Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 393 394 [395] 396 397 ... 402   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เก็บข่าวมาฝากนะคะ  (อ่าน 256323 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5910 เมื่อ: มีนาคม 16, 2017, 09:13:46 PM »

'มาช่า'สวยใจบุญ! บริจาคเงินต่อลมหายใจ'มูลนิธิเพื่อนช้าง'
16 มี.ค. 60 ถ้าพูดถึงสาวสวย มีความสามารถรอบด้าน ตัวแม่แห่งวงการบันเทิงไทย หลายคนคงจะรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ 'พี่ช่า' มาช่า วัฒนพานิช นอกจากจะสวยแล้ว คุณแม่ก็ยังมีน้ำจิตน้ำใจงามบริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิเพื่อนช้าง


NAEWNA.COM



http://www.naewna.com/entertain/260648
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5911 เมื่อ: มีนาคม 16, 2017, 09:20:01 PM »

เกิดเหตุระเบิดที่สำนักงาน IMF กลางกรุงปารีส หลังมีผู้เปิดพัสดุไปรษณีย์ ส่งผลบาดเจ็บ 1 ราย

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2618566


http://www.ryt9.com/s/iq38/2618566
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5912 เมื่อ: มีนาคม 17, 2017, 08:13:28 AM »

คนไทย หัวใจ เท่าช้าง

เพื่อช้างไทยของเรา ช่วยกันนะคะ มากกว่าคนละบาทก็ได้ ช่วยกันแชร์นะคะ




จะอยู่หรือจะไป! ขึ้นกับคนไทยทั้งชาติ แค่คนละ 1 บาท 70 ล้านคน 70 ล้านบาท
แล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณา ขอบคุณครับ # ไม่บริจาคก็ช่วยแชร์ได้ครับ

"ดิฉันได้ตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงดำริว่า เมื่อไม่สามารถที่จะจัดหาบุคลากรที่จะทำงานต่อ และทุนทรัพย์ในการบริจาคไม่เพียงพอที่จะก้าวต่อไปในปีที่ 26 ในปี 2561 ของการก่อตั้งแล้ว ดิฉันจึงเห็นควรให้ยุติ มูลนิธิเพื่อนช้าง"

มูลนิธิเพื่อนช้าง สามารถบริจาคเงินผ่านทางบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขารามอินทรา ชื่อบัญชี มูลนิธิเพื่อนช้าง เลขที่บัญชี 088-2-20983-0 หรือธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี กองทุนชื่อ และสกุลช้างมูลนิธิเพื่อนช้างมูลนิธิเพื่อช้าง เลขที่บัญชี 111-227207-8 ตลอดจนทางธนาณัติ หรือตั๋วแลกเงินสั่งจ่าย มูลนิธิเพื่อนช้าง (ปณ.ห้างฉัตร) ติดต่อสอบถามได้ที่มูลนิธิเพื่อนช้าง 054 829308"#ช่วยช้าง #มูลนิธิเพื่อนช้า

จะอยู่หรือจะไป! ขึ้นกับคนไทยทั้งชาติ แค่คนละ 1 บาท 70 ล้านคน 70 ล้านบาท
แล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณา ขอบคุณครับ # ไม่บริจาคก็ช่วยแชร์ได้ครับ

"ดิฉันได้ตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงดำริว่า เมื่อไม่สามารถที่จะจัดหาบุคลากรที่จะทำงานต่อ และทุนทรัพย์ในการบริจาคไม่เพียงพอที่จะก้าวต่อไปในปีที่ 26 ในปี 2561 ของการก่อตั้งแล้ว ดิฉันจึงเห็นควรให้ยุติ มูลนิธิเพื่อนช้าง"

มูลนิธิเพื่อนช้าง สามารถบริจาคเงินผ่านทางบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขารามอินทรา ชื่อบัญชี มูลนิธิเพื่อนช้าง เลขที่บัญชี 088-2-20983-0 หรือธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี กองทุนชื่อ และสกุลช้างมูลนิธิเพื่อนช้างมูลนิธิเพื่อช้าง เลขที่บัญชี 111-227207-8 ตลอดจนทางธนาณัติ หรือตั๋วแลกเงินสั่งจ่าย มูลนิธิเพื่อนช้าง (ปณ.ห้างฉัตร) ติดต่อสอบถามได้ที่มูลนิธิเพื่อนช้าง 054 829308"#ช่วยช้าง #มูลนิธิเพื่อนช้า
จะอยู่หรือจะไป! ขึ้นกับคนไทยทั้งชาติ แค่คนละ 1 บาท 70 ล้านคน 70 ล้านบาท
แล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณา ขอบคุณครับ # ไม่บริจาคก็ช่วยแชร์ได้ครับ

"ดิฉันได้ตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงดำริว่า เมื่อไม่สามารถที่จะจัดหาบุคลากรที่จะทำงานต่อ และทุนทรัพย์ในการบริจาคไม่เพียงพอที่จะก้าวต่อไปในปีที่ 26 ในปี 2561 ของการก่อตั้งแล้ว ดิฉันจึงเห็นควรให้ยุติ มูลนิธิเพื่อนช้าง"

มูลนิธิเพื่อนช้าง สามารถบริจาคเงินผ่านทางบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขารามอินทรา ชื่อบัญชี มูลนิธิเพื่อนช้าง เลขที่บัญชี 088-2-20983-0 หรือธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี กองทุนชื่อ และสกุลช้างมูลนิธิเพื่อนช้างมูลนิธิเพื่อช้าง เลขที่บัญชี 111-227207-8 ตลอดจนทางธนาณัติ หรือตั๋วแลกเงินสั่งจ่าย มูลนิธิเพื่อนช้าง (ปณ.ห้างฉัตร) ติดต่อสอบถามได้ที่มูลนิธิเพื่อนช้าง 054 829308"#ช่วยช้าง #มูลนิธิเพื่อนช้า
------
เงินไม่เหลือแล้วลูก!!!...รันทด"มูลนิธิเพื่อนช้าง"จ่อปิดตัว ไร้คนเหลียวแล "ซูโม่กิ๊ก"ขอเถอะ ใ

เงินไม่เหลือแล้วลูก!!!...รันทด"มูลนิธิเพื่อนช้าง"จ่อปิดตัว ไร้คนเหลียวแล "ซูโม่กิ๊ก"ขอเถอะ ให้"ช้างช่วยช้าง" ช่วยหน่อยนะ (รายละเอียด) อย่างที่เรารู้จักกันว่า "ช้าง"…


ZOCIALX.COM
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5913 เมื่อ: มีนาคม 27, 2017, 02:31:21 PM »





cr Siriwanna Jill nwes
https://www.facebook...?type=3
ขนลุก "พญาราชสีห์ลิ้นดำ’ ประติมากรรมตกแต่งพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ สมบูรณ์ ๑๐๐% ประดับราวบันไดพระเมรุมาศ ความสูง ๑๐๘ ซม. นายนพรัตน์ บุญมี ประติมากร สำนักช่างสิบหมู่ ผู้ปั้น เล่าว่า ต้องนำของมาเซ่นไหว้พญาราชสีห์ เพราะกลางคืนชอบมาเข้าฝัน ชวนไปเล่นด้วยทุกคืน ใช้ของเซ่นเป็นผลไม้ เพราะเป็นราชสีห์ที่อยู่ในป่าหิมพานต์ บำเพ็ญศีลไม่กินเนื้อ
รูปปั้นพญาราชสีห์ เป็นสัตว์คู่บารมีของพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า เป็นสิ่งที่แสดงถึงพระราชอำนาจ และเกียรติยศอันสูงส่งของพระมหากษัตริย์ เชื่อกันว่าเมื่อกษัตริย์ประทับอยู่ที่ใด ต้องมีสิงห์โตหมอบอยู่ข้างพระราชบัลลังก์เสมอ

แนวคิดที่ถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะ ได้แก่ ลายนพเก้า หมายถึงแก้ว ๙ ประการ ซึ่งเป็นอัญมณีที่มีคุณค่า หากผู้ใดมีไว้ในครอบครองครบทั้งหมด ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอย่างสูงสุด ลวดลายที่มีลักษณะเกี่ยวโยงสอดคล้องกันเพื่อบ่งบอก ถึงความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ จึงใช้ชื่อว่า "ลายรู้รักสามัคคี" และกำหนดให้เท้าของพญาราชสีห์ เหยียบอยู่บนเมฆ ทั้งสองอย่างสื่อถึงคนไทย ที่ต้องก้าวตามรอยพระองค์ท่าน แล้วย่างเดินไปอย่างมั่นใจ

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5914 เมื่อ: มีนาคม 27, 2017, 02:33:48 PM »

หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)

11 mins · รูปที่โพสต์

ขอนำเรื่องเก่ามาเล่ากันใหม่อีกซักที

๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐

เห็นความตั้งใจของรัฐบาล คสช. ดีเอสไอ และท่าน ผอ.สำนักพุทธ ที่พยายามนำตัวหัวหน้าอลัชชีกบฏผีบุญมาลงโทษตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมาย
แต่ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาณาจักรจะพยายามสักปานใด
พวกเจ้าคณะปกครองฝ่ายศาสนจักรก็หาได้รู้ร้อนรู้หนาวด้วยไม่
แม้กระทั่งการแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาส ซึ่งต่อไปจะต้องรับหน้าที่เป็นศาลชั้นต้น ในการพิจารณาคดีหรืออธิกรณ์ของเจ้าลัทธิอลัชชี ยังตั้งลูกน้องของเจ้าลัทธิเข้ามารักษาการเจ้าอาวาส

ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาถึงความชอบธรรมว่าเกิดขึ้นได้ไหม
อย่างนี้คงต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดนั่นแหละ ถึงจะได้สอบ
และถ้าหากสอบ ผลคงจะออกมาประมาณว่า คดีไม่มีมูล ยกฟ้อง
แต่กว่าจะสอบเสร็จ ก็คงใช้เวลาปาเข้าไปเป็นปี ๆ ตามวลีช้า ๆ เพื่อรักษาอลัชชีคนงาม
อีกทั้งผู้รักษาการเจ้าอาวาสที่เป็นลูกน้องของผู้ต้องหาคดีรับของโจรและฟอกเงิน คงจะต้องหาวิธีช่วยลูกพี่อย่างสุดฤทธิ์
ทีนี้แหละ อุปสรรคของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของลัทธินี้คงจะต้องเกิดขึ้นแน่
ทั้งที่ท่าน ผอ.สำนักพุทธฯ สามารถที่จะเลือกหยิบเอา พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๓๕ หมวด ๑ ว่าด้วยเรื่องสมเด็จพระสังฆราช

มาตรา ๘ สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปรินายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม

เมื่อพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชคือเป็นกฎหมายตามมาตรา ๘ ท่าน ผอ.สำนักพุทธฯ ก็ควรนำคดีพระลิชิต หรือคดีที่พุทธะอิสระไปยื่นเรื่องโจทก์เจ้าลัทธิธรรมกายว่าเป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิกในหลายกรณี นำเข้ากราบบังคมทูลให้ทรงมีพระบัญชาเรียกหาตัวเจ้าลัทธิธรรมกาย มาเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของศาลสงฆ์ เท่านี้ก็จบและถ้าหากเจ้าลัทธิไม่ยอมมาเข้าสู่กระบวนการสอบสวนก็ถือว่าเป็นผู้ขัดพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๘ ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เท่านี้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็สามารถจับเจ้าลัทธิอลัชชีถอดจีวรนอนคุกได้เลย
หรือไม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและ ดีเอสไอ ผู้ถืออาญาสิทธิ์มาตรา ๔๔ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฏฐาธิปัตย์สามารถสั่งการได้ทั้งอาณาจักรและศาสนจักร
ควรรวบรวมหลักฐานความผิดของนายไชยบูลย์ หรือ ธมฺมชโย ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐและความมั่งคงของศาสนจักร โดยเฉพาะพฤติกรรมไม่ยอมรับกฎหมาย ตามด้วยกรณีที่ถูกถอดยศ นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของมหาเถรสมาคม ดังปรากฏในมาตรา ๑๕ จัตวา ความว่า
เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและเพื่อความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์มหาเถรสมาคมจะตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดโทษหรือวิธีลงโทษทางการปกครองสำหรับพระภิกษุและสามาเณรที่ประพฤติให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาและการปกครองของคณะสงฆ์ก็ได้

พระภิกษุและสามเณรที่ได้รับโทษตามวรรคหนึ่ง ถึงขั้นให้สละสมณเพศต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันทราบคำสั่งลงโทษ
วิธีปฏิบัติเหล่านี้ ท่าน ผอ.สำนักพุทธฯ ในฐานะเลขามหาเถรสมาคมควรประสานข้อมูลกับดีเอสไอ และฝ่ายความมั่นคง เพื่อรวบรวมคดีความต่าง ๆ ทั้งฝ่ายศาสนจักรและอาณาจักรที่เกิดกับเจ้าลัทธิและพวก โดยเฉพาะคดีกรณีถูกถอดยศ นำเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถร เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณา กำหนดบทลงโทษอันสมควรแก่โทษานุโทษ โดยมิต้องเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมใด ๆ เลย
เพราะมหาเถรฯ ซึ่งมีองค์พระสังฆราชทรงเป็นประธานในที่ประชุม ล้วนต่างก็มีหน้าที่ระงับปัญหาหรืออธิกรณ์ตามราชโองการแต่งตั้งอยู่แล้ว เท่านี้ก็จบ
ไม่ต้องคิดมาก ไม่สลับซับซ้อน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา มองเห็นโทษเห็นภัยของลัทธิอลัชชีผีบุญนี้แค่ไหน
พุทธะอิสระ


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5915 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 02:55:32 PM »

[สำรวจโลก was live.

