกับเส้นทางที่มุ่งหน้าออกจากความถดถอย ในแบบที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่คงเส้นคงวาอยู่มาก
สำหรับปัจจัยที่ขัดแข้งขัดขาการก้าวออกจากสภาวะธุรกิจตกต่ำ ก็รวมไปถึงความไม่แน่ใจถึงแนวโน้มความต้องการสินค้า ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นทุกขณะ และรวมถึงการคุมเข้มผ่านกฏหมายที่เพิ่มระดับการกำกับดูแลขึ้น
อย่างไรก็ดี มีข้อดีอย่างน้อยหนึ่งข้อ ที่ผลสำรวจนี้ระบุไว้ ก็คือ บริษัทส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าตลาดการเงินจะไม่ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ผลสำรวจของ CBI พบว่า เทรดเดอร์ของบริษัทหลักทรัพย์คาดแนวโน้มการหดตัวลงมากในส่วนของกำไรในไตรมาสแรกของปี 2553 นี้ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในพอร์ทของตนเริ่มทำรายได้ให้น้อยลง ซึ่งตรงนี้ก็สอดคล้องกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่า ไตรมาสที่กำลังจะถึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำเงิน แม้ในระยะกลางทุกอย่างน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ก่อนที่สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ จะหมดไปในที่สุด
ความหนักใจของบรรดาเทรดเดอร์หลักทรัพย์สะท้อนได้จากผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนเทรดเดอร์ที่คาดว่ารายได้จากการลงทุนและซื้อขายหลักทรัพย์จะลดลงในไตรมาสนี้ ปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นเหมือนกับความกังวลที่ตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้ดีดังหวัง ยังมีความเป็นไปได้สูง
ไฮเนเกนซื้อกิจการเบียร์จาก Femsa
ไฮเนเกนบริษัทผู้ผลิตเบียร์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ตัดสินใจซื้อกิจการเบียร์ของโฟเมนโต เอโคโนมีโค เม็กซิกาโน เอสเอบี หรือเฟมซา (Femsa) เพื่อช่วยในการขยายตลาดเข้าไปในตลาดลาตินอเมริกาได้มากขึ้น
ไฮเนเกนจะซื้อกิจการของเฟมซาผ่านทางการซื้อขายหุ้นมูลค่า 5,300 ล้านยูโร หรือ 7,700 ล้านดอลลาร์ โดยเฟมซาผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับ 2 ของเม็กซิโกจะได้ถือหุ้นในไฮเนเกน 20% จากการซื้อหุ้นครั้งนี้
ทั้งนี้ เฟมซามียอดขายในปี 2008 ที่ 2,880 ล้านดอลลาร์ โดยยอดขายประมาณ 2,160 ล้านดอลลาร์มาจากตลาดเม็กซิโก ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายในตลาดบราซิล
ส่วนยอดขายทั่วโลกของเฟมซาในปี 2552 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ และ ประมาณ 3,600 ล้านดอลลาร์มาจากผลิตภัณฑ์เบียร์
ข่าวดังกล่าวก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของไฮเนเกนปรับขึ้นทันที 6.2% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา
การซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ไฮเนเกนสามารถเจาะเข้าไปในตลาดเบียร์เม็กซิโกซึ่งมีขนาดใหญ่และเป็นตลาดที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอันดับสี่ของโลกและทำให้ไฮเนเกนลดการพึ่งพิงตลาดยุโรปลงได้
ไฮเนเกนคาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จด้านกลยุทธ์ภายในปี 2556 และยังจะช่วยเพิ่มกำไรต่อหุ้นให้กับบริษัทหลังจากระยะเวลา 2 ปีผ่านไป
สหรัฐลดการสั่งซื้อวัคซีนต้านหวัด 2009
สหรัฐปรับลดยอดสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เช่นเดียวกับบางประเทศในยุโรปที่ยกเลิกคำสั่งซื้อวัคซีนแล้ว หลังจากที่ประชาชนเริ่มคลายความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐได้ลดยอดสั่งซื้อวัคซีนต้านไวรัส H1N1จากบริษัท CSL จำนวน 22 ล้านโดสเหลือเพียง 14 ล้านโดส
หลังจากที่ได้สั่งเพิ่มการซื้อวัคซีน 29% ไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้สุทธิตลอดทั้งปีของ CSL ลดลง 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ขณะเดียวกันบริษัทแกล็กโซสมิทไคล์นของอังกฤษกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องสัญญารอบใหม่กับฝรั่งเศสเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนต้านไวรัส H1N1 จำนวน 50 ล้านโดส
รวมถึงหารือกับรัฐบาลเบลเยียมเกี่ยวกับการลดยอดสั่งซื้อวัคซีนด้วยเช่นกัน หลังจากที่อังกฤษและเยอรมนีได้ยกเลิกคำสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าว
ทั้งนี้ ความต้องการใช้วัคซีนต้านไวรัส H1N1 เริ่มลดน้อยลงหลังจากที่บริษัทยาสามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ H1N1 รายใหม่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม สหรัฐได้รับอนุญาตให้สามารถเปลี่ยนแปลงปริมาณการสั่งซื้อวัคซีนภายใต้สัญญาที่ตกลงไว้กับ CSL
ขณะที่สัญญาของบริษัทที่ทำกับรัฐบาลประเทศอื่นๆอย่างออสเตรเลียและสิงคโปร์ไม่ได้ระบุถึงข้อตกลงด้านการยุติคำสั่งซื้อแต่อย่างใด
เกาหลีใต้ยกเลิกแผนย้ายหน่วยงานราชการไป ?เซจอง?
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศยกเลิกแผนย้ายกระทรวงและหน่วยงานราชการบางส่วนไปยังเมืองเซจอง ในจังหวัดชงชองใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลราว 150 กิโลเมตร และตัดสินใจว่าจะพัฒนาเมืองดังกล่าวให้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและวิทยาศาสตร์แทน
แผนย้ายหน่วยงานราชการไปยังเมืองเซจองเป็นความคิดของอดีตประธานาธิบดีโรห์ มู ฮยอน เนื่องจากเขาต้องการให้การพัฒนาภูมิภาคต่างๆ เป็นไปอย่างสมดุล หลังจากที่มีการวิพากย์วิจารณ์ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจไปรวมอยู่ที่กรุงโซลเพียงแห่งเดียว
อย่างไรก็ตาม นายลี เมียง บัค ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าการย้ายหน่วยงานราชการจะทำให้การบริหารไร้ประสิทธิภาพ พร้อมสั่งให้มีการร่างแผนขึ้นมาใหม่
แผนการใหม่ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาเมืองเซจองให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และวิทยาศาสตร์ ด้วยจำนวนประชากร 500,000 คน และการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่ารวม 16.5 ล้านล้านวอน (1.46 หมื่นล้านดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ว่ารัฐสภาจะอนุมัติแผนที่ร่างขึ้นใหม่หรือไม่ เนื่องจากมีสมาชิกสภานิติบัญญัติประมาณ 60 คนที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกแผนเดิม
ทั้งนี้ หลังการประกาศยกเลิกแผนเดิม พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ออกมาขู่ว่าจะทำการประท้วงอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของรัฐบาล
จีนแซงหน้าสหรัฐเป็นตลาดรถรายใหญ่สุดของโลก
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนเผย จีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นตลาดรถรายใหญ่สุดของโลกเป็นครั้งแรก ด้วยยอดขายสูงกว่า 13.64 ล้านคันในปีที่แล้ว หลังจากที่จีนได้แซงหน้าเยอรมนีเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่สุดเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
สำนักงานศุลกากรจีนเผยยอดการส่งออกเดือนธ.ค.ขยายตัวขึ้น 17.7% นับเป็นสถิติยอดการค้าที่ดีดตัวขึ้นนี้อาจจะทำให้ทางการจีนตัดสินใจปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปีนี้ การที่จีนไม่ได้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นทำให้จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกในปีที่แล้วการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ขณะที่การนำเข้าพุ่งสูงขึ้น 55.9%
ยอดการค้าที่ดีดตัวขึ้นนี้อาจจะทำให้ทางการจีนตัดสินใจปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปีนี้ การที่จีนไม่ได้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นทำให้จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกในปีที่แล้ว
เกาหลีเหนือสร้างเงื่อนไขก่อนยุติโครงการนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือเรียกร้องให้การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับสหรัฐเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นของการยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ก่อนเกาหลีเหนือจะกลับเข้าสู่การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์
นับเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือออกมาแสดงจุดยืนต่อสาธารณะในประเด็นการเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ นับตั้งแต่นายสตีเฟน บอสเวิร์ธ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐในกิจการเกาหลีเหนือ เดินทางเยือนกรุงเปียงยางเมื่อเดือนที่แล้ว
นายบอสเวิร์ธพยายามโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่การเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งเกาหลีเหนือขอถอนตัวเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า สนธิสัญญาสันติภาพจะช่วยยุติความสัมพันธ์อันเป็นปรปักษ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ รวมทั้งส่งเสริมกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี
เกาหลีเหนือเปิดเผยว่า การเจรจาว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพอาจจะถูกจัดขึ้นในการประชุมซึ่งแยกต่างหากหรือในกรอบของการเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วยเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 12 ม.ค. 2553) ? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (พ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #221 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:59:22 AM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับกราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #222 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:01:15 AM » |
|
ดัชนีดอลล์เมกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #223 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:04:21 AM » |
|
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่า หลังอ่อนตัวมาตลอด 1 สัปดาห์
Posted on Tuesday, January 12, 2010 อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลงมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ รวมถึงค่าเงินเอเชีย เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ย่ำแย่เกินคาด ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือนธันวาคมดีเกินคาด ส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ภาวะตลาดเงินในทั่วโลกมีความเปราะบางสูง จากความกังวลว่า สหรัฐฯ และจีน จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของกองทุนเก็งกำไรต่าง ๆ สูงขึ้น และจะนำไปสู่การถอนสภาพคล่องออกจากระบบได้ และถ้าหากจีนขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ก็จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรของจีนที่นำออกมาประมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการย้ายการลงทุนจากตลาดหุ้นในภูมิภาคไปยังตลาดพันธบัตรได้
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินต่างประเทศเข้ามายังไทยค่อนข้างมาก ซึ่งดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าทะลุ 33.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากเป็นการเข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลไม่ได้เป็นการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ราคาพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังปรับลดลงมาประมาณ 0.20% แล้ว ทำให้ราคาหุ้นในขณะนี้อาจไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากและน่าจับตาอย่างใกล้ชิด โดยค่าเงินบาทในวันนี้ยังมีโอกาสอ่อนตัวลงไปแตะที่ 33.10 ? 33.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้มีอัตราที่แข็งแกร่ง มีปัญหาการเมืองกดดัน และอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลในขณะนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #224 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:26:03 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|