พอดีสะดุดใจข่าวนิดหน่อยครับ
เห็นมีข่าวคล้ายกันในรอบ 3 เดือน (ชื่อเดียวกัน แต่คราวหลังจำเงินมากกว่าเดิม)
สาวประเภทสองแสบหลอกลงทุนทองคำสูญกว่า5แสน 18 สค. 2552 22:12 น.
พ.ต.อ.ณฐพล แสวงกิจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ รับร้องเรียนจาก นายจตุพงศ์ จำปางาม อายุ 29 ปี เจ้าของอู่ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ย่านแยกการไฟฟ้า ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางเมืองใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ว่าถูกหญิงสาวอ้างตัวเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท จีแอลจี ( ประเทศไทย ) ทราบชื่อภายหลังชื่อ น.ส.ศรัณย์พร อุมาพร โทรศัพท์มาชักชวนให้ตนร่วมทำธุรกิจซื้อขายทองคำ อ้างว่าสามารถทำกำไรได้เดือนละหลายแสนบาท ตนหลงเชื่อตั้งแต่29 กรกฎาคม 52 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น น.ส.ศรัณย์พร หรือ จิ๊บ เดินทางมาหาตนที่ร้านติดตั้งแก๊สรถยนต์ ก่อนที่จะออกไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟโดย น.ส.จิ๊บ บอกกับตนว่าเป็นการลงทุนซื้อทองคำล่วงหน้า และมีผลกำไรที่แน่นอน โดยจะต้องใช้เงินเปิดบัญชีล่วงหน้า 350,000 บาท ตนจึงขอเวลาตัดสินใจจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ตนโอนเงินสด 350,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ซึ่ง น.ส.จิ๊บ อ้างว่า เป็นค่าเปิดบัญชีงวดแรกของลูกค้า
ต่อมาน.ส.จิ๊บ ได้โทรศัพท์กลับมาหาตนว่า ตนสามารถทำกำไรจากการซื้อขายทองคำได้แล้วมีผลกำไรเป็นเงิน110,000 บาท โดยทางบริษัทจะโอนเงินปันผลกำไร พร้อมเงินลงทุนให้แก่ตนจำนวนเงิน 460,000 บาท ให้แก่ตน แต่มีข้อแม้ว่า ตนจะต้องโอนเงินจำนวน 210,000 บาท ให้แก่ทางบริษัทก่อน เพื่อเป็นการรักษาบัญชี
หลังจากที่ตนกลับมานั่งไตร่ตรองแล้วในวันที่ 4 สิงหาคม 52 ตนได้โอนเงินสด 210,000 บาท ตามหมายเลขบัญชีเดิมที่ น.ส.จิ๊บ ให้เอาไว้ หลังจากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์กลับไปถาม น.ส.จิ๊บ ว่า เมื่อไหร่ทางบริษัทจะโอนเงินกลับมาให้ แต่ น.ส.จิ๊บ กลับบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่า ตลาดทองคำยังไม่นิ่งบ้าง ระบบขัดข้องไม่สามารถโอนเงินให้ได้บ้าง หลังจากนั้น น.ส.จิ๊บ บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ตนจึงมั่นใจว่า ตนเองถูกแก๊ง 18 มงกุฎหลอกอย่างแน่นอน จึงได้นำเรื่องเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อจับกุม
กระทั่งเมื่อวานนี้ น.ส.จิ๊บ ได้โทรศัพท์มาหาตนโดยอ้างว่า หากตนต้องการให้บริษัทโอนเงินให้ทั้งหมดพร้อมผลกำไร ตนจะต้องโอนเงินให้บริษัทอีกจำนวน 210,000 บาท ตนทำทีคล้อยตาม แต่ขอนัดหมายพูดคุยกันในวันนี้ที่ร้าน เคเอฟซี ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สมุทรปราการ ก่อนที่ พ.ต.ต.ศุภกร ธัญญกรรม สว.สส. ร.ต.อ.สัญญา อุทุมพร พงส.( สบ.1 ) จะทำการซ้อนแผนให้ผู้เสียหายติดตั้งกล้องกระดุม เข้าไปเจรจากับ น.ส.จิ๊บ ที่เดินทางมาพร้อมกับหญิงสาวอีก 1 คน เพื่อมาขอรับเงิน
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทั้งสองเอาไว้ได้ ทราบชื่อ นายชูเกียรติ หรือจิ๊บ ปันนิตามัย อายุ 28 ปี สาวประเภทสอง และ น.ส.ทัศนีย์ หรือ กี้ สมทอง อายุ 26 ปี ทั้งสองอ้างว่า เป็นพนักงานฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท จีแอลจี ( ประเทศไทย )
สอบสวน นายชูเกียรติ ให้การปฎิเสธ แต่ยอมรับว่า เป็นคนโทรศัพท์ติดต่อไปหา นายจตุพงศ์ โดยใช้ชื่อ ศรัณย์พร จริงแต่ไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงต้มตุ๋น เงินที่ได้มานำเข้าบริษัทเพื่อร่วมลงทุนจริง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงเอาทรัพย์สินผู้อื่น ก่อนควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
ที่มา
http://namchiang.com/smf/index.php?topic=6883.0และ
จับสองพี่น้องกะเทยแสบตุ๋นซื้อทองคำสูญ 8.3 ล้านกอง ปราบรวบสองกะเทยพี่น้อง ลวงเหยื่อร่วมลงทุนเก็งกำไรซื้อขายในตลาดทองคำล่วงหน้า เหยื่อหลงเชื่อนำเงินเข้าลงทุน แต่ไม่ได้ผลตอบแทนตามกล่าวอ้าง นำความเข้าแจ้ง ก่อนตามรวบตัวได้ทั้งสองพี่น้อง พบมีผู้เสียหายถูกหลอกหลายรายรวมมูลค่า 8.3 ล้านบาท แต่ยังให้การภาคเสธ สอบประวัติผู้ต้องหาเคยถูกจับในคดีลักษณะนี้มาแล้ว
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ต.พุทธพงศ์ เมฆเอี่ยมนภา สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายศักดา ปันนิตามัย อายุ 31 ปี และ นายชูเกียรติ ปันนิตามัย อายุ 28 ปี สองพี่น้องสาวประเภทสอง อยู่บ้านเลขที่ 130 ถนนสุมนเทวราช ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3188 และ 3189/2552 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่บริเวณชั้น 1 ตึกไทยซีซี ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.
ทั้งนี้ นายกิตติพงษ์ รักจรรยา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง หลังจากเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนกับบริษัท โกลด์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด เพื่อเก็งกำไรในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า โดยผู้ต้องหาอ้างว่า การลงทุนดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนดี ต่อมา นายกิตติพงษ์ หลงเชื่อยอมโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก ให้กับผู้ต้องหาหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 8,300,000 บาท แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามและสามารถจับกุมดังกล่าว
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีเสียงผู้ชายโทรศัพท์มาหาอ้างว่าเป็นผู้แทนบริษัท โกลด์ เอ็นเตอร์ไพร์ส ทำธุรกิจซื้อขายทองคำชักชวนให้ซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไร ตนสนใจจึงนัดเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่กลับพบกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นสาวประเภทสอง อ้างตัวว่าเป็นเซลส์ของบริษัทดังกล่าว ก่อนจะนำแฟ้มเอกสารรายละเอียดการซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่กำหนดไว้ให้ลงทุน เป็นยูนิตๆ ละ 40,000 บาท โดยผลกำไรจะขึ้นอยู่กับราคาทองคำในปัจจุบัน จึงร่วมลงทุนไปเป็นเงิน 400,000 บาท ได้รับรหัสผ่านของเว็บไซด์บริษัทฯ เพื่อตรวจสอบผลกำไรในการลงทุนโดยช่วง 1 เดือนแรกมีผลกำไรตอบแทนจำนวน 100,000 บาท จึงรีบเบิกเงินออกมา
นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น อีกประมาณ 1 เดือน ทางบริษัทกลับแจ้งกับตนว่าผลกำไรเริ่มลดลงขอให้นำเงินมาลงทุนเพิ่มเติมไม่ เช่นนั้นเงินที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้จะสูญหายไป ตนจึงยอมโอนเงินให้ครั้งละ 1-2 แสนบาท เพราะเสียดายหากไม่เพิ่มเงินการลงทุนทั้งหมดอาจสูญเปล่า
?ผมต้องนำเงินมรดกรวมทั้งไปหยิบยืมจากญาติมาลงทุน แต่ในระยะหลังกลับไม่ได้กำไรอีกเลย เมื่อต้องนำเงินมาลงทุนไปเรื่อยๆ ทำให้มีหนี้สินมากขึ้น ก่อนจะมาเอะใจว่าการลงทุนที่ไม่มีหลักฐานยืนยันได้เช่นนี้ทำให้ถูกหลอกลวง ได้ จึงปรึกษากับญาติก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง? นายกิตติพงษ์ กล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นเพียงพนักงานของบริษัทฯ เท่านั้น อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติของนายชูเกียรติ พบว่า เคยถูกตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ จับกุมในคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ได้ตกลงยอมความกับผู้เสีย หาย ก่อนจะมาก่อคดีอีกครั้ง โดยชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
ที่มา
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000145571ข่าวนี้แสดงว่าตกลงกับเจ้าทุกข์ในข่าวแรกได้ปล่อยตัวออกมา ตอนหลังยิ่งหนักกว่าเดิมอีกนะครับ (5แสน -> 8.3ล้าน)
และยิ่งตอนนี้ราคาแพงมากอย่างนี้ แนวทางหากินจะยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม(กระแสลงทุนทอง)
ปล.
1.เนื้อข่าวไม่ได้พาดพิงท่านใดในที่นี้นะครับ นำเสนอข่าวเท่านั้น มีข้อมูลและที่มาแน่นอน.
2.อ่านข้อความด้านบนของคุณพอล "[ ตอนนี้ผมสมมุติว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วกัน]" แอบอมยิ้มมากมาย (แสดงว่าอารมณ์สบายๆ ไม่ขุ่นมัว^ ^)