Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 57912 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #255 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:26:12 AM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #256 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:47:37 AM »

คาดเงินบาทไทยมีโอกาสแข็งค่าจนหลุดระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐตามเงินหยวน

Posted on Wednesday, January 13, 2010
นายกอบสิทธิ์  ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มมีความกังวลต่อการตัดสินใจที่ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ จีน ทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และถอนการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เงินหายไปจากระบบค่อนข้างมาก

โดยเฉพาะจีน ที่เร่งดึงสภาพคล่องออกจากระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเลี่ยงปัญหาฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้น ด้วยการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าในตลาด การเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยลดความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ จีนยังมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ปริมาณเงินหยวนในระบบลดลง และจะส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นด้วย
 
สำหรับประเด็นที่จะมีผลต่อประเทศไทย คือ การที่จีนเป็นผู้ผลิตของภูมิภาค และไทยมียอดค้าขายกับจีนเป็นสัดส่วนประมาณ 13% ของมูลค่าการค้ารวม ทำให้ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มการขยับตัวไปในทิศทางเดียวกับเงินหยวนด้วย ซึ่งจะกดดันกำไรของผู้ส่งออกไทยได้ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มหลุดระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือแกว่งตัวที่ระดับ 32.90 ? 33.10 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐได้

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #257 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 01:11:43 PM »

กราฟใหม่2010(เรามาช่วยกันใช้กาลเวลาพิสูจน์ว่า กราฟตัวนี้จะมีความขลังเท่ากราฟตาแป๊ะไหม)
1.   ซ้ายบนหน้าเทาขาวและหนังสือสีขาว??ถอนตัว(ขาย)   หน้าแดงและหนังสือสีเหลือง??บุก(ซื้อ)
2.   กลางบน หนังสือสีเขียว??ขาย หนังสือสีแดง??ซื้อ ส่วนตัวหนังสือสีเหลืองHuh??เส้นหยุดขาดทุน(สำหรับผู้ที่เล่นออนไลน์สั่งป้องกันล่วงหน้าได้เท่านั้น)
3.   ขวาบน  ตัวหนังสือสีเขียว (?)?ขาย  ตัวหนังสือสีเหลือง(?)?ซื้อ
 4.   ซ้ายล่าง สีแดง???เพดาน(จะอยู่ช่วงบน)   สีแดง???ซื้อ(จะอยู่ช่วงล่าง)          สีเขียว Huh??หนีเร็ว หากเครื่องหมาย ?ปรากฏแค่/ยังไม่สมบูรณ์เต็มตัว?เตรียมตัวหนี(จะปรากฏพร้อม   Huh?เพดาน(จะอยู่ช่วงบน)   )และตัวหนังสือสีเขียว?Huh?เจอต่ำซื้อ
5.   กลางล่าง   หน้าเทาขาว?ขาย        หน้าแดง?ซื้อ
6.   ขวาล่าง    เครื่องหมายสีขาว??ขาย           เครื่องหมายสีชมภู??ซื้อ

บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #258 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 02:29:33 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่
บันทึกการเข้า
Yai Carmungwed
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 584



« ตอบ #259 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 04:37:54 PM »

 ยิ้มขอบคุณมากครับอาจารย์ทองใหม่ ยิ้ม
บันทึกการเข้า

Yai Carmungwed  (Sapankwane)  Nakhonpathom
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #260 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 06:14:18 PM »

มานั่งรอปาฎิหาริย์ครั้งใหม่ว่าจะเกิดอีกเมื่อไหร่? พวกเล่นระยะสั้นก็ต้องลุ้นอย่างนี้ค่ะ
แมวมันถามหาเป่าฮื้ออีกแล้วค่ะอาจารย์ เอาปลาทูให้กินไม่ยอมกิน เจ้านี่เสียนิสัย Grin หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
JO-JO
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285


« ตอบ #261 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 06:54:53 PM »

ขอบคุณครับ คุณทองใหม่

กราฟตาแป๊ะยังแม่นเหมือนเดิมเลยนะครับ น้ำมันขึ้นสัญญาณขายราคาล่วงกระจายเลย
นี่ถ้าตาแป๊ะร้องไห้ด้วยสงสัย จะหนักกว่านี้อีก ราคาทองจะยิ่งร่วงลงตามน้ำมันไปอีกหรือเปล่าหนอ

ว่าแต่กราฟตัวใหม่ 2010 ทำยังไงให้มันใหญ่ขึ้นอะครับ

 Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2010, 06:57:27 PM โดย JO-JO » บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #262 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 06:22:23 AM »

 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #263 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 06:24:26 AM »

ขอบคุณครับ คุณทองใหม่

กราฟตาแป๊ะยังแม่นเหมือนเดิมเลยนะครับ น้ำมันขึ้นสัญญาณขายราคาล่วงกระจายเลย
นี่ถ้าตาแป๊ะร้องไห้ด้วยสงสัย จะหนักกว่านี้อีก ราคาทองจะยิ่งร่วงลงตามน้ำมันไปอีกหรือเปล่าหนอ

ว่าแต่กราฟตัวใหม่ 2010 ทำยังไงให้มันใหญ่ขึ้นอะครับ

 Smiley
หากภาพเล็กให้คิ๊กที่ภาพ จะมีหน้าต่างเกิดใหม่ ภาพยังเท่าเดิม ให้คิ๊กที่ภาพอีกครั้ง ภาพจะใหญ่ขึ้นครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #264 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 06:26:29 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #265 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 06:29:19 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #266 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 08:36:00 AM »

ทองคำปิดบวก7.40$ 
 วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553 08:26

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,136.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,118.50 - 1,138.60 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.550 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 29.50 เซนต์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,574.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 4.20 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 424.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 85.00 เซนต์

นักวิเคราะห์จากบริษัท ลาซาล ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรในสัญญาทองคำหลังจากดัชนี ICE Futures US dollar index ร่วงลง 0.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในตะกร้าสกุลเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำลดลง 3.657 ตัน หรือ 0.3% แตะที่ระดับ 1,115.884 ตัน ณ วันที่ 12 ม.ค.

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #267 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 09:33:17 AM »

14 ม.ค. 2553


ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองดีดตัวเช้านี้เหนือ 1,140 ดอลล์ขณะรอดูประชุม ECB
     

        ราคาทองดีดตัวขึ้นต่อในเช้าวันนี้ หลังปรับตัวขึ้นวานนี้จากแรงซื้อชดเชย
และคำสั่งซื้อในตลาดส่งมอบปัจจุบัน ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยนักลงทุนซื้อขาย
อย่างระมัดระวังก่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
และก่อนการเปิดเผยข้อมูลสหรัฐ
        ณ เวลา 08.49 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ
1,142.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับปิดในตลาดสปอตนิวยอร์คเมื่อวานนี้
ที่ระดับ 1,137.60 ดอลลาร์
        สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด COMEX อยู่ที่ 1,138.30
ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับปิดวานนี้ที่ 1,136.80 ดอลลาร์/ออนซ์
        ราคาทองปรับตัวขึ้นวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์ที่อ่อนค่าได้กระตุ้นคำสั่งซื้อ
ในตลาดส่งมอบปัจจุบันและแรงซื้อชดเชย โดยราคาทองได้ดิ่งลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
เมื่อการตัดสินใจของทางการจีนในการปรับเพิ่มเพดานการกันสำรองของธนาคาร
พาณิชย์ได้กระตุ้นความกังวลว่าจะกระทบต่อการใช้จ่ายและจะลดความน่าดึงดูดใจ
ของทองแท่งในฐานะแหล่งประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
        กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก
เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,115.884 ตัน ณ วันที่ 13 ม.ค.
ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 12 ม.ค. โดยกองทุนได้ถือครองทองคำสูงสุดเป็นประวัติ
การณ์ที่ 1,134.03 ตันเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ปีที่แล้ว

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #268 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 10:01:05 AM »

ประเด็นสำคัญ
   - ราคาทองปิดบวกหลังได้รับแรงซื้อ,ดอลล์อ่อน
   - สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้น
   - น้ำมันดิบปิดร่วง 1.14 ดอลล์หลัง EIA เผยตัวเลข
   - สกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ฟื้นตัวขึ้นบ้าง

    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นในการซื้อขายที่ผันผวนในวันพุธ ในขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์ กระตุ้นการเข้าซื้อในตลาดส่งมอบปัจจุบันและแรงซื้อคืน หลังการร่วงลงอย่างหนักในวันอังคาร

    สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,118.50-1,138.60 ดอลลาร์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 223,457 สัญญา

    ทองมีแนวรับอยู่ที่ราวระดับเคลื่อนตัวเฉลี่ยรอบ 50 วัน ที่ 1,130 ดอลลาร์ หลังจากที่ในช่วงแรกร่วงลงต่ำกว่า 1,120 ดอลลาร์

    ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในรายงาน Beige Book ว่า ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ "สถานการณ์ก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยต่อไป และการปรับตัวในทางบวกนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่กว้างกว่าเดิมในทางภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับในรายงานครั้งก่อน

     สกุลเงินที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลียฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ตลาดยังวิตกว่า การถอนสภาพคล่องอาจจะทำให้มีการปิดสถานะการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่า ขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และธนาคารกลางต่างๆให้ความสำคัญกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

 

    เขากล่าวอีกว่า ปฏิกริยาต่อมาตรการของจีนเมื่อวันอังคารมีมากเกินไปและเร็วเกินไป และเมื่อพิจารณามากขึ้น นักลงทุนจึงตระหนักว่า ผลกระทบจากมาตรการของจีนจะไม่เป็นอันตรายต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

     ดัชนีดอลลาร์ทรงตัว หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดอาจหันมาสนใจรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐในสัปดาห์นี้ และข้อมูลยอดค้าปลีกและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในวันพฤหัสบดี

     กลยุทธ์ : ช่วงเมื่อคืนทำจุดต่ำสุดที่ 1,118 และดีดขึ้นมาอย่างรุนแรงถึงช่วงเช้านี้ที่ 1,143 กลยุทธ์ช่วงนี้อาจจะเล่นสั้น เพื่อป้องกันการที่ราคามีการเหวี่ยงขึ้นลงรุนแรงอาจจะผิดทิศทางกับการเข้าลงทุน วันนี้อาจจะต้องระวังความผันผวนในวัน

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #269 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 10:24:51 AM »

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ 6 เดือนล่าสุดหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกพุ่งต่อ

Posted on Thursday, January 14, 2010
ตัวเลขเศรษฐกิจหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกพุ่งต่อ

ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกที่จัดทำโดยสำนักข่าว Bloomberg ปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ หลังจากที่เห็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นทั้งในภาคการผลิตและบริการ ทำให้หลายคนมั่นใจมากขึ้นสำหรับทิศทางเศรษฐกิจต่อจากนี้

The Bloomberg Professional Global Confidence Index ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66.6 ในเดือนมกราคม เพิ่มจาก 58.9 ในเดือนธันวาคม และทำสถิติเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีนี้ขึ้นมาเมื่อสองปีก่อน

ตัวเลขตลอด 6 เดือนล่าสุดโชว์มุมมองว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มีรายงานทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ทยอยประกาศออกมา และถ้าไล่เลียงกันไปตามภูมิภาคแล้ว เริ่มจากที่สหรัฐฯ สภาวะการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนก็เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปี ขณะภาคการผลิตก็แสดงทิศทางการขยายตัวในเดือนธันวาคม ด้วยอัตราการเพิ่มที่สูงสุดในรอบกว่าสามปี แม้ว่าอัตราการว่างงานจะยังยืนอยู่ที่แถวๆ 10% แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาสที่ตัวเลขจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนที่ยุโรป ผู้ตอบแบบสำรวจรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเป็นเดือนที่สองแล้วว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อ ซึ่งสามารถสะท้อนได้จากดัชนีภาคการผลิตและบริการที่ยังขยับดีขึ้นต่อเนื่อง แถมทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังได้แสดงท่าทีที่จะถอนมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังไปในทิศทางบวก

ปิดท้ายที่เอเชีย ที่ดัชนีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 76.2 มาเป็น 79.8 ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ถ้าดูจากอัตราการเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายบริโภคในประเทศในช่วงที่ผ่านมา

และกับคำถามที่ว่าเศรษฐกิจเอเชียดีหรือไม่ดีจริงนั้น ก็น่าจะชัดเจนมากขึ้น เมื่อล่าสุดธนาคารกลางจีนได้สั่งให้ธนาคารในประเทศปรับเพิ่มระดับเงินสำรองไปเมื่อวันก่อน เพื่อหวังชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ หลังจากปรากฏการณ์สินเชื่อที่บูมสุดขีดได้สร้างความกังวลในเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อ และฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์ ขณะที่ดัชนีชี้สภาวะการผลิตล่าสุด ที่รวบรวมโดย HSBC Holdings และ Markit Economics ขยายตัวแรงที่สุดในรอบ 5 ปี


หุ้นบวก - น้ำมันหลุด 80 เหรียญ ขณะผลสำรวจเฟดชี้เศรษฐกิจกำลังฟื้น

หลังจากที่ร่วงลงไปได้เพียงวันเดียว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็กลับมาปิดบวกได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ รวมถึงที่ยุโรป ที่นักลงทุนมีท่าทางเชื่อมั่นในการนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้จะมีเรื่องประเทศจีนเดินหน้าใช้มาตรการชะลอเศรษฐกิจ จนหลายคนกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา

ส่วนราคาน้ำมัน รวมถึงหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยประเทศจีนกันไปบ้างแล้ว อีกทั้งล่าสุดตัวเลขสต็อกยังออกมาเพิ่มขึ้นถึง 3.7 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้สองเท่า ทำให้กลายเป็นตัวฉุดราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 และหลุดระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรลไปเรียบร้อยแล้วที่ตลาดนิวยอร์ก

มีอัพเดตเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อผลสำรวจเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบล่าสุด ชี้ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนที่แล้ว แม้ว่าในหลายๆ ที่จะยังมีอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าระดับปกติอยู่ แต่ก็นับว่าสถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ทางด้านประธานเฟดสาขาชิคาโก้ นาย Charles Evans ก็เผยว่าอุปสรรคทางเศรษฐกิจ อย่างเช่น สินเชื่อภาคธนาคารที่ตึงตัวมีแนวโน้มเบาบางลงในปีนี้ ซึ่งเขาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้ราว 3 - 3.5% ด้วยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่แบงก์ยอมปล่อยกู้เพิ่มและผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายมากขึ้น

ผู้บริหารเฟดรายนี้ระบุว่า ยังไม่น่าถึงเวลาที่ธนาคารกลางจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน ซึ่งคงจะต้องรอจนกว่าจะเห็นสภาวะเศรษฐกิจกลับขึ้นมายืนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่านี้ก่อน ส่วนเรื่องเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำก็จะยังสนับสนุนนโยบายในแบบผ่อนคลายนี้ต่อไป

ในผลสำรวจหรือที่เรียกว่า Beige Book ของเฟดยังระบุด้วยว่า ผู้บริโภคกำลังใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และมีการคำนึงถึงเรื่องราคาและความจำเป็นที่จะใช้เป็นหลัก แต่ก็เริ่มพร้อมที่จะซื้อหาสินค้าที่มีมูลค่าสูงกันบ้างแล้ว ดูจากยอดขายรถยนต์ที่ขยับขึ้นมาได้สำหรับบางดีลเลอร์

ส่วนในตลาดแรงงานยังคงซบเซาในหลายพื้นที่ และทำให้สภาะค่าจ้างและแรงกดดันทางด้านราคายังคงไม่มีในตอนนี้ ขณะที่การจ้างงานที่เป็นแบบชั่วคราวเริ่มมีมากขึ้นในแถบ New York, Cleveland, Chicago และ Dallas


สหรัฐฯเชื่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรักษางาน 2 ล้านตำแหน่ง

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เชื่อว่าแผนการใช้จ่ายเงินฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ออกใช้เมื่อปีที่แล้วนั้นช่วยรักษาตำแหน่งงานในสหรัฐฯ ประมาณ 2 ล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามามีความกังวลต่ออัตราการว่างงานที่อยู่ในตัวเลขสองหลัก ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ไปลดความนิยมในตัวโอบามาอย่างมาก

นอกจากนี้ โอบามาได้มีการเรียกร้องมาตรการเพิ่มเติมจากรัฐบาลที่จะช่วยกระตุ้นการจ้างงาน เพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7 แสนล้านที่ประกาศใช้ในเดือน ก.พ. ปีที่แล้วหรือ ปี 2552

คริสทีน่า โรเมอร์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของโอบาม่า คาดว่า การจ้างงานน่าจะฟื้นตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ครึ่งแรกของปี) แต่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเข้ามาช่วยตลาดแรงงาน

นอกจากนี้ โรเมอร์ยังกล่าวว่าในปีนี้จะได้เห็นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา และ จะเห็นภาคเอกชนกลับมาลงทุนกันอีกครั้ง

และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อแนวคิดของโอบามาในการร้องขอมาตรการเพิ่มเติมในการเยียวยาเศรษฐกิจ ด้านสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้เห็นชอบ มาตรการกระตุ้นการจ้างงานมูลค่า 155,000 ล้าน เมื่อเดือนที่แล้ว โดยโรเมอร์คาดว่ามาตรการใหม่นี้จะสามารถช่วยรักษาตำแหน่งงานได้ 3.5 ล้านตำแหน่งในปี 2553 นี้


เฟดทำกำไรพุ่งทำสถิติในปี 2552

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานผลกำไร 5.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 ซึ่งพุ่งขึ้น 47% จากปีก่อน ซึ่งกำไรจำนวนมากดังกล่าวเปิดทางให้เฟดสามารถจ่ายเงินให้กับ

กระทรวงการคลังได้ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากที่สุดที่เฟดจ่ายให้กับกระทรวงการคลังนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารในปีพ.ศ.2457 โดยตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นี้มีสาเหตุหลักมาจากความพยายามของเฟดที่จะให้การสนับสนุนระบบการเงินตลอดช่วงวิกฤตการเงิน

ทั้งนี้ เฟดหารายได้ด้วยตัวเองจากการดำเนินงานต่างๆ และคืนกำไรกลับไปให้แก่กระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ กำไรบางส่วนของเฟดยังมาจากดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่อิงกับสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ของแฟนนีเม และ เฟรดดีแมค

รายงานระบุด้วยว่า โครงการเงินกู้ฉุกเฉินต่างๆซึ่งริเริ่มจัดตั้งโดยธนาคารกลางในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปีที่แล้ว มีส่วนช่วยเพิ่มงบดุลบัญชีให้เฟดได้มากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์


สหรัฐฯจี้จีนชี้แจงกรณีมีผู้โจมตีเว็บไซต์กูเกิลในจีน

กูเกิล สุดทนขู่ปิดสำนักงานและระงับการให้บริการเว็บไซต์ในจีน หลังถูกมือดีเจาะข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา

กูเกิล อิงค์ ผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลอินเทอร์เน็ตชื่อดังเปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา มีการพบหลักฐานว่ากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างน้อย 20 แห่งในภาคอุตสาหกรรมการเงิน เทคโนโลยี สื่อ และเคมีภัณฑ์ตกเป็นเป้าหมายการถูกเจาะระบบ และมือแฮกเกอร์ได้มุ่งเป้าโจมตีบัญชีอีเมล์ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในจีน สหรัฐ และยุโรป

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งทำให้กูเกิลต้องหาทางหนีทีไล่โดยอาจพิจารณาแผนการยุติการคัดกรองผลการสืบค้นข้อมูลบนเว็บไซต์ Google.cn ที่ให้บริการในจีน ก่อนที่จะเข้าหารือกับรัฐบาลจีนต่อไป

ขณะเดียวกัน มีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า กูเกิลยังไม่น่าจะถอนตัวออกจากตลาดจีน ขณะที่กูเกิลโต้ว่า บริษัทสามารถปิดธุรกิจในจีนได้อย่างไร้กังวล เพราะบริษัททำยอดขายในจีนได้เพียงหยิบมือเดียว

ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐเรียกร้องให้จีนชี้แจงกรณีมีผู้โจมตีเว็บไซต์กูเกิลในจีน รวมถึงเว็บไซต์ของบริษัทอื่นๆอีกอย่างน้อย 20 แห่ง

กูเกิลรายงานสถานการณ์ดังกล่าวให้ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐรับทราบไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางสหรัฐยังกำลังรอฟังคำอธิบายจากรัฐบาลจีนต่อกรณีดังกล่าว เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความวิตกกังวลและก่อให้เกิดคำถามตามมาอีกมาก จึงได้ขอให้จีนชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ นางคลินตันซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนฮาวายมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เรื่องความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต และจะแถลงถึงมาตรการและนโยบายของสหรัฐบางส่วน ภายใต้เป้าหมายด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ

ดังจะเห็นได้จากเมื่อครั้งที่ผู้นำสหรัฐเดินทางเยือนจีนในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยเขาได้กล่าวแสดงความเห็นคัดค้านเรื่องการคัดกรองข้อมูลบนระบบอินเทอร์เน็ต โดยให้เหตุผลว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเสรีจะทำให้ประเทศมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่จะย่ำแย่ลง


นักวิเคราะห์ ING คาดจีนขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนปีนี้

นักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ และไอเอ็นจี กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสกุลเงินหยวน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การสกัดเม็ดเงินเก็งกำไรที่ไหลเข้าจากต่างประเทศ โดยคาดว่าธนาคารกลางจะขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนเป็น 1% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ในปีหน้า จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5%

จีนเผชิญกับเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างประเทศจำนวนมาก อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวแข็งแกร่งและเงินหยวนของจีนจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งเม็ดเงินไหลเข้าจำนวนมากนี้ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและทำให้จีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นสุดเดือนธ.ค.ปี 2552 พุ่งขึ้น 24% แตะที่ 2.42 ล้านล้านดอลลาร์

ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเข้าทำธุรกรรมสว็อปค่าเงินหยวนมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่ายอดส่งออกของจีนเดือนธ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นค่าเงินหยวนในวันข้างหน้า โดยจีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 เพื่อช่วยกลุ่มบริษัทส่งออกให้สามารถรับมือกับดีมานด์ที่หดตัวลงอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลกได้

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ยืนยันเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า จีนจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน

นักวิเคราะห์จากไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงค์ กล่าวว่า ตลาดจำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีนอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะมั่นใจว่าอุตสาหกรรมส่งออกขยายตัวอย่างยั่งยืน พร้อมกับคาดการณ์ว่าจีนจะตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์จนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าเงินหยวนจะไม่แข็งค่าเกิน 2%


มูดีส์ เตือนญี่ปุ่น หลังตั้ง รองนายกฯควบตำแหน่งรมว.คลัง

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจแต่งตั้งนายนาโอโตะ คัง เป็นรัฐมนตรีคลังคนใหม่แทนนายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ อาจทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นเรื่องความน่าเชื่อถือในเรื่องวินัยด้านการคลัง รวมถึงการควบคุมตัวเลขหนี้สาธารณะ โดยขณะนี้หนี้สินสาธารณะของญี่ปุ่นติดอันดับสูงสุดของโลก

ความคิดเห็นของมูดีส์ สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ที่กล่าวว่า นายคังไม่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในภาคการเงินของญี่ปุ่น ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนในการพยุงเศรษฐกิจและควบคุมหนี้สาธารณะ

อย่างไรก็ดีแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะกลางของญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับว่าอัตราการขยายตัว และขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถลดยอดขาดดุลและลดหนี้สาธารณะได้มากน้อยแค่ไหน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นจะพุ่งขึ้นเป็น 246% ของตัวเลข GDP ในปี 2557 เมื่อเทียบกับสหรัฐที่ระดับ 108% และเยอรมนีที่ระดับ 89%


ธนาคารโลกประเมินความเสียหาย และแผนฟื้นฟูเฮติ

ธนาคารโลก เผยว่า พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังเฮติเพื่อประเมินความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และจะเริ่มทำแผนฟื้นฟูประเทศแต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะให้ความช่วยเหลือเท่าใด

จากเหตุแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ ที่สาธารณรัฐเฮติ เมื่อช่วงเย็นของวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับ 04.53 น. ในไทย เช้าวานนี้ นับเป็นว่าแผ่นดินไหว สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปีทำลายสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ทำเนียบประธานาธิบดี และอาคารของทางการหลายหลัง ไปจนถึงโรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไซเบอร์คาเฟ่ และอาคารที่พัก

ขณะเดียวกัน ธนาคารโลก ได้เปิดเผยว่า สำนักงานสาขาที่ตั้งอยู่ชานกรุงปอร์โตแปรงซ์ พังเสียหายจากแผ่นดินไหว และลูกจ้างส่วนใหญ่ก็ติดอยู่ในนั้น

ประธานาธิบดีเฮติ รอดตายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง จนทำให้ทำเนียบประธานาธิบดีพังเสียหายอย่างหนัก ด้านสภากาชาดจีนบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศเฮติ


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พุธที่ 13 ม.ค. 2553)
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล
? รายงาน Beige Book โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 14 ม.ค. 2553)
? ยอดค้าปลีก (ธ.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ราคานำเข้า-ส่งออก (ธ.ค.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ตัวเลขสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (พ.ย.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: