Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 55020 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #210 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 03:03:20 PM »

กราฟ4ชม.นี้ ดูแบบง่ายๆ ดูลูกศรชี้ขึ้นหรือลงก็พอจ้า
บันทึกการเข้า
Yai Carmungwed
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 584



« ตอบ #211 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 04:38:58 PM »

ขอบคุณครับอาจารย์ทองใหม่
บันทึกการเข้า

Yai Carmungwed  (Sapankwane)  Nakhonpathom
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #212 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 05:41:36 PM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ โชคดีทีมีเฮียกิมกะเค้าไว้นิดหน่อยตอนลง จะขายหรือจะถือไว้ดีน๊า :Smiley
เอาเป็นว่าไม่โลภ ขอกำไรนิดหน่อยพอค่าอาหารแมวก็พอค่ะ Grin แต่แมวมันอ้วนกินก็จุ อาหารแมวก็แพง Grin หัวเราะกันนะ

แมวที่กินหูฉลาม เปาฮื้อ ฮาฮา
ค่ะอาจารย์ ช่วงนี้ได้กินของดี แต่พอของหมด ก็ต้องกลับไปกินปลาทูคลุกข้าวอย่างเดิม
ทั้งคนเลี้ยงและแมว หัวเราะกันนะ Grin
บันทึกการเข้า
JO-JO
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285


« ตอบ #213 เมื่อ: มกราคม 11, 2010, 10:15:26 PM »

ขอบคุณครับ คุณทองใหม่

ช่วงนี้ดูเหมือนปัจจัยภายนอกจะมีบทบาทมากกว่ากราฟเทคนิคอีกแล้วนะครับเีนี่ย

 Smiley
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #214 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 06:26:03 AM »

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 12, 2010, 06:27:50 AM โดย ทองใหม่ » บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #215 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 06:30:32 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #216 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 06:33:24 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #217 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 09:18:42 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่...ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ    แล้ววันนี้ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #218 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:13:46 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่...ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ    แล้ววันนี้ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่รึเปล่าคะ
ลูกศรยังชี้ขึ้นอยู่ใช่มั๊ยคะ แลวปรกติลูกศรจะเกิดก่อนหรือหลังการขึ้นลงในช่วงนั้นคะ-------ยังกำลังศึกษาอยู่จ้า
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #219 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:45:45 AM »

ประเด็นสำคัญ
  - ราคาทองทองปิดปรับขึ้นหลังดอลล์อ่อน
  - ความเห็นเฟดกดดอลล์ร่วง
  - หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 0.43%
  - จีนยอดนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์
 

    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐแตะระดับสูงสุดรอบ 5 สัปดาห์ในวันจันทร์ โดยปิดตลาดปรับขึ้น 1.1% จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในอนาคตอันใกล้

    ความเชื่อมั่นในตลาดทองดีขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร อิงตามคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ระดับต่ำ

    ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.695 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.50 เซนต์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,592.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 431.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์

    การพุ่งขึ้นของยอดส่งออกของจีนเพิ่มความหวังที่ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว และเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งทำให้นักลงทุนพากันขายดอลลาร์เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และข่าวดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ ออสเตรเลีย และยูโร

    ดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่องหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง

    นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แบงค์ ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าลงด้วย

 
    ทั้งนี้ สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 24% ในปีที่แล้วเนื่องจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% และส่งผลให้ดอลลาร์ดิ่งลง 4.2% เมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลักๆในตะกร้าสกุลเงิน

   กลยุทธ์ : ราคาทองคำได้เกิดการดีดถึงแนวเป้าหมายระยะสั้นที่ระดับ 61.8% จากจุดต่ำสุด ที่ระดับราคา 1,161 USS ช่วงนี้อาจจะมีการปรับฐานระยะสั้นถึงแนวระดับราคา 1,140 US$ อาจจะรอรับเล่นสั้นในช่วงวันพรุ่งนี้ก่อน

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #220 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:49:08 AM »

นักลงทุนทำสว็อปเงินหยวนมากสุดในรอบ 8 สัปดาห์ หวั่นธนาคารกลางอาจปรับขึ้นค่าเงินหยวน