 รูปที่โพสต์คลิป บันเลงเพลง

Live จาก Munich มิวนิค เยอรมัน

====
คนปลายซอย
 ศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๐
ท่าทีสหรัฐฯต่อไทยในสงกรานต์
ในขณะที่"บ้านเรา"ฉ่ำด้วย"น้ำสงกรานต์"กลางร้อน
 แต่บ้านเขา คือชาวโลก.........
 ต่างแขม่วท้องลุ้น"สงคราม"เกิด-ไม่เกิด?
 ฟันธงได้เลย ไม่เกิด(ง่ายหรอก)!
 ยิ่งทรัมป์ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศ"เรกซ์ ทิลเลอร์สัน"ไปคุยกับปูตินถึงพระราชวังเคลมลิน เมื่อวันพุธ แบบนี้ แทบปิดประตูสงคราม
 ที่ประเมินเช่นนั้นเพราะ รัสเซียตอนนี้ ถือว่าอยู่ระดับประเทศ"ต้นทุนสูง"อนาคตสดใส มันเป็นธรรมชาติคนมีเงินมีทอง มีเกียรติมีฐานะ
 ย่อมไม่อยากเสี่ยง!
 ดังนั้น เมื่อสหรัฐฯเป็นฝ่ายไปหาถึงบ้าน พูดตามเชิงนักเลง สหรัฐฯงอนง้อ-อ่อนข้อให้"ระดับหนึ่ง
 ดังนั้น ปูตินซึ่งเก๋าเกมที่สุดในบรรดาผู้นำโลกวันนี้ ต้องฉวยเป็นบันไดลงแบบ"ไม่เสียรังวัด"แน่
 ถึงจะทำให้แฟนประเภทซาดิสม์แอบผิดหวังบ้าง แต่ยังไงก็ดีกว่ารบกับอเมริกา
 ซึ่งมีแต่"ฉิบหายด้วยกัน"สถานเดียว!
 เป็นธรรมชาติของมนุษย์น่ะ ตอนมีแค่"นั่น"กับชีวิต ไม่เคยกลัวตาย พร้อมลุย-พร้อมเสี่ยงในทุกสถานการณ์
 แต่พอมีครอบครัว มีเงิน-มีทองขึ้นหน่อย ความบ้าระห่ำจะหายไป ทำอะไรคิดหน้า-คิดหลัง ไม่อยากเสี่ยง
 ฉะนั้น อะไรตูมตามที่เรียก"สงครามเกิด"ตอนนี้ ขอย้ำ จะยังไม่เกิด
 แต่ลักษณะ"สงครามสั่งสอน"........
 อันนี้ ต้องเตรียมตัว!
 เพราะโอกาสที่สหรัฐฯจะเปรี้ยวตีน"คิมจองอึน"(ตามสำนวนท่านขุนน้อย)จนเหลืออด มีสูงมาก
 รอเพียงจังหวะกระทบสมเหตุ-สมผลอีกนิดเดียว
 "เบิ๊ดกระโหลก"สั่งสอนแน่!
 เกาหลีเหนือนั้น ก็เหมือนคน"ต้นทุนน้อย"พร้อมเสี่ยงได้ทุกสถานการณ์ คำว่า"กลัวตาย"ไม่มีอยู่ในพจนานุกรม
 บทบาทสหรัฐฯต่อเวทีโลกขณะนี้ ...........
 มองหน้าฉาก ก็จะสรุปกันว่า เพราะสหรัฐฯได้"ระห่ำลำหัก"อย่างทรัมป์ ขึ้่นมาเป็นผู้นำ
 ทุกคนเพ่งเล็งทรัมป์ ...........
 ที่สั่งถล่มซีเรียด้วยโทมาฮอว์ก ๕๙ ลูก นั้น เพราะความระห่ำของทรัมป์เอง!
 แต่ถ้าศึกษากันให้ดีจะเห็น ทรัมป์ก็เหมือนนายกฯหญิงคนหนึ่ง ไม่เคยประสีประสางานบริหารการบ้าน-การเมือง
 จู่ๆถูกดันตูดขึ้นเวที หาเสียง ๔๙ วัน ได้เป็นนายกฯ!
 ทรัมป์ก็แบบนั้น คนหาเสียง ๔๙ วัน ยังได้เป็นนายกฯ แล้วทำไมทรัมป์ที่คลุกคลีอยู่แต่เวทีประกวดจ้ำบ๊ะ หาเสียงปุ๊บจะชนะปั๊บบ้างไม่ได้
 ยิ่งลักษณ์เป็น"นายกฯนอมินี"ทักษิณ ฉันใด
 ทรัมป์ก็"ประธานาธิบดีนอมินี"CFR ฉันนั้น!
 ก็ดูซี ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งรีพับลิกและเดโมแครต ฝ่ายโอบามา-ฮิลลารี เล่นละครแหกตาชาวโลกเนียนสนิท
 แต่ตอนนี้ ทุกคนในรีพับลิกก็เงียบ เดโมแครตก็เงียบ โอบามา-ฮิล ลารี"หายเศียร"
 ไม่ออกมาพูดอะไรตามวิสัยการเมืองฝ่ายค้านในระบบรัฐสภาซักคำ!?
 เพราะอะไร?
 เพราะการเมืองสหรัฐฯ ทั้ง"รีพับลิก-เดโมแครต"อยู่ใต้การควบคุมกลไกของ CFR"องค์การในอาณัติ"ฟรีเมซัน"
 ซึ่งเป็น"กลุ่มทุน-กลุ่มอำนาจดั้งเดิม"ของยุโรป ที่คุมกลไกเศรษฐกิจ-การเงิน-การคลังสหรัฐฯ จนถึงปัจจุบันนี้
 เขามีเป้าหมาย ............
 รวมระบบบริหาร-ปกครอง-เศรษฐกิจ-การเงิน"ทุกประเทศในโลก"ขึ้น เป็น"รัฐบาลโลก"อยู่ภายใต้"อำนาจเดียวครองโลก"ในศตวรรษศที่ ๒๑!
 ฉะนั้น คนที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือคนที่"ฟรีเมซัน"วางตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว โดย CFR เป็นฝ่ายขับเคลื่อน-จัดฉาก
 การแข่งขัน ๒ พรรค เมื่อเดือนพฤศจิกา.ที่ผ่าน ก็แค่ละครโลกฉากหนึ่งเท่านั้น ทั้งโอบามา-ฮิลลารี ดาราสังกัด CFR ด้วยกัน แค่ร่วมแสดงให้เนียน!
 ทำไมผมจึงว่า ทรัมป์ก็คือ"ร่างทรง CFR"?
 ทรัมป์ สายเลือดพ่อค้า ไม่ใช่สายเลือดสงคราม แต่งานแรกก็แหกบุคลิกตัวเองด้วยการถล่มซีเรีย
 นั่นเพราะ ซีไอเอ หน่วยงานใต้ควบคุม CFR สั่งให้"เอางานเก่ามาก่อ แล้วทำต่อในงานเก่า"!
 เหตุผล ............
 -เพื่อครองแหล่งก๊าซ-แหล่งน้ำมันในตะวันออกกลางกันท่าจีน-รัสเซีย
 -เพื่อยึดซีเรียเป็นเส้นทางวางท่อส่งก๊าซจากตะวันออกกลางเข้ายุโรป
 -เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายใน ใช้สงครามเป็นกลยุทธขายอาวุธสงคราม
 ต้องเข้าใจว่า ยุโรปนั้น โดยชาติกำเนิด คือ"พ่อบังเกิดเกล้า"ของสหรัฐฯ ฉะนั้น ในเรื่องอำนาจและเศรษฐกิจในเวทีโลก
 สหรัฐ-ยุโรป คือ"เงาในเงา"รวมกันอยู่-แยกกันตาย!
 บทพิสูจน์อีกข้อ ว่าทรัมป์คือร่างทรง CFR คือการที่เอา"เรกซ์ ทิลเลอร์สัน"มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
 ทิลเลอร์สันก็เหมือนทรัมป์ เป็นพ่อค้า-นักธุรกิจมาตลอด จากพ่อค้าน้ำมัน จู่ๆมาเป็นรมต.ต่างประเทศ!?
 เป็นที่ทราบทั้งโลก รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บทบาทเท่ากับน้องๆประธานาธิบดี
 แล้วไฉน ทรัมป์ก็ดี พรรครีพับลิกก็ดี จึงเอาคนไม่เคยมีประสบการณ์การเมือง-การต่างประเทศมาเป็น?
 ดูประวัติทิลเลอร์สัน ทุกคนจะร้อง...อ้อ!
 "เรกซ์ ทิลเลอร์สัน"คือ CEO บริษัท เอ็กซอนโมบิล ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานน้ำมัน-ก๊าซของโลก
 เอ็กซอนโมบิล ชาติกำเนิดมาจาก"เอ็กซอน"ที่พัฒนาจาก"บริษัทสแตนดาร์ดออย"ผู้ค้าน้ำมันโมบิลออย
 และใครคือผู้ก่อตั้งรู้มั้ย?
 "รอคกี้ เฟลเลอร์"มหาเศรษฐีชื่อดังของโลก ผู้เป็นเจ้าของกิจการเกือบทั้งหมดในสหรัฐฯนั่นไง
 แล้วรอคกี้ เฟลเลอร์เป็นใคร?
 คือคนกลุ่มอำนาจโลกในขบวนการ CFR ที่โยงเครือข่ายกับกลุ่มทุนยุโรปดั้งเดิม ครอบคลุมและครอบครองกลไกเศรษฐกิจ-การเมือง-การเงิน-การคลังสหรัฐฯ
 และหัวขบวน CFR คนปัจจุบัน คือ"อดีตประธานาธิบดีจอร์จบุช"แห่งรีบพับลิก ผู้เป็นเจ้าพ่อธุรกิจน้ำมันเท็กซัส
 ก็หมายความว่า"เรกซ์ ทิลเลอรสัน"ซีอีโอ Exxon Mobil ก็คือ คนที่ CFR ส่งเข้าไปเป็น"รัฐมนตรีต่างประเทศ"โดยทรัมป์ไม่มีสิทธิปฏิเสธได้นั่นเอง!
 ก็ดูซีว่า รัฐสภาสหรัฐฯ"ยี่เก"แค่ไหน?
 Exxon Mobil ภายใต้บริหารนายทิลเลอร์สัน กำลังถูกอัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์กและแมสสาชูเสท ตรวจสอบว่าอาจทำผิดกฎหมายรัฐบาลกลางเรื่องข้อมูลอยู่
 รัฐสภาทำโวยวายพอเป็นพิธี แล้วก็เห็นชอบให้ซีอีโอเอ็กซอนโมบิลเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ!
 อีกเหตุผลที่ CFR ส่งนายทิลเลอร์สันไปเป็นรมต.ต่างประเทศ ด้วยแต้มต่อที่นายทิลเลอรสัน เป็นเพื่อนซี้กับปูติน
 คือมีสัมพันธ์ทางธุรกิจพลังงานกับบริษัท Rosneft ของรัสเซีย
 เคยร่วมสำรวจและผลิตน้ำมันแถบขั้วโลกด้วยกัน ถึงขั้นปูตินมอบรางวัลสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพให้ด้วยซ้ำ
 ดังนั้น ที่ทรัมป์ส่งนายทิลเลอร์สันไปพบประธานาธิบดีปูตินวานซืน เป็นการทูตโบราณ แต่ใหม่และใช้ได้เสมอ
 หมากตาเดินของทรัมป์ โดย CFR ได้ผลหรือไม่ได้ผล ก็ดูง่ายๆ
 ระดับรัฐมนตรีไป ปกติก็จะพบแค่ระดับรัฐมนตรีด้วยกัน คือ"นายเซอร์เก ลาฟรอฟ" รมต.ต่างประเทศรัสเซีย
 สุดท้าย ทิลเลอร์สัน ได้พบปูติน"เพื่อนซี้"จนได้!
 ถึงว่า....สงครามเกิดไม่ยากก็จริง แต่มันไม่เกิดหรอก
 ตราบที่ผลประโยชน์ระหว่าง"ชาติมหาอำนาจ"ยังพูดจาต่อรอง-ลงตัวกันได้!
 แล้วชาติ"ด้อยอำนาจ"อย่างไทยเรา"ทรัมป์-ทิลเลอร์สัน"ให้น้ำหนักแค่ไหน?
 ก็ไม่รู้ซี.........รู้แต่ว่าวานซืน(๑๒ เมย.๖๐)เว็บไซต์เป็นทางการของ"สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทย"เผยแพร่ ดังนี้
 สารจากรัฐมนตรีทิลเลอร์สัน
 เทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย
 ในนามของรัฐบาลอเมริกัน ผมขอส่งความปรารถนาดีมายังประชาชนไทยเนื่องในโอกาสฉลองเทศกาลสงกรานต์
 สหรัฐอเมริกายึดมั่นในมิตรภาพอันยืนยงกับไทยอันเป็นความร่วมมือที่ดำเนินมาเกือบ 200 ปี
 สำหรับปีนี้ ประเทศไทยจัดงานสงกรานต์ท่ามกลางความโศกเศร้าที่ยังไม่จางหายจากใจประชาชนอันเนื่องจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช
 พระองค์ทรงมีบทบาทในการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศตลอดช่วงรัชสมัย พระปรีชาญาณของพระองค์จะประทับอยู่ในใจปวงชนต่อไปอีกหลายชั่วคน
 สหรัฐอเมริกาขอสืบสานวิสัยทัศน์ของพระองค์ด้วยการยึดมั่นต่อพันธกรณีความร่วมมือกับไทยในหลายประเด็นสำคัญ ซึ่งจะเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศเราทั้งสองและของภูมิภาคนี้
 สหรัฐอเมริกามุ่งหวังสานต่อความร่วมมืออันทรงค่าของเราต่อไปในศักราชใหม่นี้
 ขออวยพรให้ชาวไทยทุกคนประสบความสุขความเจริญและมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ในปีใหม่นี้
 ครับ ผมขอแถมท้ายไว้นิด ..........
 แถวๆคลองตัน คลองเตย Exxon Mobil สำนักงานใหญ่ในไทย เห็นอยู่ตรงนั้น ความจริง ก็เข้ามาทำธุรกิจน้ำมันในไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ โน่นแล้ว
 โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ที่ศรีราชา เจ้าของก็คือ Exxon Mobil
 สัมปทานผลิตก๊าซธรรมชาติ ที่น้ำพอง ขอนแก่น-โคราช ตอนนี้
 เจ้าของก็คือ Exxon Mobil !
 ก็"รู้เขา-รู้เรา"ไว้บ้าง กันทางอับจน.
/b]
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5916 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 02:56:23 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5917 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:01:42 PM »

https://www.facebook.com/von.richthofen.7

วันนี้ผมอยากสนุกกับพวกบูชาคณะร่านฯ สักวัน
สิ่งอย่างหนึ่งที่ผมมีนอกเหนือจากคำบอกเล่าที่ไม่ได้บันทึกลงในประวัติศาสตร์จากบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์จริงแล้ว ท่านยังทิ้งห้องสมุดเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกหลานได้อ้างอิงอีกด้วย
หนังสือพิมพ์ในวันนั้น 24 มิย. 2475 และถอยหลังลงมาอีกจนในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ หรือจะเอาถอยหลังมาจนรัชกาลที่ 8 ทรง เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ผมมีเอกสารแท้ๆ อยู่เพียบเอาไว้อ้างอิงว่าสิ่งที่ท่านเล่าให้ลูกหลานฟังนั้นไม่ได้ยกเมฆแต่อย่างไร

สนุกกับคณะร่านฯ กันสักวันก็น่าจะดีนะครับ



ถึงวันนี้ยังมีคนแชรฺนะคะหลงเชื่อบูชาว่าพวกคณะราษฎรเป็นคนดีอีกหรือ
ตระกูลของผมรับราชการไม่เคยเว้นว่างมาห้าชั่วรุ่นคนแล้ว นับถอยหลังได้กว่า 150 ปี มีเรื่องเล่าให้ลูกหลานจดจำสืบต่อมาในครอบครัวมากมาย และสิ่งหนึ่งที่เล่าโดยคนที่เห็นกับตาประสพกับตัวเองให้ลูกหลานรับรู้คือความชั่วช้าต่างๆ ของคณะราษฎร
คนที่ไม่มีโคตรเหง้าบรรพบุรุษที่ได้รับผลกระทบในครั้งนั้นจะไม่มีทางเข้าใจหรอกว่า ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาถึงข้าราชการระดับเล็กล่างสุดนั้นเจ็บปวดเพียงใดในเหตุการณ์ครั้งนั้น




พวกที่หลงผิดคิดว่ารัฐบาลหรือ คสช ถอนหมุดคณะราษฎร์แล้วฮือเปิดหน้ากันออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องใหญ่โต จะหูตาสว่างเมืี่อได้เห็นโพสต์นี้
https://www.facebook...?type=3







บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5918 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:02:26 PM »

Somkiat Osotsapa

27 October 2016 ·
รูปที่โพสต์
@ ประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่มีคนเขียน ควรอ่านนะ
 ==========================================
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่งคั่งมาก
ในสมัยรัชกาลที่3 มีเงินตราต่างประเทศสะสมไว้มากมาย ทั้งเงินพระคลังมหาสมบัติ และเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่3 เรียกว่า เงินถุงแดง ที่ต้องใส่ไว้ในถุงแดงเพราะเป็นความเชื่อแบบจีนว่า ใส่ไว้ในถุงแดงจะไม่มีอันตรายและทำให้เกิดความมั่งคั่ง
มียอดเงินรวม 5 ล้านฟรังค์
เงินตราต่างประเทศของไทยได้มาจากการแต่งสำเภาไปทำการค้ากับจีน ในยุคนั้นทะเลจีนใต้ จีนคุม
เงินตราต่างประเทศที่ได้มาอยู่ในรูปเงินเหรียญทองเมกซิโก เงินเปรู ยุคนั้นโลกใช้เหรียญทองเป็นหลัก
เงินหนื่งบาทมีค่าเท่ากับสองฟรังค์ของฝรั่งเศส เป็นเงินสกุลแข็งทีเดียว อัตราแลกเปลี่ยนกับปอนด์อังกฤษ สมัย ร 4 อยู่ที่หนื่งบาทเท่ากับหนื่งปอนด์ ความมั่งคั่งของประเทศไทยเป็นที่รู้กันทั่วไป
กำไรจากการค้า นำมาใช้เป็นเงินบริหารประเทศ และสะสมไว้เช่นเดยวกับสำรองเงินตราประเทศในปัจจุบัน
เป็นหลักฐานยืนยันว่าประเทศไทยเป็นนักการค้ามาแต่โบราณ
แต่ความมั่งคั่งนี้เองที่นำภัยมาสู่ประเทศ เพราะประเทศอื่นต้องการเข้าปล้น
ด้วยเงินที่สะสมไว้ และค้าขายหามาได้เรื่อยๆ รัชกาลที่ห้า พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางรากฐานในการพัฒนาชาติ มีรถไฟ รถราง ไฟฟ้า โทรศัพท์ ขุดคูคลองเพื่อการสัญจรทางน้ำ สร้างถนน สร้างอาคารที่ทำด้วยซีเมนต์ สร้างโรงเรียน จัดการศืกษา จัดการปกครองในรูปมณทล ติดต่อต่างประเทศ จ้างผู้เชียวชาญ สร้างระบบไปรษณีย์ โทรเลข จ้างครูต่างประเทศมาสอนภาษา ทรงเลิกทาส บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
ญี่ปุ่นส่งคณะมาดูงานที่ประเทศไทย แล้วเอาไปทำ
 -----------------------------------------
@@@
 เหตุใดประเทศไทยที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจืงไม่สามารถเดินต่อไปได้
 --------------------------------------------
ในรัชสมัยรัชกาลที่3 ลัทธิล่าเมืองขื้น จักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาในเอเซีย อังกฤษยืดพม่า มลายู ฝรั่งเศสยืดเวียดนาม หลายๆประเทศบุกเข้ายืดดินแดนชายฝั่งของจีน ดัทช์เข้ายืดอินโดนิเซีย อังกฤษเข้ายืดออสเตรเลีย
สงครามเกิดขื้นในยุโรป เยอรมันบุกเข้ายืดดินแดนฝรั่งเศสบางส่วน บอกว่าจะคืนดินแดนให้ ฝรั่งเศสต้องจ่ายเงิน 4 ล้านฟรังค์ เรือรบฝรั่งเศสบุกไทยเลยครับ
เงินของประเทศไทยหมดคลังหลวง ขนเงินถุงแดงจ่ายไปด้วย เงินไม่พอพระ วงศานุวงศ์ต่างก็ขนทอง เพชร พลอยไปใส่เรือให้ฝรั่งเศสที่ท่าราชวรดิษฐทั้งวัน ทั้งคืน เข็นกันไปจนถนนสืกเป็นร่อง รวมน้ำหนักเงิน ทองที่ขนจากประเทศไทย 23 ตัน เอาลงเรือไปฝรั่งเศสไถ่ประเทศคืนจากเยอรมัน
ผมเดินย่านนั้น เจ็บปวดทุกครั้ง
เรือรบฝรั่งเศสมาจอดแถวท่าน้ำโอเรียนเต็ล ให้เวลา 48 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะยืดประเทศ และยิงวัดพระแก้ว พระราชวัง
 -------------------------------------------------
ผมมานั่งคำนวณดู พบว่า
ถ้าฝรั่งเศสไม่มาปล้นไทยไป ประเทศนี้มีสำรองเงินตราเพียงพอที่จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกสมัยรัชกาลที่ 7 อย่างสบาย ไม่ต้องเอาข้าราชการออกจากงาน
นักเรียนทุน 326 คน ก็จะได้มาทำงานวางหลักในด้านต่างๆให้ประเทศ ประเทศไทยมีเงินทุนที่จะลงทุน ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ตั้งธนาคาร ทำถนนหนทาง มีการศืกษาสองภาษา มีผังเมือง ผังประเทศ ประเทศไทยจะก้าวหน้าเหมือนกับญี่ปุ่น
มีเงินเหลือพัฒนาประเทศมากมาย ยุคนั้นเงินหนื่งสตางค์มีค่ามาก
 =================================
@@@ แล้วอังกฤษก็มา
 ==================
สมัยรัชกาลที่ 5 อังกฤษมาช้า ฝรั่งเศสปล้นไปก่อนแล้ว จืงเอาไปแค่ดินแดน แต่ดินแดนที่อังกฤษเอาไป เป็นท่าเรือทั้งนั้น กะไม่ให้ไทยไปค้าขายกันเลย เช่น มะริด ทะวาย ตะนาวศรี และเปอร์ กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ ไทยมีปัญหาทางออกทะเลจนปัจจุบัน
ยังให้ทำสัญญาว่า จะไม่ขุดคอคอดกระ
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษจัดหนัก บอกว่าไทยต้องบริจาคข้าวให้ฟรีจำนวน 3 ล้านตัน ทั้งๆที่ในสัญญาพูดแค่ 1.5 ล้านตัน
ที่จริงกะจะไม่ให้ประเทศไทยมีกองทัพด้วย
ช่วงนี้สมัย ร 7-8
ข้าวเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ เจอเงื่อนไขนี้เข้า ประเทศไทยไม่มีเงินพัฒนา ค่าเงินบาทลดเหลือหนื่งปอนด์ต่อหกสิบบาท จากสมัยก่อนหนื่งบาทต่อหนื่งปอนด์
รัฐบาลได้เงินมาก็เอาไปซื้อข้าวส่งไปให้ ไม่มีเงินพัฒนาประเทศ อังกฤษทำให้ชาวนาไทยจน เพราะต้องทำให้ราคาข้าวต่ำ ไม่ใช่กฏุมพีที่ไหนหรอก
ค่าเงินลดมาก พัฒนาลำบาก ต้องเริ่มสะสมสำรองกันใหม่ เทียบกับปอนด์ ค่าเงินลดหกสิบเท่า จนเฉียบพลัน ค้าขายขาดดุล ค่าเงินลดยิ่งกว่าวิกฤติปี 40 ตอนนั้นลดลงเท่าเดียว
นั่งคิดเลขดูเงินที่ฝรั่งปล้นไปตั้งแต่สมัย ร 5 จนสมัย ร 7 นี่ทำให้คนไทยจนยาว
 -------------------------------------
เมื่อเริ่มพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ปี 2503 ใช้เงินกู้ ก็มาเจอสงครามในภูมิภาค ร่วม25 ปี เอาตัวมาให้รอดได้ก็บุญโข ใช้เงินไปเยอะ
สงครามสงบปี 2530 ค้าขายได้เงินมาสิบปี พอปี 2540 ก็เจอฝรั่งหลอก เจ๊งไปอีกหลายปี เสียหายราวสามล้านกว่าล้านบาท โง่เองด้วย
พอเริ่มจะแข็งแรงคนไทยก็ตีกันตั้งแต่ปี 2547 จนถืงวันนี้
มีน้ำมาดับเย็นบ้างช่วงปี 2554 น้ำก็มามากจัง ธนาคารโลกบอกว่าพังไปหนื่งล้านสามแสนกว่าล้าน โรงงานอพยพ 7000 โรงงาน ธนาคารโลกคำนวณไว้
@@============================
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5919 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:03:42 PM »

Somkiat Osotsapa

27 October 2016 ·

@ ประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่มีคนเขียน ควรอ่านนะ
 ==========================================
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่งคั่งมาก

ในสมัยรัชกาลที่3 มีเงินตราต่างประเทศสะสมไว้มากมาย ทั้งเงินพระคลังมหาสมบัติ และเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่3 เรียกว่า เงินถุงแดง ที่ต้องใส่ไว้ในถุงแดงเพราะเป็นความเชื่อแบบจีนว่า ใส่ไว้ในถุงแดงจะไม่มีอันตรายและทำให้เกิดความมั่งคั่ง
มียอดเงินรวม 5 ล้านฟรังค์
เงินตราต่างประเทศของไทยได้มาจากการแต่งสำเภาไปทำการค้ากับจีน ในยุคนั้นทะเลจีนใต้ จีนคุม
เงินตราต่างประเทศที่ได้มาอยู่ในรูปเงินเหรียญทองเมกซิโก เงินเปรู ยุคนั้นโลกใช้เหรียญทองเป็นหลัก
เงินหนื่งบาทมีค่าเท่ากับสองฟรังค์ของฝรั่งเศส เป็นเงินสกุลแข็งทีเดียว อัตราแลกเปลี่ยนกับปอนด์อังกฤษ สมัย ร 4 อยู่ที่หนื่งบาทเท่ากับหนื่งปอนด์ ความมั่งคั่งของประเทศไทยเป็นที่รู้กันทั่วไป
กำไรจากการค้า นำมาใช้เป็นเงินบริหารประเทศ และสะสมไว้เช่นเดยวกับสำรองเงินตราประเทศในปัจจุบัน
เป็นหลักฐานยืนยันว่าประเทศไทยเป็นนักการค้ามาแต่โบราณ
แต่ความมั่งคั่งนี้เองที่นำภัยมาสู่ประเทศ เพราะประเทศอื่นต้องการเข้าปล้น
ด้วยเงินที่สะสมไว้ และค้าขายหามาได้เรื่อยๆ รัชกาลที่ห้า พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางรากฐานในการพัฒนาชาติ มีรถไฟ รถราง ไฟฟ้า โทรศัพท์ ขุดคูคลองเพื่อการสัญจรทางน้ำ สร้างถนน สร้างอาคารที่ทำด้วยซีเมนต์ สร้างโรงเรียน จัดการศืกษา จัดการปกครองในรูปมณทล ติดต่อต่างประเทศ จ้างผู้เชียวชาญ สร้างระบบไปรษณีย์ โทรเลข จ้างครูต่างประเทศมาสอนภาษา ทรงเลิกทาส บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
ญี่ปุ่นส่งคณะมาดูงานที่ประเทศไทย แล้วเอาไปทำ
 -----------------------------------------
@@@
 เหตุใดประเทศไทยที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจืงไม่สามารถเดินต่อไปได้
 --------------------------------------------
ในรัชสมัยรัชกาลที่3 ลัทธิล่าเมืองขื้น จักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาในเอเซีย อังกฤษยืดพม่า มลายู ฝรั่งเศสยืดเวียดนาม หลายๆประเทศบุกเข้ายืดดินแดนชายฝั่งของจีน ดัทช์เข้ายืดอินโดนิเซีย อังกฤษเข้ายืดออสเตรเลีย
สงครามเกิดขื้นในยุโรป เยอรมันบุกเข้ายืดดินแดนฝรั่งเศสบางส่วน บอกว่าจะคืนดินแดนให้ ฝรั่งเศสต้องจ่ายเงิน 4 ล้านฟรังค์ เรือรบฝรั่งเศสบุกไทยเลยครับ
เงินของประเทศไทยหมดคลังหลวง ขนเงินถุงแดงจ่ายไปด้วย เงินไม่พอพระ วงศานุวงศ์ต่างก็ขนทอง เพชร พลอยไปใส่เรือให้ฝรั่งเศสที่ท่าราชวรดิษฐทั้งวัน ทั้งคืน เข็นกันไปจนถนนสืกเป็นร่อง รวมน้ำหนักเงิน ทองที่ขนจากประเทศไทย 23 ตัน เอาลงเรือไปฝรั่งเศสไถ่ประเทศคืนจากเยอรมัน
ผมเดินย่านนั้น เจ็บปวดทุกครั้ง
เรือรบฝรั่งเศสมาจอดแถวท่าน้ำโอเรียนเต็ล ให้เวลา 48 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะยืดประเทศ และยิงวัดพระแก้ว พระราชวัง
 -------------------------------------------------
ผมมานั่งคำนวณดู พบว่า
ถ้าฝรั่งเศสไม่มาปล้นไทยไป ประเทศนี้มีสำรองเงินตราเพียงพอที่จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกสมัยรัชกาลที่ 7 อย่างสบาย ไม่ต้องเอาข้าราชการออกจากงาน
นักเรียนทุน 326 คน ก็จะได้มาทำงานวางหลักในด้านต่างๆให้ประเทศ ประเทศไทยมีเงินทุนที่จะลงทุน ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ตั้งธนาคาร ทำถนนหนทาง มีการศืกษาสองภาษา มีผังเมือง ผังประเทศ ประเทศไทยจะก้าวหน้าเหมือนกับญี่ปุ่น
มีเงินเหลือพัฒนาประเทศมากมาย ยุคนั้นเงินหนื่งสตางค์มีค่ามาก
 =================================
@@@ แล้วอังกฤษก็มา
 ==================
สมัยรัชกาลที่ 5 อังกฤษมาช้า ฝรั่งเศสปล้นไปก่อนแล้ว จืงเอาไปแค่ดินแดน แต่ดินแดนที่อังกฤษเอาไป เป็นท่าเรือทั้งนั้น กะไม่ให้ไทยไปค้าขายกันเลย เช่น มะริด ทะวาย ตะนาวศรี และเปอร์ กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ ไทยมีปัญหาทางออกทะเลจนปัจจุบัน
ยังให้ทำสัญญาว่า จะไม่ขุดคอคอดกระ
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษจัดหนัก บอกว่าไทยต้องบริจาคข้าวให้ฟรีจำนวน 3 ล้านตัน ทั้งๆที่ในสัญญาพูดแค่ 1.5 ล้านตัน
ที่จริงกะจะไม่ให้ประเทศไทยมีกองทัพด้วย
ช่วงนี้สมัย ร 7-8
ข้าวเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ เจอเงื่อนไขนี้เข้า ประเทศไทยไม่มีเงินพัฒนา ค่าเงินบาทลดเหลือหนื่งปอนด์ต่อหกสิบบาท จากสมัยก่อนหนื่งบาทต่อหนื่งปอนด์
รัฐบาลได้เงินมาก็เอาไปซื้อข้าวส่งไปให้ ไม่มีเงินพัฒนาประเทศ อังกฤษทำให้ชาวนาไทยจน เพราะต้องทำให้ราคาข้าวต่ำ ไม่ใช่กฏุมพีที่ไหนหรอก
ค่าเงินลดมาก พัฒนาลำบาก ต้องเริ่มสะสมสำรองกันใหม่ เทียบกับปอนด์ ค่าเงินลดหกสิบเท่า จนเฉียบพลัน ค้าขายขาดดุล ค่าเงินลดยิ่งกว่าวิกฤติปี 40 ตอนนั้นลดลงเท่าเดียว
นั่งคิดเลขดูเงินที่ฝรั่งปล้นไปตั้งแต่สมัย ร 5 จนสมัย ร 7 นี่ทำให้คนไทยจนยาว
 -------------------------------------
เมื่อเริ่มพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ปี 2503 ใช้เงินกู้ ก็มาเจอสงครามในภูมิภาค ร่วม25 ปี เอาตัวมาให้รอดได้ก็บุญโข ใช้เงินไปเยอะ
สงครามสงบปี 2530 ค้าขายได้เงินมาสิบปี พอปี 2540 ก็เจอฝรั่งหลอก เจ๊งไปอีกหลายปี เสียหายราวสามล้านกว่าล้านบาท โง่เองด้วย
พอเริ่มจะแข็งแรงคนไทยก็ตีกันตั้งแต่ปี 2547 จนถืงวันนี้
มีน้ำมาดับเย็นบ้างช่วงปี 2554 น้ำก็มามากจัง ธนาคารโลกบอกว่าพังไปหนื่งล้านสามแสนกว่าล้าน โรงงานอพยพ 7000 โรงงาน ธนาคารโลกคำนวณไว้
@@============================
เมื่อญี่ปุ่นยกทัพเข้าไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ใช้เงินของแบงค์ชาติจนหมด และพิมพ์เงินเองให้กองทัพญี่ปุ่นใช้ ทำให้เงินไทยตกมาก ไม่มีสำรอง
ไทยก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากญี่ปุ่น ญี่ปุ่นขนเงินมาลงทุนในไทย ก็มีความรู้สืกเรื่องประวัติศาสตร์กันอยู่
อเมริกาเข้ามาช่วยกันอังกฤษ แต่ก็ได้สัญญา most favoured nation ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด และยกเว้นภาษีปิโตรเลียมด้วย ให้ประเทศเดียว
วันนี้เขียนประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยให้อ่านครับ
@@--------------------------------------
ชีวิตประเทศมีขื้นมีลง คนก็เหมือนกัน
ได้แค่นี้ก็บุญโข
สำรองประเทศยังอยู่อันดับยี่สิบกว่าของโลกนะเนี่ย
ผมไปฝรั่งเศส ยังนืกว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ใช้เงินของไทยไถ่มา
ประเทศมืง เงินกู
เวลาฝรั่งมาบอกโน่นบอกนี่ ผมของขื้นทุกที
ใครทีซ่าๆอยู่ จะสร้างความวุ่นวายโน่นนี่ บอกว่าจะช่วยคนจน ระวังว่าจะเป็นตัวสร้างความจนให้ชาวบ้าน
นักประวัติศาสตร์ไทยก็ประหลาด เรื่องที่มาทำให้คนไทยจนไม่พูด ทะลื่งมาโจมตีสถาบันที่สร้าง กอบกู้ประเทศมาด้วยความยากลำบาก
รัชสมัย รัชกาลที่9 เราเริ่มการพัฒนาโดยไม่มีสตางค์นะครับ
เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง เพื่อจะได้ปรับใช้กับยุคปัจจุบันครับ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5920 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:04:59 PM »



Somkiat Osotsapa

15 April at 18:00 ·
รูปที่โพสต์

วันนี้วันรัฐธรรมนูญ บันทืกประวัติศาสตร์ที่ไม่มีคนเขียน
 ====================================
24 มิถุนายน 2475 รถถังสองคันวิ่งเข้ามาปิดประตูทางเข้า ออกสองประตูของโรงเรียนสวนกุหลาบ ปืนรถถังหันเข้าสู่โรงเรียน นักเรียนหนีไม่ได้ เพราะมีแค่สองประตู
ทหารเข้าไปกวาดต้อนนักเรียนเข้าหอประชุม ควบคุมตัวไว้ ในหมู่นักเรียนมีลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ข้าราชการ และลูกหลานสามัญชนโดยทั่วไป
การต่อสู้นองเลือดจืงไม่เกิดขื้น เพราะยุทธการจับเด็กเป็นตัวประกัน โคตรแมนเลย ต่อมากองโจรไนจีเรียเอาไปใช้
ประวัติศาสตร์ตอนนี้ คณะราษฏรไม่เคยบันทืกเป็นประวัติศาสตร์ชาติ แต่คือประวัติศาสตร์โรงเรียนที่บันทืก บอกเล่าสืบต่อกันมา
รัชกาลที่7 มิได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ แต่ทรงหนีภัยไปต่างประเทศ ที่ทรงลงนามก็เพื่อแลกกับความปลอดภัยของวงศานุวงศ์ นักเรียนวชิราวุธคือหน่วยเดียวที่ไปส่งเสด็จ
เมื่อคณะราษฎรขื้นมีอำนาจ เห็นว่าโรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชนทั้งหลายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์นั้นเป็นภัย จืงจัดการทำให้อ่อนแอเสีย โดยสั่งให้โรงเรียนทั้งปวงยุติการสอนชั้นมัธยมปลาย ตั้งแต่ปี พศ 2480 เป็นต้นมา ใช้วิธีเดียวกับในฝรั่งเศส
การศืกษาของชาติจืงพังทลายลง อาจารย์ชาวต่างประเทศถูกส่งกลับ ครูอาจารย์ดีๆถูกย้ายหรือปลดออกจากราชการ หากการเรียนแบบสองภาษาในยุคนั้นไม่ถูกระงับ ตอนนี้คนไทยจะพูดอังกฤษคล่องแบบนักเรียนมาเลเซีย และสิงคโปร์
รัฐบาลได้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยที่จุฬา ธรรมศาสตร์ ศิลปากร ขื้นมารองรับนักเรียนที่จะเรียนต่อชั้นมัธยมปลาย ก็โยกย้ายครู อาจารย์จากโรงเรียนที่เปิดสอนชั้นมัธยมปลายเดิมนั่นแหละไปสอน
ฉลาดจัง
โรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศถูกปิดการสอนชั้นมัธยมปลายไปถืงสิบปี เปิดสอนได้อีกครั้งในปี 2491
ที่ได้เปิดสอนอีกครั้ง เพราะศิษย์เก่าจากโรงเรียนต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักหนังสือพิมพ์ ต่างร่วมกันกดดันรัฐบาล ครูเก่าเดินไปด่าคณะราษฏรถืงที่
ศืกชิงโรงเรียนคืน ดำเนินไปอย่างดุเดือด เป็นที่มาของการแยกกลุ่ม เปลี่ยนฝ่ายในหมู่คณะราษฏร ตีกันเองเละ ทั้งในบ้าน นอกบ้าน ในหมู่เพื่อนฝูง
การปิดโรงเรียนสิบปี ทำให้นักเรียนที่จบชั้นมัธยมต้น ต่างหลั่งไหลไปเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าอย่างต่อเนื่อง การเดินทางไปเตรียมจุฬา ยุคนั้นไกลมาก เดินไปราชดำเนินนอกง่ายกว่า ค่ารถรางแพงมาก แต่ต้องไปเรียนที่เตรียมจุฬามากเหมือนกัน พวกมีตังค์
ไฟจากโรงเรียนชายต่างๆไปรวมกันที่โรงเรียนนายร้อย นายเรือ นายเรืออากาศ และโรงเรียนตำรวจ ในมหาวิทยาลัย
คนที่รู้สืกว่าตนเองถูกรังแก โรงเรียนถูกยืดเมื่อไปเรียนทหารต่อเนื่องกันทุกรุ่นได้ คุมกำลัง คุมอาวุธ จืงเข้ายืดอำนาจรัฐคืน เอาโรงเรียนคืน
เพราะโรงเรียนคือบ้าน คือพ่อแม่ คือตนเอง
เมื่อเปลี่ยนการปกครอง จุฬาถูกรอนอำนาจ คณะ การสอนที่เกี่ยวกับการปกครอง บริหารประเทศถูกสั่งยุบ ให้ย้ายไปธรรมศาสตร์คือ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ให้คงไว้เฉพาะคณะภาษา วิทยาศาสตร์ วิศวะ คณะแพทย์โอนไปมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทำให้เล็กลง เดิมไม่ได้มีมหาวิทยาลัยชื่อชื่อมหิดลนะครับ
รัฐศาสตร์ จุฬามาเปิดใหม่ปี 2492 หลังโรงเรียนต่างๆสู้ได้สำเร็จ โอนย้ายคณะต่างๆกลับมามาก กโลบายตัดขาดประชาชนกับพระมหากษัตริย์จืงยุติลง
ที่จริงจอมพล ป พิบูลสงครามต้องการถูกจารืกชื่อในฐานะผู้ก่อตั้งจุฬา ม แพทยศาสตร์ โรงเรียนเตรียมจุฬา ส่วนท่านปรีดีก็เป็นบิดาของตมธก ธรรมศาสตร์
อ เกษม สุวรรณกุล. อดีตอธิการบดี จุฬา จืงงหาทางสร้างอนุสาวรีย์สองรัชกาลขื้น ท่านบอกผมว่า ไม่งั้น จะมีใครมาสร้างอนุสาวรีย์ของตนเองขื้น แล้วทืกทักว่าตนเองเป็นผู้สร้่างจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
ถ้าไม่มีการต่อสู้จากศิษย์เก่าโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ. จุฬาคงเปลี่ยนไปแล้ว. ชื่อมหาวิทยาลัยคงถูกเปลี่ยน พระเกี้ยวจะถูกเปลี่ยนเป็นตราไก่ ตราประจำปีเกิดของท่านจอมพล ตราประจำทีมฟุตบอลของฝรั่งเศส
การเอาโรงเรียนทั่วประเทศคืนคือ การเอาประชาธิปไตยในการศืกษาคืนมา
เมื่อพวกเขารวมเป็นหนื่ง การปฏิวัติจืงเกิดขื้น เพราะคนที่ถูกรังแกเหล่านี้ ไม่ศรัทธานักการเมืองที่เอารถถังไปยืดโรงเรียนของเขา ทำร้าย ทำลายผู้ที่พวกเขาเคารพนับถือ
น่าเสียดาย นักเรียนที่เก่งที่สุดของประเทศสามร้อยกว่าคน ที่ถูกส่งไปเรียนวิชาการต่างๆด้วยทุนของรัฐบาลในสมัยรัชกาลที่5 ไม่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการ ถูกส่งเข้าคุกก็มาก
ประเทศไทยเสียโอกาสความเจริญก้าวหน้าไปมาก
วันรัฐธรรมนูญจืงมีประวัติความเป็นมาที่ประหลาดๆ
พูดเรื่องใหญ่ๆแต่ทำเรื่องเล็กๆไม่เป็น
แต่ก็ทำให้พวกหากินกับงานร่างรัฐธรรมนูญมีอาชีพ
กลับมาร่างครั้งนี้ คงฉลาดกว่าครั้งก่อนๆๆๆๆๆนะ
แต่ดูแล้วไม่ได้มีอะไรใหม่ดอก กล้าซะเมื่อไหร่
สวัสดีครับ วันรัฐธรรมนูญ เดี๋ยวจะไปนอนล่ะ
 ============================================
 เมื่อฝ่ายคณะราษฏรเสื่อมอำนาจลง การเปลี่ยนแปลงโยกย้ายคณะวิชาระหว่างมหาวิทยาลัยจืงเกิดขื้นครั้งใหญ่ นิสิตนักศืกษาที่เรียนแพทย์ เภสัช รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และที่เรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆย่อมรู้ประวัติคณะ และประวัติมหาวิทยาลัยของตนดี
ความขัดแย้งระหว่างจุฬา ธรรมศาสตร์ก็เกิดขื้นด้วย. ผู้ที่จบจุฬาเมื่อเข้ารับราชการได้รับเงินเดือนมากกว่าผู้จบธรรมศาสตร์ 50บาท ซื่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง. นักเรียนเก่าสวนกุหลาบในสองมหาวิทยาลัยจืงนัดเตะฟุตบอลกันเชื่อมสามัคคี. เพื่อบอกสังคมว่าเพื่อนเหนือการเมือง. และเรียกร้องให้ได้เงินเดือนเท่ากันด้วย คนมาดูกันมาก กลายเป็นฟุตบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัย
เป็นประเพณีว่ากีฬาคือการส่งเสริมมิตรภาพ. ความเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเหนือคำพูดยุแหย่ใดๆ. จะเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติ ต้องรู้ที่มาที่ไปของคน ประวัติบุคคล. มาร์กซ์เป็นใครไม่รู้จัก แต่พวกเขารู้จักเพื่อนของเขาดี. ความรักมีค่าเหนือการเมืองของผู้กระหายอำนาจทุกฝ่าย.
ผู้ใหญ่ดูเด็กๆรักกันบ้างก็ดี. จะได้มีวิวัฒนาการ
 =========================================
การทำลายการศืกษาเพื่อเถลิงอำนาจทำให้โรงเรียนประจำมณฑล โรงเรียนประจำจังหวัดทุกแห่ง. โรงเรียนในเครือมิสซัง และเครือเซนต์คาเบรียลทั่วประเทศต้องปิด มปลายด้วย นักเรียนชายในต่างจังหวัดไม่มีที่เรียน ม ปลาย ต้องมาอาศัยวัด ใต้ถุนกุฎิในกรุงเทพเป็นที่นอน เพื่อจะได้เรียน มปลาย. เข้ามหาวิทยาลัย แนวเหมาเลย
เป็นการหยุดการศืกษาของนักเรียนหญิงไปร่วมสิบปี ทั่วประเทศ
เด็กวัดดังยุคนี้แหละ ต้องเข้ากรุงเทพมาอาศัยวัดนอนจะได้เรียนหนังสือ อาศัยไม้กระดานปูนอนใต้ถุนกุฏิก็มาก เช่นนักเรียนที่มาเรียนที่ี่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอนใต้ถุนกุฏิวัดมหาธาตุกันมาแล้วมากมาย
 ===========================================
 ประวัติโรงเรียนสวนกุหลาบบันทืกว่า
>> ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 นั้นมีรถถังแล่นมาจอดขวางประตูโรงเรียน มีนายทหารและพลเรือน ชื่อนายสงวน ตุลาลักษณ์ ผู้ก่อการได้เข้ามาในโรงเรียนเชิญอาจารย์ใหญ่ซึ่งขณะนั้นคือ อาจารย์เอซี เชอร์ชิล และนักเรียน ม.6-ม.8 เข้าหอประชุมสามัคคยาจารย์สมาคมประกาศว่า ทุกคนได้รับทราบว่าขณะนี้ได้มีการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
นักเรียนสวนกุหลาบได้ลุกขึ้นถามว่า “ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง” นายสงวน ตุลาลักษณ์ตอบว่า “ไม่ต้องถามเวลานี้ ถ้าต้องการรายละเอียดต้องตอบด้วยปืน (คำสัมภาษณ์ คุณสมจิตต์ โฆสวรรณะ)
การกระทำครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะควบคุมความสงบของครูและนักเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยซึ่งเป็นโรงเรียนใหญ่ และในขณะนั้นถือว่าใกล้ชิดกับและข้าราชการชั้นสูงของกระทรวงธรรมการนั่นเอง
จากเหตุการณ์ตอนนี้พอสันนิษฐานว่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นโรงเรียนที่มีบทบาทสำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งคณะราษฎร์จำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ ครูอาจารย์ และ นักเรียน ก็น่าจะเป็นพลังที่จะต่อต้านคณะปฏิวัติ ซึ่งก่อให้เกิดความระส่ำระส่ายที่ยากคณะราษฎร์จะดูแลได้จึงได้ใช้วิธีนำรถถังมาปิดโรงเรียนและควบคุมสถานการณ์ดังกล่าว
 ========================================
 อ้อ มีไปปิดล้อมโรงเรียนใช้ปืนยิงถล่มประตูโรงเรียนหอวังด้วย โรงเรียนนี้เดิมตั้งอยู่ที่โรงเรียนเตรียม ถูกสั่งปิดถาวรไปนาน เพิ่งเปิดสอน จัดตั้งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ให้กำลังใจนักเรียนหอวังนะครับ เอาอดีตที่ยิ่งใหญ่คืนมา
 ===========================================
 การสั่งปิดการสอนชั้นมัธยมปลายทั่วประเทศ คือ การทำลายการศืกษาชั้นสูง ทำลายโอกาสความก้าวหน้าของนักเรียนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โรงเรียนที่มีอดีตยาวนานในทุกจังหวัดถูกฆ่าตัดตอน ทั้งในภาคเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ภาคกลาง นักเรียนขาดโอกาสศืกษาต่อ ความเจริญก้าวหน้าของคนหยุดลง กว่าโรงเรียนในจังหวัดต่างๆจะเปิดสอน ม ปลายได้อีกครั้ง ใช้เวลาเกือบ 20 ปี อ่อนแอมากๆทั่วประเทศ รากฐานถูกทำลาย
คณะราษฎรเป็นปฏิปีกษ์กับโรงเรียนเอกชน โดนหมดเหมือนกันทั้งโรงเรียนเครือคริสตจักรทุกโรงเรียน โรงเรียนเผยอิงที่สอนภาษาจีน โรงเรียนเหล่านี้คือที่สอนภาษา ให้การศืกษาที่เยี่ยมมาก
โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยที่คณะราษฏรสร้างขื้น เช่น ตมธก ผลิตนักเรียนรุ่นแรกเพียง 39 คน นี่คือมปลาย ลดจากการผลิตแบบเก่า เตรียมจุฬามีนักเรียนชั้นละไม่เกิน 80คน
จืงต้องเปิดตลาดวิชาขื้น จบมัธยมต้นก็เรียนได้ การศืกษาทางวิทยาศาสตร์หยุดชะงัก ประเทศไม่ก้าวหน้า
โง่มาก ทำให้คนไม่ได้เรียน เพราะอยากล้างสมองเด็ก
ร่วม 20 ปีที่การศืกษาไทยถูกแช่แข็ง ประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับเอกราชไม่ทำลายของเดิม ขยายมากขื้น เน้นมากขื้น ส่งผลถืงการศืกษาไทยตอนนี้
 20 ปีที่ต่อให้เขา วิ่งตามกันต่อไป
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5921 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:06:25 PM »



พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขาเป็นภาษาอังกฤษพระราชทานไปยังพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ โดยทรงเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ปรากฏความว่า
.
"...ฉันรู้สึกเสียดายอย่างยิ่งที่เขามิได้คิดจะถอดฉัน และฉันยังเสียใจอยู่จนบัดนี้ ความรู้สึกขั้นแรกก็คือจะลาออกทันที แต่สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ แนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะถ้าทำเช่นนั้นอาจมีการรบกันจนนองเลือดทั้งยุ่งยากต่าง ๆ จนอาจมีฝรั่งเข้ามายุ่งและชาติเราอาจเสียอิสรภาพได้... ถ้าเราจะรบโดยใช้ทหารหัวเมืองหรือ นั่นเป็นของแน่ที่เราอาจทำได้ แต่ฉันไม่ยินยอมเลยแม้แต่ชั่วขณะเดียว เพราะเจ้านายในกรุงเทพฯ อาจจะถูกฆ่าหมด ฉันรู้สึกว่าฉันจะนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ที่เปื้อนโลหิตไม่ได้... สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ แนะนำตลอดเวลาให้ยินยอมกลับกรุงเทพฯ และช่วยคณะราษฎรจัดตั้งการปกครอง โดยมีกษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นของที่ฉันเคยอยากจะทำมานานแล้ว แต่ว่าฉันเสียขวัญ
.
ในที่สุด มีทางจะทำได้ ๒ ทาง คือจะหนี หรือจะกลับกรุงเทพฯ ฉันยอมรับว่า ฉันตัดสินใจไม่ได้ทันทีว่าจะทำอย่างไรดี เราเพิ่งได้ยินคำแถลงการณ์ทางวิทยุกระจายเสียงอันรุนแรง ดูราวกับจะไปทางบอลเชวิค ถ้าเช่นนั้น การที่จะกลับไปให้เขาตัดหัว ดูออกจะไร้ประโยชน์ เป็นการเสียสละอันไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย แต่นั่นแหละ คำแถลงการณ์นั้น อาจเป็นถ้อยคำของผู้ที่ออกจะคิดสั้น และรุนแรงรวดเร็วจัดคนหนึ่ง และไม่ใช่นโยบายจริงของคณะ ฉันเลยตกลงใจเสี่ยง โดยให้ผู้หญิงเขาเลือก ทั้งหญิง (สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ราชินี) และหญิงอาภา (พระมารดา) ตกลงเลือกให้กลับอย่างแน่วแน่ และฉันเห็นว่าทั้งสองควรจะได้รับเกียรติอย่างเต็มที่ ในการตกลงใจอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น เพราะในเวลานั้น เราอาจจะกลับไปสู่ความตายก็ได้ ผู้หญิงเขาเลือกเอาความตายดีกว่าการเสียศักดิ์ เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับฉัน..." (อ้างในเกิดวังปารุสก์ เล่ม 2)

ที่มา เรื่องเล่าของรอยใบลาน
----
คณะราษฏรได้จับวงค์ษานุวงค์ไว้เป็นตัวประกันแล้ว
ถ้าผู้ใดขัดขวางคณะราษฏรผู้นั้นต้องถูกลงโทษ
และวงค์ษานุวงค์จะต้องถูกทำร้ายด้วย
(ข้อความข้างบนคณะราษฏรได้แจกจ่ายให้ประชาชนเมื่อวานนี้)
ภาพ จากคุณ Pat Hemesuk





บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5922 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 03:07:56 PM »



'ที่อยู่-ที่หาย' หมุด 'ลานพระรูป'

เปลว สีเงิน
ไปไหว้พระวัน-สองวัน กลับมา เห็นนักศึกษา ๒-๓ คน ยืนชูป้าย "หมุดฯ หายไปไหน"
ก็สงสาร...........
อยากให้พวกเธอกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ แล้วใช้ปัญญาวิเคราะห์
อย่าใช้เท้าแทนสมอง แบบพวก "ม็อบวางบิล"
เอะอะชูป้าย แจ้งตำรวจ อย่างเมื่อวาน (๑๖ เม.ย.๖๐)
"ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕ ที่อยู่บริเวณลานหน้ารูปทรงม้าที่หายไป"
ควรต้องทราบก่อนว่า..........
"ลานรูปทรงม้า" นั้น จากอดีต ตราบปัจจุบัน ยันอนาคต ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ หากแต่เป็น "ลานพระราชวังดุสิต"
และนั่นคือ "เขตพระราชฐาน"!
ด้วยความเป็นนิสิต-นักศึกษา ในชั้นแห่งปัญญากรอง ย่อมทราบถึงกรอบ-ขอบเขต ระหว่าง "พื้นที่สาธารณะ" กับ "เขตพระราชฐาน"
อะไรที่เกินไป ก็ไม่ดี, อะไรที่ขาดไป ก็ไม่ดี, อะไรที่พอดีๆ กอปรด้วย เงื่อนไขแห่งการณ์ แห่งเวลา และแห่งบุคคล
จะดี-ไม่ดี นั่นเรื่องหนึ่ง ..............
แต่จะ "เป็นคุณ" ทั้งตัวเองและสถานการณ์รวมสถานเดียว!
หมุดฯ นั่นน่ะ แค่ทองเหลือง จะเอาซักกี่กิโลล่ะ?
แต่ "ก่อนเป็นหมุด" มีความเป็นมาอย่างไร อยากให้อ่านหนังสือซัก ๔-๕ เล่มก่อน
แล้วคำบอกเล่าของคน "ในเหตุการณ์จริง" จะสะท้อนผ่านมโนธรรมสำนึกออกมาเอง ว่า
ควรร้องถาม "หมุดฯ หายไปไหน"?
หรือควรร้องถาม "ปล่อยให้อัปลักษณ์สยามนี้ปักอยู่ได้อย่างไร?"
ลองไปหาอ่านนะครับ...........
-กบฏ ร.ศ.๑๓๐ ของ เหรียญ ศรีจันทร์-ร.ต.เนตร พูนวิวัฒน์
-เปิดวังปารุสก์ พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
-"เจ้าชีวิต" พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
-จากพระยายมราช ถึงสุขุมวิท โดย ประสงค์ สุขุม
-"ทำเป็นธรรม" ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
-ไปเมืองนอกครั้งแรก ร.ศ.๑๑๘ พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เรียบเรียงโดย ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต และ
-เบื้องแรกประชาธิปตัย รวบรวมโดยสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย
หนังสือ "เบื้องแรกประชาธิปตัย" เล่มนี้แหละ ..........
ขอแนะนำเป็น "ภาคบังคับเลย" ว่า ต้องไปหามาอ่านกันให้ได้
เป็นหนังสือเก่า ที่นักข่าว ยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ ไปสัมภาษณ์ "ตัวบุคคล" ร่วมก่อการ ๒๔๗๕ ที่มีชีวิตอยู่ แล้ว "ผอ.กำพล วัชรพล" แห่งไทยรัฐ ออกทุนพิมพ์เผยแพร่
เป็นการ "ชำระประวัติศาสตร์ ๒๔๗๕ จากตัว 'ผู้ก่อการ' โดยตรง"!
โดยเฉพาะ "นายปรีดี พนมยงค์" และ "พลโท ประยูร ภมรมนตรี"
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ นั้น ............
๒ คนนี้แหละ รู้กันไว้เถอะ "ต้นคิดก่อการ" ก่อนขยายไปสู่ ๗ คณะผู้ก่อการ!
ก็พอดีจังหวะ ผู้บริหารสมาคมนักข่าวปัจจุบัน นำกลับมาพิมพ์เผยแพร่ยังเหลืออยู่หรือเปล่าไม่ทราบนะ
ไปถามหาที่สมาคมนักข่าว หน้า รพ.วชิระ สามเสน เอาเองละกัน!
ที่สำคัญสูงสุด นอกจากบทสัมภาษณ์-บทบันทึก "๒ ต้นคิด" คณะก่อการนี้แล้ว ....
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี" ราชินีในรัชกาลที่ ๗ พระราชทานพระราชวโรกาส
ให้คณะกรรมการสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยยุคนั้นเข้าเฝ้าฯ และทรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นพระราชทาน
และยังพระราชทาน "พระราชบันทึก" อันเป็นประวัติศาสตร์ที่ใครก็บิดเบือนไม่ได้แก่คณะกรรมการสมาคมฯ เพื่อเผยแพร่ด้วย
"จอมพล ป.เคยมาเฝ้า เขาพูดว่า อยากจะล้างบาป เพราะทำกับท่าน (พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗-เปลว) ไว้มากเหลือเกิน จากนั้นแล้วก็เลยไปสร้างโรงพยาบาลพระปกเกล้าไว้ให้ที่จันทบุรี ดูเหมือนจะสร้างไปทั้งหมด ๕ ล้านบาท"
สมเด็จฯ ทรงเล่าและทรงเท้าความย้อนไปก่อนที่จะเสด็จฯ กลับ (จากอังกฤษ) ว่า
"หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พระยามานวราชเสวี เคยไปขอเข้าเฝ้าฯ บอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้ยังงี้ ก็ไม่ทำ"
นี่แค่ตัวอย่าง จากหนังสือเบื้องแรกประชาธิปตัย แค่ ๒-๓ บรรทัด ยังขนาดนี้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5923 เมื่อ: เมษายน 20, 2017, 08:19:50 AM »



วันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องอิสริยาภรณ์โกรสเซอ ทิโรลเลอร์ อาดเลอร์ ออร์เดนส์ ซึ่งรัฐบาลรัฐทีโรล ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในฐานะที่ทรงวางรากฐานและทรงส่งเสริมความร่วมมือทางด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับรัฐทีโรล ณ ศาลาว่าการเมืองอินส์บรูค รัฐทีโรล สาธารณรัฐออสเตรีย
ขอบคุณภาพ.Web_Tiroler Tageszeitung
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5924 เมื่อ: เมษายน 20, 2017, 08:20:57 AM »

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ


ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2560 07:34:16 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 เม.ย.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัท IBM และการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมัน ได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขาย ก่อนที่การเลือกตั้งของฝรั่งเศสจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเช่นกัน



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,404.49 จุด ร่วงลง 118.79 จุด หรือ -0.58% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,338.17 จุด ลดลง 4.02 จุด หรือ -0.17% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,863.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด หรือ +0.23%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของยุโรป ซึ่งรวมถึงบริษัทไฮเนเกน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 377.24 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,016.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.01 จุด หรือ +0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.36 จุด ลดลง 33.14 จุด หรือ -0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,003.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด หรือ +0.27%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) ลงมติรับรองข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกฉุดรั้งจากหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเปิดเผยผลประกอบการอันย่ำแย่

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 33.14 จุด หรือ -0.46% ปิดที่ 7,114.36 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 52.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากสถาการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและความไม่แน่นอนด้านการเมืองก่อนการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต้องการถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 10.7 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ระดับ 1,283.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.60% ปิดที่ 18.162 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ 970.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 775.60 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สืบเนื่องจากแรงกดดันของตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยนกันมากขึ้น

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 108.72 เยน จากระดับ 108.550 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9976 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9962 ฟรังก์สวิส

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0721 ดอลลาร์จ กระดับ 1.0729 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2790 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2841 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ระดับ 0.7499 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7558 ดอลลาร์

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,863.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด, +0.23%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,338.17 จุด ลดลง 4.02 จุด, -0.17%
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 20,404.49 จุด ลดลง 118.79 จุด, -0.58%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.36 จุด ลดลง 33.14 จุด, -0.46%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,016.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.01 จุด, +0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,003.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด, +0.27%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 29,336.57 จุด เพิ่มขึ้น 17.47 จุด, +0.06%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,126.28 จุด, ลดลง 11.26 จุด, -0.36%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,738.95 จุด ลดลง 1.65 จุด, -0.09%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,825.88 จุด, ลดลง 98.66 จุด, -0.41%
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 393 394 [395] 396 397 ... 402   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: