เรียนถามคุณพอลค่ะ ติดอยู่ในใจสงสัยมานานเหมือนกันค่ะ
1 คนที่ตั้งใจทำบุญจริงๆ เป็นเงิน 100 บาท กับ 1 ล้าน บาท ใครจะได้บุญมากกว่ากันคะ
2 ตักบาตรพระ แล้ว อาหารเยอะมากๆ พระฉันท์ไม่หมด ทุกวันพระจึงแจก จ่าย ขาย บ้าง ที่อื่นมารับไปบ้าง ผู้ ตักบาตรได้บุญครบมั๊ยคะ แล้วพระนำของที่เค้ามาถวาย ไปขาย หรือไปแจกให้ ญาติโยมต่อ จะเป็นอย่างไรคะ
3 พระพุทธเจ้า เทศนาสั่งสอนธรรม ไม่เห็นต้องอยู่ในสิ่งปลูกสร้างสวยใหญ่โตเลย แล้ว วัดต่างๆตกแต่ง วิจิตรอลังการ ไปทำไมคะ ทำไมต้องรับบริจากเป็นเงินล่ะคะ ไม่ทำให้พระเกิดกิเลส เมื่อจับต้องเงินเหรอคะ
4 คำสั่งสอนบอกอย่ายึดติด แล้วอย่างวัด ... ที่ใหญ่โตมากให้สร้างพระประจำตัวจากวัสดุที่บอกว่าอยู่ได้ตราบนานเท่านาน(แพงมาก) แบบนี้เรียกยึดติดมั๊ยคะ (เราศรัทธาอยากได้บุญทั้งครอบครัว หลายคนเลยเป็นเงินเยอะมาก ตอนทำก็ศรัทธาจริงๆ ทำไปนานแล้วเกิดคิดไปคิดมาเกิดสงสัย แล้วเสียดาย แล้วบุญเราจะหายมั๊ยคะ)
5 ตักบาตรพระปลอม กับ พระจริง ผู้ตักบาตรได้บุญเท่ากันมั๊ยคะ
6 คนไทยยึดนรก สวรรค์ แล้วฝรั่ง มุสลิม ศาสนาอื่น หาก ตายไปแล้ว คนไทย และ มุสลิม และ ฝรั่ง ต่างศาสนากัน จะบรรจบกันอย่างไรล่ะคะ หากเป็นไปตามที่แต่ละศาสนายึดมั่น ก็ไปกันคนละที่สิคะ
คือคิดไร้สาระ แต่เกรงว่าความสงสัยเหล่านี้เกาะอยู่ในสมองเดี๋ยวกลัวบุญหายค่ะ (งกบุญค่ะ) ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ขออนุญาติแชร์ความคิดเห็นละกันนะครับ
1 คนที่ตั้งใจทำบุญไม่ว่าจะเป็นไม่ว่าจะเป็น1บาท หรือ1ล้านบาท ได้บุญเท่ากันครับ บุญจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ผู้ให้มีศีลบริสุทธ์หรือเปล่า ตั้งใจทำหรือเปล่า ถ้าทั้ง2อย่างนี้มากก็จะได้บุญเยอะครับ อันที่2คือเงินหรือวัตถุที่มาทำบุญ ถ้าเงินอันนั้นเป็นเงินที่ได้มาจาการค้าขายปกติหรือได้มาโดยชอบ ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครมา อันนี้ก็จะได้บุญมากครับ ส่วนข้อที่3คือผู้รับเป็นคนธรรมดาก็ได้บุญแล้วครับ ถ้าผู้รับเป็นพระสงฆ์แท้ย่อมได้บุญมากกว่า และถ้าพระสงฆ์ผู้นั้นผู้นั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็จะได้บุญมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าถ้าได้ทำบุญกับพระอรหันตื จะได้บุญเยอะกว่าแน่นอนครับ แต่ถามว่าเราจะรู้ได้ไงว่าพระองค์ไหนเป็นพระอรหันต์เพื่อไปทำบุญ คำตอบก็คือไม่รู้ครับ แต่ถ้าอยากได้บุญมากแต่ง่ายๆวิธีการก็คือทำกับหมู่สงฆ์ หรือการทำสังฆทานนั่นเอง พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ครับว่าการทำสังฆทาน ได้บุญเยอะกว่าการทำบุญกับพระองค์เองโดยตรงเสียอีก เพราะถือว่าเป็นการทำบุญให้กับศาสนาพุทธโดยตรงเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาครับ เพราะว่าเมื่อตอนสมัยนั้นมีแต่คนที่อยากทำบุญกับพระองค์โดยตรงเพราะเชื่อว่าทำบุญกับพระองค์ได้บุญมากกว่า
2 ญาิติโยมก็จะได้บุญหลายต่อครับเราทำบุญไปท่านก็ไปทำทานต่อ อย่าคิดว่าเป็นของๆเราเอาไปให้คนอื่นได้ไง คิดอย่างงี้ไม่ถูกครับ เพราะการทำบุญทำทานคือการเสียสละ สละออกไปตัวจะได้เบาไม่ยึดติด นี่คือแก่นของการทำบุญทำทานครับ
3 บริจาค เป็นเงินก็เพื่อสะดวกในการใช้จ่ายครับ เพราะถ้าเป็นสิ่งของถ้าเจาะจงวัตถุประสงค์มากเกินไป เช่นถ้าเป็นอาหารมากไปไม่ให้ก็ เหลือทิ้งครับ หรือถ้าทำบุญเป็นปูนเพื่อสร้างวัดเกิดมีแต่ทำเป็นปูนไม่มีใครทำทรายวัดก็สร้างไม่ได้เงินสะดวกสุดครับ
4 เรีัยกว่ายึดติดครับแต่เป็นเราที่ยึดติด ทำบุญไปแล้วอย่าคิดมากอย่าสงสัย ถ้าเสียดายก็น่าจะได้บุญน้อยลงมั้งครับ อย่ายึดติดกับคำว่าบุญมากบุญน้อยครับ การสร้างสิ่งดีๆ สวยๆทนๆก็น่าจะดีครับ คือใครตั้งใจทำเหล่านี้ก็ครับพุทธศาสนาจะได้อยู่คู่กับประเทศไทยกับโลกไปนานๆ
6 ต้องถามว่าเชื่อโลกหน้าไม๊ ตายแล้วเกิดใหม่เชื่อไม๊ แต่ละศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นดีครับ ตายแล้วขึ้นสวรรค์ ตายแล้วทำบุญเยอะๆได้ไปอยู่กับพระอัลเลาะห์ ตายแล้วได้ไปอยู่กับพระเจ้า ผมว่ามันคือความเชื่อแต่ละศาสนาครับ แต่ละบุคคลครับ จริงๆแล้วตายแล้วไปไหนไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ต้องลองตายดูครับ(ล้อเล่นครับ) ความสงสัยเป็น1ในนิวร5ครับ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เราหลุดพ้นได้ช้า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือความหลุดพ้นครับไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก อย่าไปยึดติดกับกับคำว่าบุญมากๆครับ ควรหมั่นให้ทาน รักษาศีลและภาวนามากๆกว่าครับ จะได้มีความสุขสุขกายสบายใจ
ทั้งหมดถือว่าแชร์ความรู้กันนะครับถูกบ้างไม่ถูกบ้างตรงบ้างไม่ตรงบ้าง สุดท้ายแล้วคุณพอลช่วยมาตอบไขข้อข้องใจอีกทีนะครับ