Posted on Tuesday, January 12, 2010
นักลงทุนทำสว็อปเงินหยวนมากสุดในรอบ 8 สัปดาห์

นักลงทุนเข้าทำธุรกรรมสว็อปค่าเงินหยวนมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่ายอดส่งออกของจีนเดือนธ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นค่าเงินหยวนในวันข้างหน้า

สำนักงานศุลกากรของจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ทะยานขึ้น 17.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 55%

นักวิเคราะห์มองว่ายอดนำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้นของจีนบ่งชี้ถึงดีมานด์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก และอาจทำให้จีนต้องตัดสินใจปรับขึ้นค่าเงินหยวนในที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อวานอัตราผลตอบแทนในการทำสว็อปค่าเงินหยวนพุ่งขึ้น 0.5% แตะที่ 6.5920 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าสกุลเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น 3.6%

จีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 เพื่อช่วยกลุ่มบริษัทส่งออกให้สามารถรับมือกับดีมานด์ที่หดตัวลงอันเนื่องมาจากวิฤตการณ์การเงินทั่วโลกได้

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ยืนยืนเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า จีนจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน

นักวิเคราะห์จากไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงค์ กล่าวว่า ตลาดจำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีนอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะมั่นใจว่าอุตสาหกรรมส่งออกขยายตัวอย่างยั่งยืน

พร้อมกับคาดการณ์ว่าจีนจะตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์จนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าเงินหยวนจะไม่แข็งค่าเกิน 2%


ตัวเลขการค้าจีนหนุนตลาดหุ้น ขณะ Alcoa ประเดิมประกาศกำไร Q4

ปัจจัยเรื่องมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาสูงเร็วจนเกินไปส่งผลกดดันตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ ขณะที่ทางฟากของสหรัฐฯ นักลงทุนยังเชื่อมั่นในแรงส่งที่มาจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ น่าจะช่วยให้ผลประกอบการในไตรมาส 4 ที่กำลังจะทยอยประกาศออกมาปรับตัวดีขึ้น

ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 ของยุโรป ย่อลงมาจากระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อคืนนี้ จากความกังวลว่าตลาดปรับตัวขึ้นมาสูงจนเกินปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่กำลังเข้าใกล้ฤดูการประกาศผลประกอบการรอบใหม่

ผลพวงจากการลดค่าเงินของประเทศเวเนซูเอล่า ส่งผลให้หุ้น Telefonica ที่เป็นบริษัทโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของยุโรป ร่วงลงกว่า 3% ซึ่งแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว จากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากประเทศนี้ราว 6% ตามข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่แล้ว แม้ในปีที่ผ่านมา บริษัทจะมีความพยายามในการดึงเงินประมาณ 2,000 ล้านเหรียญออกจากเวเนซูเอล่า

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของจีนได้ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนทั้งที่ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ จนทำให้มีแรงซื้อกระจายเข้ามาในหุ้นหลายกลุ่ม รวมถึงผู้ผลิตอลูมินั่มรายใหญ่ อย่าง Alcoa ที่บวกได้กว่า 2% ก่อนหน้าที่บริษัทจะรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดปิดการซื้อขาย ด้วยผลกำไรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ตัวเลขส่งออกของจีนที่ดีกว่าคาดในเดือนที่แล้วยังช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างรายใหญ่ อย่าง Caterpillar พุ่งขึ้นแรงถึง 6% ทำสถิติบวกแรงที่สุดนับตั้งเดือนกรกฎาคม

ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านกลุ่มสถาบันการเงิน หุ้น Citibank ก็บวกขึ้นจากข่าวมหาเศรษฐีประเทศซาอุดิอาระเบีย เจ้าชาย Alwaleed bin Talal ในฐานะผู้ถือหุ้นรายบุคคลที่ใหญ่ที่สุด บอกว่า จุดต่ำสุดของธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริการายนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับมั่นใจในอนาคตที่กำลังมีแนวโน้มดีขึ้นมาก

ในสัปดาห์นี้จะมีหุ้นที่น่าสนใจอีก 2 ตัวคือ Intel และ JPMorgan กำลังจะรายงานผลตามมา

ผู้ประกอบการธุรกิจการเงินของอังกฤษหวั่นรายได้ Q1 ร่วง

เพียงแค่สัปดาห์ที่สองของปีก็มีรายงานทางเศรษฐกิจที่เป็นสัญญาณบวกทยอยออกมาเรื่อยๆ แม้ในบางครั้งอาจต้องเจอกับแรงสะดุดได้บ้าง ล่าสุดต้องจับตาดูที่ยุโรป เมื่อมีรายงานผลสำรวจที่บ่งชี้ถึงความมั่นใจของผู้ประกอบการในธุรกิจการเงินออกมาแย่ลงกว่าเดิม อย่างน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงมุมมองในเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สหพันธ์อุตสาหกรรมแห่งสหราชอาณาจักร (Confederation of British Industry) ในฐานะกลุ่ม lobbyist รายใหญ่ที่สุดของประเทศ เผยผลสำรวจออกมาว่า ผู้ให้บริการทางการเงินที่คาดว่าธุรกิจจะหดตัวลงในไตรมาสแรก มีจำนวนที่มากกว่าผู้ที่บอกว่าจะดีขึ้นอยู่ถึง 13% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ CBI ยังได้ตอกย้ำถึงมุมมองในแง่ลบนี้อีกว่า ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกถึงการขยับขึ้นของความสามารถในการทำกำไรในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้

ทั้งหมดก็สอดคล้องกับ ความเห็นของผู้บริหารธนาคารกลางอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า ประเทศอังกฤษกำลังเผชิญกับเส้นทางที่มุ่งหน้าออกจากความถดถอย ในแบบที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่คงเส้นคงวาอยู่มาก

สำหรับปัจจัยที่ขัดแข้งขัดขาการก้าวออกจากสภาวะธุรกิจตกต่ำ ก็รวมไปถึงความไม่แน่ใจถึงแนวโน้มความต้องการสินค้า ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นทุกขณะ และรวมถึงการคุมเข้มผ่านกฏหมายที่เพิ่มระดับการกำกับดูแลขึ้น

อย่างไรก็ดี มีข้อดีอย่างน้อยหนึ่งข้อ ที่ผลสำรวจนี้ระบุไว้ ก็คือ บริษัทส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าตลาดการเงินจะไม่ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ผลสำรวจของ CBI พบว่า เทรดเดอร์ของบริษัทหลักทรัพย์คาดแนวโน้มการหดตัวลงมากในส่วนของกำไรในไตรมาสแรกของปี 2553 นี้ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในพอร์ทของตนเริ่มทำรายได้ให้น้อยลง ซึ่งตรงนี้ก็สอดคล้องกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่า ไตรมาสที่กำลังจะถึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำเงิน แม้ในระยะกลางทุกอย่างน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ก่อนที่สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ จะหมดไปในที่สุด

ความหนักใจของบรรดาเทรดเดอร์หลักทรัพย์สะท้อนได้จากผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนเทรดเดอร์ที่คาดว่ารายได้จากการลงทุนและซื้อขายหลักทรัพย์จะลดลงในไตรมาสนี้ ปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นเหมือนกับความกังวลที่ตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้ดีดังหวัง ยังมีความเป็นไปได้สูง


ไฮเนเกนซื้อกิจการเบียร์จาก Femsa

ไฮเนเกนบริษัทผู้ผลิตเบียร์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ตัดสินใจซื้อกิจการเบียร์ของโฟเมนโต เอโคโนมีโค เม็กซิกาโน เอสเอบี หรือเฟมซา (Femsa) เพื่อช่วยในการขยายตลาดเข้าไปในตลาดลาตินอเมริกาได้มากขึ้น

ไฮเนเกนจะซื้อกิจการของเฟมซาผ่านทางการซื้อขายหุ้นมูลค่า 5,300 ล้านยูโร หรือ 7,700 ล้านดอลลาร์ โดยเฟมซาผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับ 2 ของเม็กซิโกจะได้ถือหุ้นในไฮเนเกน 20% จากการซื้อหุ้นครั้งนี้

ทั้งนี้ เฟมซามียอดขายในปี 2008 ที่ 2,880 ล้านดอลลาร์ โดยยอดขายประมาณ 2,160 ล้านดอลลาร์มาจากตลาดเม็กซิโก ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายในตลาดบราซิล

ส่วนยอดขายทั่วโลกของเฟมซาในปี 2552 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ และ ประมาณ 3,600 ล้านดอลลาร์มาจากผลิตภัณฑ์เบียร์

ข่าวดังกล่าวก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของไฮเนเกนปรับขึ้นทันที 6.2% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา

การซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ไฮเนเกนสามารถเจาะเข้าไปในตลาดเบียร์เม็กซิโกซึ่งมีขนาดใหญ่และเป็นตลาดที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอันดับสี่ของโลกและทำให้ไฮเนเกนลดการพึ่งพิงตลาดยุโรปลงได้

ไฮเนเกนคาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จด้านกลยุทธ์ภายในปี 2556 และยังจะช่วยเพิ่มกำไรต่อหุ้นให้กับบริษัทหลังจากระยะเวลา 2 ปีผ่านไป


สหรัฐลดการสั่งซื้อวัคซีนต้านหวัด 2009

สหรัฐปรับลดยอดสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เช่นเดียวกับบางประเทศในยุโรปที่ยกเลิกคำสั่งซื้อวัคซีนแล้ว หลังจากที่ประชาชนเริ่มคลายความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐได้ลดยอดสั่งซื้อวัคซีนต้านไวรัส H1N1จากบริษัท CSL จำนวน 22 ล้านโดสเหลือเพียง 14 ล้านโดส

หลังจากที่ได้สั่งเพิ่มการซื้อวัคซีน 29% ไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้สุทธิตลอดทั้งปีของ CSL ลดลง 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ขณะเดียวกันบริษัทแกล็กโซสมิทไคล์นของอังกฤษกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องสัญญารอบใหม่กับฝรั่งเศสเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนต้านไวรัส H1N1 จำนวน 50 ล้านโดส

รวมถึงหารือกับรัฐบาลเบลเยียมเกี่ยวกับการลดยอดสั่งซื้อวัคซีนด้วยเช่นกัน หลังจากที่อังกฤษและเยอรมนีได้ยกเลิกคำสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าว

ทั้งนี้ ความต้องการใช้วัคซีนต้านไวรัส H1N1 เริ่มลดน้อยลงหลังจากที่บริษัทยาสามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ H1N1 รายใหม่ปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ตาม สหรัฐได้รับอนุญาตให้สามารถเปลี่ยนแปลงปริมาณการสั่งซื้อวัคซีนภายใต้สัญญาที่ตกลงไว้กับ CSL

ขณะที่สัญญาของบริษัทที่ทำกับรัฐบาลประเทศอื่นๆอย่างออสเตรเลียและสิงคโปร์ไม่ได้ระบุถึงข้อตกลงด้านการยุติคำสั่งซื้อแต่อย่างใด


เกาหลีใต้ยกเลิกแผนย้ายหน่วยงานราชการไป ?เซจอง?

รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศยกเลิกแผนย้ายกระทรวงและหน่วยงานราชการบางส่วนไปยังเมืองเซจอง ในจังหวัดชงชองใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลราว 150 กิโลเมตร และตัดสินใจว่าจะพัฒนาเมืองดังกล่าวให้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและวิทยาศาสตร์แทน

แผนย้ายหน่วยงานราชการไปยังเมืองเซจองเป็นความคิดของอดีตประธานาธิบดีโรห์ มู ฮยอน เนื่องจากเขาต้องการให้การพัฒนาภูมิภาคต่างๆ เป็นไปอย่างสมดุล หลังจากที่มีการวิพากย์วิจารณ์ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจไปรวมอยู่ที่กรุงโซลเพียงแห่งเดียว

อย่างไรก็ตาม นายลี เมียง บัค ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าการย้ายหน่วยงานราชการจะทำให้การบริหารไร้ประสิทธิภาพ พร้อมสั่งให้มีการร่างแผนขึ้นมาใหม่

แผนการใหม่ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาเมืองเซจองให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และวิทยาศาสตร์ ด้วยจำนวนประชากร 500,000 คน และการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่ารวม 16.5 ล้านล้านวอน (1.46 หมื่นล้านดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ว่ารัฐสภาจะอนุมัติแผนที่ร่างขึ้นใหม่หรือไม่ เนื่องจากมีสมาชิกสภานิติบัญญัติประมาณ 60 คนที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกแผนเดิม

ทั้งนี้ หลังการประกาศยกเลิกแผนเดิม พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ออกมาขู่ว่าจะทำการประท้วงอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของรัฐบาล


จีนแซงหน้าสหรัฐเป็นตลาดรถรายใหญ่สุดของโลก

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนเผย จีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นตลาดรถรายใหญ่สุดของโลกเป็นครั้งแรก ด้วยยอดขายสูงกว่า 13.64 ล้านคันในปีที่แล้ว หลังจากที่จีนได้แซงหน้าเยอรมนีเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่สุดเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน

สำนักงานศุลกากรจีนเผยยอดการส่งออกเดือนธ.ค.ขยายตัวขึ้น 17.7% นับเป็นสถิติยอดการค้าที่ดีดตัวขึ้นนี้อาจจะทำให้ทางการจีนตัดสินใจปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปีนี้ การที่จีนไม่ได้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นทำให้จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกในปีที่แล้วการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ขณะที่การนำเข้าพุ่งสูงขึ้น 55.9%

ยอดการค้าที่ดีดตัวขึ้นนี้อาจจะทำให้ทางการจีนตัดสินใจปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปีนี้ การที่จีนไม่ได้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นทำให้จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกในปีที่แล้ว


เกาหลีเหนือสร้างเงื่อนไขก่อนยุติโครงการนิวเคลียร์

เกาหลีเหนือเรียกร้องให้การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับสหรัฐเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นของการยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ก่อนเกาหลีเหนือจะกลับเข้าสู่การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์

นับเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือออกมาแสดงจุดยืนต่อสาธารณะในประเด็นการเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ นับตั้งแต่นายสตีเฟน บอสเวิร์ธ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐในกิจการเกาหลีเหนือ เดินทางเยือนกรุงเปียงยางเมื่อเดือนที่แล้ว

นายบอสเวิร์ธพยายามโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่การเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งเกาหลีเหนือขอถอนตัวเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า สนธิสัญญาสันติภาพจะช่วยยุติความสัมพันธ์อันเป็นปรปักษ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ รวมทั้งส่งเสริมกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี

เกาหลีเหนือเปิดเผยว่า การเจรจาว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพอาจจะถูกจัดขึ้นในการประชุมซึ่งแยกต่างหากหรือในกรอบของการเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วยเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 12 ม.ค. 2553)
? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (พ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #221 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 10:59:22 AM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับ
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย  ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #222 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:01:15 AM »

ดัชนีดอลล์เมกา
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #223 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:04:21 AM »

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่า หลังอ่อนตัวมาตลอด 1 สัปดาห์

Posted on Tuesday, January 12, 2010
อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลงมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ รวมถึงค่าเงินเอเชีย เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ย่ำแย่เกินคาด ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือนธันวาคมดีเกินคาด ส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ ภาวะตลาดเงินในทั่วโลกมีความเปราะบางสูง จากความกังวลว่า สหรัฐฯ และจีน จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของกองทุนเก็งกำไรต่าง ๆ สูงขึ้น และจะนำไปสู่การถอนสภาพคล่องออกจากระบบได้ และถ้าหากจีนขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ก็จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรของจีนที่นำออกมาประมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการย้ายการลงทุนจากตลาดหุ้นในภูมิภาคไปยังตลาดพันธบัตรได้

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินต่างประเทศเข้ามายังไทยค่อนข้างมาก ซึ่งดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าทะลุ 33.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากเป็นการเข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลไม่ได้เป็นการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ราคาพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังปรับลดลงมาประมาณ 0.20% แล้ว ทำให้ราคาหุ้นในขณะนี้อาจไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากและน่าจับตาอย่างใกล้ชิด โดยค่าเงินบาทในวันนี้ยังมีโอกาสอ่อนตัวลงไปแตะที่ 33.10 ? 33.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้มีอัตราที่แข็งแกร่ง มีปัญหาการเมืองกดดัน และอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลในขณะนี้

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #224 เมื่อ: มกราคม 12, 2010, 11:26:03 AM »

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: