Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 15   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขออานิสงฆ์ บังเกิดแก่ผู้อ่าน  (อ่าน 18798 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #45 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2013, 08:13:46 PM »


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #46 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2013, 08:15:02 PM »




"ธรรมะก่อนนอน"... (นิทานร้อยวัน เรื่องที่12)
... ควายขี้เรื้อน กับเกวียนวิเศษ....

เจ้าเด็กน้อย ตื่นได้แล้ว ดูที่หน้าต่างซิ ควายขี้เรื้อนตัวใหญ่มันถูกขังอยู่น่ะ...
อ้าวใครจับมันขังล่ะ..เด็กน้อยถาม! อ๋อ..มันเดินเข้าวัดโน้นที เข้าวัดนั้นที
เอาขี้เรื้อนขี้ราไปติดพระ ฟังนะ..ข้าจะเล่านิทานให้เจ้าฟัง

มีเศรษฐีใจบุญมองเห็นควาย เป็นเทวดา เพราะเจ้าควายไปหาสีมาทา เอาทองมาแต้ม
เศรษฐีใจบุญก็เพียรนำของดีๆมาให้เจ้าควายขี้กลาก
แถมหาเกวียนวิเศษราคาแพงมาให้ด้วย”เช้าวันหนึ่ง “ เจ้าควายขี้กลาก
เห็นพระเดินบิณฑบาตร ด้วยตัวเองอยากเอาใจพระ
จึงยกเกวียนให้พระนำไปนั่ง บอกพระว่า นั่งเกวียนซิท่าน..! เดินทำไมเมื่อยเปล่าๆ
เราเอาเกวียนมาถวาย เรามีเกวียนวิเศษเยอะ พระบางรูปก็รับเกวียน
บางรูปก็เดินหนีส่วนพระที่นั่งเกวียนหรูก็ติดขี้กลากขี้ราควาย..กันไปหมด

เจ้าเด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่า ก่อนที่พระพุทธเจ้าพระองค์ จะตรัสรู้
ท่านได้สละซึ่งสมบัติ รวมถึง ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวง กว่าจะตรัสรู้ได้
และเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว พระองค์ยังทรงเดินด้วยเท้าเปล่ากว่าสิบวัน
ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อจะเผยแผ่ธรรมะ มีน้ำบนใบพระศรีมหาโพธิ์เป็นเพื่อน
ทรงบําเพ็ญทุกรกิริยา เพียงมิใช่เพื่อพระองค์เอง
แต่เพื่อเหล่ามนุษย์ให้ได้ละถึง ซึ่งกิเลสทั้งปวง
เจ้าพิจารณาดูเองนะเจ้าเด็กน้อย พระสงฆ์ที่ดีมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ส่วนขี้กลาก ขี้ราควาย ค่อยๆรักษาเดี๋ยวมันก็หมดไปเองนั่นแหละ คืนนี้ฝันดีนะขอรับ

^_______^
BY : เด็กวัด
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #47 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2013, 12:08:57 PM »





ขอเชิญฟังธรรมประจำวันอาทิตย์
หัวข้อ "ธรรมะสำหรับคนเจ็บไข้"
รำลึก ๒๐ ปีละสังขารท่านพุทธทาส
วันที่ ๘ ก.ค. ๒๕๓๖

ความโดยย่อ

ความเจ็บไข้นี้พึงเห็นว่าเป็นของธรรมดา ที่จะต้องมีมาแก่สังขารทั้งหลาย
เพราะสังขารทั้งหลายจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งทางขึ้นและทางลง
ความเจ็บไข้นี้มีมาสำหรับจะตักเตือน ไม่ได้มาสำหรับให้เป็นทุกข์หรือเสียใจ
จะเป็นทุกข์หรือเสียใจก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสังขารต้องเป็นอย่างนี้เอง

ความเจ็บไข้มาเพื่อตักเตือน หรือสั่งสอนให้ฉลาด
มาบอกให้เตรียมเนื้อเตรียมตัวสำหรับการดับไม่เหลือแห่งความทุกข์ความดับ
ไม่เหลือเป็นความดับของสังขาร
อย่าให้มีเชื้อเหลือมาเกิดอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าร่างกายยังไม่ทันจะแตกดับ จิตใจมันก็สมัครจะแตกดับ
เรียกตรง ๆ ว่า เราสมัครที่จะไม่มี "ตัวกู" กันเสียแต่เดี๋ยวนี้

เราจะมีการปลงใจลงไปในทุกสิ่งทุกอย่างว่า หมดเรื่องกันทีสำหรับสังขารนี้ สิ้นเรื่องกันที
ไม่มีความคิดว่าตัวกู ของกู เหลืออยู่อีกต่อไป ถ้าขืนเวียนว่านอยู่ในวัฏสงสารแล้ว
ก็จะต้องเป็นอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

สังขารมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ถ้าเราไปยึดถือเอามาว่าสังขารเป็น "ของเรา"
ความเจ็บไข้มันก็กลายเป็นของเราไปด้วย
เราก็รู้สึกเป็นทุกข์ เสียใจ น้อยใจ ถ้ามาตั้งใจกันเสียใหม่ให้เด็ดขาดลงไปด้วยสติปัญญา
หรือด้วยกำลังจิตอันเข้มแข็งว่า

เรื่องของสังขารก็เป็นเรื่องของสังขารเถิดอย่ามาเป็นเรื่องของเราเลย

เรื่องของสังขารคือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา
แต่เรื่องที่เราปรารถนาเป็นเรื่องหยุด ดับ สงบ เย็น พระนิพพาน
จิตจะต้องมองให้เห็นเช่นนี้เสียก่อน จึงจะไม่ถือเอาเรื่องของสังขารมาเป็นเรื่องของเรา
ให้สังขารเจ็บไข้หรือสลายไปตามธรรมดาเถิด
จิตจะไม่ถือความเจ็บไข้ ความตาย มาเป็นของเรา

พุทธทาสภิกขุ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #48 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 10:49:12 AM »

การทำสมาธิ ทำอย่างไร โดย พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ





โดย พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ
สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำสองตา จ.นครราชสีมา
,
จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของ “การทำสมาธิ” เริ่มจากการรักษาจุดยืนที่ถูกต้องเสียก่อน ถ้าเราไม่รู้ว่าเป้าหมายที่เราต้องการไปให้ถึงนั้นคืออะไร ทำไมเราต้องไปให้ถึงมันให้ได้ และเราจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร ความพยายามของเราก็คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก ถ้าเราลงมือทำอะไรโดยไม่ใช้สติปัญญา ความล้มเหลวย่อมเป็นสิ่งที่ตามมาอย่างแน่นอน

ดังนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม เราจะต้องมีความพยายามที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องมีจุดยืนที่เหมาะสม และเราต้องมองให้ออกว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายได้นั้นคืออะไร มันก็ไม่ต่างอะไรกับการขับรถจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ถ้าเราเดินทางไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ถ้าเราไม่มีสติปัญญาเพียงพอที่จะรู้ว่าจะต้องไปทางไหนอย่างไร และถ้าเราหลงลืมอยู่เรื่อยว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน เราก็อาจจะพบว่าตัวเองกำลังหลงทาง หรือแย่ไปกว่านั้นเราอาจจะกำลังวิ่งวนไปมาเป็นวงกลมอยู่รอบเมือง

เริ่มแรก เราจะต้องเต็มใจที่จะทบทวนความเชื่อพื้นฐานที่ว่า เราคือร่างกายของเรา และเราคือความคิดของเราเสียก่อน ปัญหาเรื่องร่างกายนั้นไม่ได้ยากอะไรนัก แต่ปัญหาเรื่องความคิดจิตใจนี่สิที่ท้าทายยิ่งกว่า เราถูกทำให้เชื่อว่าคือคนที่เราคิดว่าเราเป็น ถ้าคุณพร้อมที่จะเถียงว่าความเชื่อที่ฝังรากลึกนี้ไม่จริง คุณก็สามารถมองเห็นถึงอันตรายจากการที่คุณเอาตัวเข้าไปพัวพันอยู่กับความคิดในรูปแบบต่างๆ ที่เดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็ไป ประสบการณ์ชีวิตของเราได้ชักนำให้เราสงสัยอยู่แล้วว่าความคิดเป็นสิ่งหลอกลวง เราเคยเห็นมาแล้วว่ามันมักจะส่งผลให้เรามีทัศนคติที่ไม่ดี และการตัดสินใจที่โหดร้าย ความทรงจำมากมายหลายเรื่องที่เรานึกไม่ออก แต่ก็จำได้ไม่ถูกต้องนัก แผนต่างๆ ที่เราวางเอาไว้ก็ไม่เคยเป็นไปอย่างที่คิด จิตสามารถก่อกำเนิดความทุกข์ทรมานในชีวิตของเราได้อย่างมากมาย เป็นเพราะตลอดมาเราเอาความคิดมาเป็นตัวกำหนดตัวตนของเรา และเพราะว่าเรายอมรับภาพต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในสมองของเราร่วมกับการมีอัตตา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องพิจารณาและประเมินข้อสมมติฐานนี้อีกครั้งหนึ่งว่า นี่คือวิธีทางที่ใช่แล้วหรือ

แหล่งที่มา : dhammathai
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #49 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 11:18:52 AM »

อย่าอาศัยแต่ผู้อื่น




หลังจังหัน

น้ำท่วมทางภาคกลางก็ดูหมดปัญหาไปแล้วนะ (ครับ เขาจัดตามที่หลวงตาสั่ง) คือให้จัดตามนั้นเลย จำเป็นมากน้อยเพียงไรทุ่มเลย เราบอกอย่างนั้น เอาศรีไทยใหม่ซึ่งเป็นคนจริงจัง เฉลียวฉลาดด้วย เป็นเจ้าของโรงสีให้เป็นผู้ไปประสานงานทางนั้น มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไรจัดตามนั้นเลย ควรทุ่มก็ทุ่มเลย เราจะเป็นคนจ่ายเองหมด จ่ายเรียบร้อยดูเหมือน ๔ ล้านกว่า

ความจำเป็นไม่โดนใครเข้าก็ดูดีหนา ลองมาโดนเราเข้าซิเป็นยังไง ไม่หวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นจะหวังที่ไหนน่ะ นั่น เวลาจำเป็นก็ต้องช่วยกันคนเรา เราตายใจเพราะมอบให้ศรีไทยใหม่ เจ้าของโรงสี อ.บ้านผือ เป็นผู้ไปประสานงาน ให้จัดการตามนั้นเลย มีความจำเป็นมากน้อย เอาๆ ๆ เลย ช่วยเท่าไรๆ ช่วยตามความจำเป็น บอกมาที่นี่เท่าไรเราจ่ายให้ทันทีเลย นี่ก็ดูว่า ๔ ล้านกว่า ไม่มากนัก น้ำท่วม

แต่เครื่องมือตาคิดดูซิ เครื่องมือตานี้แหม แพงมาก อันนี้ที่ว่าเราเอามือเขียนตีนลบเราก็ยอมรับนะ คำว่ามือเขียนตีนลบ คือเราเป็นผู้ประกาศเสียเองเพื่อสร้างเนื้อหนังแห่งชาติไทยของเราขึ้น ให้เป็นตัวของตัวๆ อย่าอาศัยแต่ผู้อื่นๆ แล้ววิ่งตามหลังเขาๆ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเลยใช้ไม่ได้เราว่างั้น ถ้าอันใดที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ก็อาศัยเขาไปก่อน อาศัยเพื่อจะเป็นการศึกษาฟิตตัวไปในนั้นๆ ไม่ใช่อาศัยเขาตลอดวันตาย อ่อนเปียก ใช้ไม่ได้ นี่เราสอน อะไรที่ควรอาศัยเขาเสียก่อนอาศัย แต่อาศัยเพื่อจะผลิตสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาด้วยวิชาของตนที่ไปอาศัยเขาแล้วมาทำ จนกลายเป็นเนื้อเป็นหนังของคนไทยเราขึ้นมา หลักวิชาเป็นของคนไทยแล้วไปไหนไม่จน ถ้าวิชาอาศัยเขากินนี้จนตลอด เราก็ว่าอย่างนี้ละ

ทีนี้มันก็มาโดนเอาตา เลยกลายเป็นมือเขียนตีนลบจะทำยังไง ถ้าจะเอาเครื่องมือตาภายในประเทศของเรานี้มันก็ไม่ได้อย่างใจ ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้เหมือนเครื่องมือที่มาจากเมืองนอก สมบูรณ์แบบๆ ทันกาลทันสมัยทุกอย่าง สมใจ ตกลงที่ว่าให้สร้างเนื้อหนังของตัวเองก็เลยเป็นเอาตีนลบแล้วที่นี่ ต้องสั่งจากเมืองนอกแหละตา แน่ะเห็นไหมล่ะ เราเป็นคนสั่งเอง คือตาเป็นของสำคัญ เครื่องมือไม่ดีก็ไม่ได้ เราก็มุ่งเพื่อตานี้ แล้วเอาเครื่องมือจากเมืองนอกมาเลยกลายเป็นมือเขียนตีนลบไป นี่เราก็ยอมรับว่าเราผิดพลาด ผิดส่วนหนึ่งแต่ก็ถูกส่วนหนึ่ง แบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่อย่างนี้

เรียกว่าทุกอย่างเราอยากให้ผลิตในชาติไทยของเรา อะไรที่เป็นไปได้อยู่ไม่อยากให้ไปยุ่งกับสิ่งภายนอก ไม่อย่างนั้นจะเป็นเนื้อเป็นหนังของตัวเองไม่ได้ อาศัยเขาจนกระทั่งวันตาย เดินด้อมๆ ตามหลังเขาไม่มีศักดิ์ศรีดีงามอะไรเลย เพื่อจะให้ฟิตตัวเองให้เป็นเนื้อเป็นหนังของตัวเองนี้ ก็เลยมาโดนเอาเครื่องมือๆ ตา เอาเครื่องมือของเขามาทันกับเหตุการณ์ๆ แล้วคนก็คนไทยของเราจะว่าไง ก็เสริมอยากให้มันดี จะเอาของชุ่ยๆ มาได้ยังไง แน่ะ เลยเอาตีนลบ เป็นอย่างนั้นแหละ

ธรรมที่เราสอนทุกเช้าๆ นี้ออกทางวิทยุนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คิดอ่านไตร่ตรองเรื่องศาสนธรรม คือธรรมภายในใจจากพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสดาองค์เอกประทานธรรมให้พวกเรา ขอให้นำไปพินิจพิจารณาตามอรรถตามธรรมเราจะมีหลักมีเกณฑ์ การประพฤติเนื้อประพฤติตัว การเสาะแสวงหา การอยู่การกินการใช้สอยจะรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ มีหลักมีเกณฑ์ เรื่องของธรรมเป็นอย่างนั้น ธรรมไม่ได้สั่งสอนใครให้ลืมตัว ผู้มีธรรมย่อมไม่ลืมตัว เป็นเศรษฐีเงินกองเท่าภูเขาก็ไม่ลืมตัว คนผู้ไม่ลืมตัวนี้แลเป็นคนที่หาได้ยากมากที่สุด ธรรมท่านสอน

อย่างพระพุทธเจ้าเห็นไหม คนไม่ลืมตัว ประพฤติตัวเป็นธรรมทั้งแท่ง เป็นศาสดาทั้งองค์มาสอนโลกเห็นไหมล่ะ ไม่ใช่อยากได้อะไรหยิบได้ฉวยเอาๆ มาแบบชุ่ยๆ นี่แสดงว่าไม่มีหลักเกณฑ์ในความเป็นอยู่เคลื่อนไหวไปมา การเสาะแสวงหาการใช้การสอยไม่มีหลักมีเกณฑ์ใช้ไม่ได้นะ เดี๋ยวติดหนี้เขาๆ เลยเป็นนิสัยสันดานติดหนี้เขา ไม่ได้ติดปวดหัว เห็นไหมล่ะ ลงได้เป็นนิสัยแล้วไม่ได้ติดหนี้เขาปวดหัว อย่าให้เป็นอย่างนั้นนะคนไทยเรา เป็นเมืองมีอรรถมีธรรม ควรจะเอาธรรมเข้ามาพิจารณา

ท่านก็บอกไว้แล้วในธรรมะ แต่เราลืมภาษาบาลีเสีย อะไร อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก การติดหนี้ติดสินนี้เป็นทุกข์มากที่สุดในโลก นั่นท่านว่า การไม่ติดหนี้ติดสินเป็นความสุขในโลกในการครองชีพของฆราวาส นั่นฟังซิ นี่ธรรมพระพุทธเจ้าสอน แม้แต่เวลาที่จะบวชก็มีเหมือนกัน เวลาจะมาบวชท่านไม่ให้มีหนี้มีสิน ติดหนี้ติดสินพะรุงพะรังแล้วมาบวช ถาม อนโณสิ๊ ท่านไม่มีหนี้มีสินเหรอ บอก ไม่มี ไม่ติดหนี้ ถ้าติดหนี้บวชไม่ได้ เป็นอย่างนั้นนะ

พระพุทธเจ้าถือเป็นสำคัญมากการติดหนี้ติดสิน พี่น้องชาวไทยเราไม่จำเป็นไม่ควรที่จะไปติดอย่าไปติดสุ่มสี่สุ่มห้ามันเป็นนิสัยสันดาน การหาอยู่หากินไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ หยิบได้ฉวยไป สุกเอาเผากินใช้ไม่ได้นะ ต้องมีหลักมีเกณฑ์ มันจำเป็นจริงๆ ที่ควรจะกู้ยืมเขา เอ้า กู้ยืม เจ้าของก็แน่ใจในเจ้าของว่าจำเป็นแล้วเวลานี้ เอ้า หาคนอื่นมาช่วยเสียก่อนแล้วค่อยพยายามหามาให้เขา ทุกข์อันนี้ เอ้า ยอมรับ แต่จะพยายามไม่ให้เป็นหนี้เขาอย่างนี้อีก นั่น ต้องใช้ความพยายามพินิจพิจารณา เข็ดหลาบอยู่ตลอด นี่จนเป็นนิสัยสันดานไม่ดี นี่ละธรรมะพระพุทธเจ้าท่านสอน เพื่อจะให้เป็นอิสระของตนเอง คนมีคนจนให้ต่างคนต่างเป็นอิสระ อย่าติดหนี้ติดสินพะรุงพะรัง ชีวิตจิตใจเกาะอยู่กับหนี้กับสิน ไม่เป็นตัวของตัวไม่เป็นเนื้อเป็นหนัง ทุกข์จนกระทั่งวันตายคนเช่นนั้น หาความสุขไม่ได้นะ

ต้องให้มีเนื้อมีหนังติดตัวมีหลักมีเกณฑ์ เราเป็นลูกชาวพุทธ ยิ่งเข้ามาในวัดป่าบ้านตาดนี้แล้วเราสอนจริงจังมาก ไม่ให้คลาดเคลื่อนจากหลักธรรมหลักวินัยเลย การประพฤติของพระของเณรเหมือนกัน เคลื่อนคลาดอย่างน้อยเตือน ถ้ายังพอเตือน เตือนเสียก่อน ถ้าผิดพลาดด้วยความไม่มีหิริโอตตัปปะเป็นความดื้อด้านไล่ออกทันที นี่มันจะสร้างกรรมใหญ่ทำลายทั้งวัดเลย เป็นเนื้อร้ายในวัดนั้นเอาออกไม่ให้อยู่ นั่น ควรแนะนำตักเตือนสั่งสอนกันได้ก็สอนกันไป ด้วยผู้ผิดนั้นไม่มีเจตนา ก็สอนกันไป ถ้าลงว่าไม่มีหิริโอตตัปปะแล้วทำได้ทุกอย่าง เป็น อลัชชิตา หาความละอายบาปไม่ได้ เอาละวันนี้เพียงเท่านั้นละ ก็เทศน์พอสมควรแล้ว นี่ก็ออกทางวิทยุเหมือนกัน เพื่อให้พี่น้องชาวไทยเรามีหลักมีเกณฑ์ในความเป็นอยู่ปูวาย อย่าให้เป็นชีวิตเลื่อนลอย ไม่ดี มีเท่าไรใช้มันอย่างนั้น

(หลวงตาเมตตาให้เครื่องมือตาและอื่นๆ แก่โรงพยาบาลจังหวัดเลยรวม ๙ รายการเป็นเงิน ๑๒,๗๐๐,๐๐๐ บาทค่ะ) ฟังซิ ๑๒ ล้าน ๗ แสน อย่างนี้ละหว่านทั่วประเทศ เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาไม่ได้เข้านี่นะ ไม่เข้าเลย บอกว่าไม่เข้าเลย ที่เราจะเอาไปซื้อนั้นซื้อนี้ไม่เห็นมี มีแต่ออกตลอดเวลาอย่างนี้ สมชื่อว่าเงินวัดนี้เป็นเงินเพื่อโลกอย่างที่เขาเขียน ก็เป็นอย่างนั้นตลอดมานี่ เราไม่เคยเก็บ ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดทีแรกก็ช่วยอย่างนั้นมาตลอดไม่เคยเก็บนะเงินวัดนี้ คนทุกข์คนจน โรงร่ำโรงเรียน ก้าวเข้าสู่โรงพยาบาลเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ตั้งแต่สร้างวัดมาทีแรกช่วยมาอย่างนั้นละ เอาละพอใจ

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #50 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2013, 10:38:34 PM »




26 พุทธศตวรรษ
“ธรรมะกับหลวงตา”

เช้าวันนี้ก่อนที่หลวงตาจะออกไปบิณฑบาตพอดีเห็นใบไม้ร่วงอยู่เต็มลานวัด

ท่านจึงบอกเจ้าเด็กวัดให้ไปกวาดลานวัด เพื่อญาติโยมเวลามาทำบุญเห็นลานวัดสะอาดสะอ้านจะได้สบายอก สบายใจ

พอหลวงตาบิณฑบาตกลับมาก็พบว่าที่ลานวัดยังไม่ได้กวาด หลวงตาจึงเรียกเจ้าเด็กวัดมาถามว่า

หลวงตา : นี่..เจ้าเด็กวัด หลวงตาบอกให้เองช่วยกวาดใบไม้ที่ลานวัด ทำไมเองไม่ยอมกวาดล่ะ
เด็กวัด : จะกวาดไปทำไมล่ะขอรับหลวงตา กวาดแล้ว เดี๋ยวใบไม้มันก็ร่วงอีก
หลวงตาได้ฟังเจ้าเด็กวัดเถียงก็ไม่ว่าอะไร หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากที่พระทุกรูปฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก็ถึงเวลาของศิษย์วัดที่จะได้รับประทานอาหารกันบ้าง บรรดาศิษย์วัดทั้งหลายรวมทั้งเจ้าเด็กวัด

ต่างช่วยกันยกสำรับกับข้าว มาตั้งที่กลางโรงฉัน ในขณะที่ทุกคนกำลังจะลงมือรับประทานอาหารอยู่นั่นเอง

ก็ได้ยินเสียงหลวงตาพูดดัง ๆ ขึ้นมาว่า

หลวงตา : เฮ้ยๆ ทุกคนกินข้าวกันได้ ยกเว้นเจ้าเด็กวัดคนเดียวไม่ต้องกิน
เด็กวัด: อ้าว ! ..หลวงตา ถ้าไม่ให้ผมกิน ผมก็หิวแย่สิขอรับ
หลวงตา: เอ็งจะกินไปทำไมวะ กินแล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงเอ็งก็หิวอีก
เด็กวัด: ?!?!

^_______^
BY : เด็กวัด
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #51 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 09:08:11 AM »




"..เงินวัดนี้เพื่อโลก
ใครจะมาสร้างอะไร ..เราไม่เอา
สร้างไปหาประโยชน์อะไร
สร้างหัวใจสิ !
ที่ประเสริฐเลิศโลก อยู่ตรงนี้.."

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #52 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 09:20:51 AM »

ปั้นข้าวเหนียว

สิ่งที่ได้มาเปล่า
คือความเฒ่าชรา
สิ่งที่ต้องแสวงหา
คือคุณค่าของชีวิต



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #53 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 09:21:13 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #54 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 09:21:41 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #55 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 09:22:24 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #56 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2013, 08:00:42 AM »


หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives
ทบทวนการให้ทานของเรา การทำบุญของเราเป็นระยะ ๆ

โดยเอาความหลุดพ้นเป็นเครื่องวัด เครื่องตัดสินว่าเราทำบุญแล้ว

ความตระหนี่เราน้อยลงไหม ความยึดติดในวัตถุน้อยลงไหม



ถ้ารู้สึกว่าน้อยลง และความรู้สึกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเป็นห่วง ความหวังดีต่อคนรอบข้าง ต่อสังคมเพิ่มมากขึ้น

หลุดพ้นจากความหมกมุ่นแต่ในเรื่องของตน ผลประโยชน์ของตน แสดงว่าการให้ทานของเราได้หลักแล้ว ถูกต้องแล้ว

ชยสาโรภิกขุ




บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #57 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2013, 03:15:00 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #58 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2013, 01:43:58 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #59 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2013, 01:44:40 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 15   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: