ต่อไป »

[jainu]

https://www.youtube.com/watch?v=yxkJH1xGKqY

ในหลวงเสด็จฯวันฉัตรมงคล พสกนิกรเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง 5 พฤษภาคม 2557 Thailand

คิดถึงพระองค์ท่าน

[jainu]

พลาดไม่ได้เด็ดขาด "วันวิสาขบูชา " ๑๐ พ.ค.๖๐ นายกฯ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
และชื่นชมพระบารมีโดยจะเสด็จประกอบพิธี เนื่องในวันวิสาขบูชา ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
cr Siriwanna Jill new



https://www.youtube.com/watch?v=-S6zR-pboUE
ส่งเสด็จ...สู่แดนสรวง : ภาพรวมการจัดสร้างพระเมรุมาศ คืบหน้ามากกว่า 40%

สํานักข่าวไทย TNAMCOT



สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดกิจกรรมโครงการจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พระราชทาน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช ตั้งแต่เวลา ๑๐๐๐-๑๗๐๐ น. ณ อาคารรับรอง ๖๐๖ สนามเสือป่า สำนักพระราชวัง และเวลา ๑๗๐๐-๒๐๐๐ น. ณ ลานพระราชวังดุสิต เป็นประจำทุกวันจันทร์-อาทิตย์ โดยเริ่มเรียนวันแรกตั้งแต่ ๖ พ.ค.เป็นต้นไป อำนวยการสอนโดยโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (หญิง) โรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) เจ้าหน้าที่ฝ่ายพระราชฐานชั้นใน และมีบุคลากรจากสำนักพระราชวัง พลอาสาสมัครหญิงทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมเรียนรู้และช่วยถ่ายทอดแก่ประชาชนผู้มีจิตอาสาด้วย

กิจกรรมจิตอาสาร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชานุญาต ให้จัดทำทุกวัน ผู้สนใจสามารถมาลงทะเบียน โดยผู้ลงทะเบียนจะได้รับสติกเกอร์ หมายเลขกำกับทุกคน พร้อมอาหารพระราชทาน
นอกจากนี้ ในทุกวันเสาร์ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดงดนตรี ณ บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต เพื่อพระราชทานความสุขแก่พสกนิกรด้วย

[jainu]

เที่ยวไทยเท่
Like This Page · 5 May · Edited ·





"เที่ยวไทยเท่" ชวนคุณมาเป็น "เท่ SETTER" บอกต่อเรื่องราวการเดินทาง ท่องเที่ยว ...ที่ยิ่งลึกซึ้ง ก็ยิ่งได้สัมผัสถึงเสน่ห์เมืองไทย โพสต์รูป พร้อมแชร์เรื่องท่องเที่ยวเท่ๆ ผ่าน facebook ตามสไตล์ลึกซึ้งในแบบของคุณ เรื่อง ไหนโดนใจกรรมการรับรางวัลทุนท่องเที่ยว10,000บาทและโพสตข์องคุณจะถูกแชร์ ในหน้า เพจ "เที่ยวไทยเท่" เพื่อแจ้งเกิดในวงการ Travel blogger อีกด้วย !!

รางวัลสุดพิเศษจากกิจกรรม “เที่ยวไทยเท่ ครั้งที่ 2”

>> รางวัล ทริปเที่ยวไทยเท่ ประเภทความเท่สร้างสรรค์ จํานวน 2 รางวัล
- ทุนท่องเที่ยว จํานวน 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท

>> รางวัล ทริปเที่ยวไทยเท่ ประเภทแกะกล่องมุมเท่ (Unseen in Thaitay) จํานวน 3 รางวัล
- ทุนท่องเที่ยว จํานวน 3 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท

รายละเอียดกิจกรรม :

1. สร้างอัลบั้มรูปภาพในfacebookและเขียนบรรยายการท่องเที่ยวแบบ "เที่ยวไทยเท่" ใน สไตลข์องคุณตั้งชื่อเรื่องพร้อมระบุจังหวัดที่เดินทางไปโดยภาพที่โพสตล์งในอลับั้มต้องอยู่ ระหว่าง 5 -20 ภาพ

2.ส่งLinkอัลบั้มภาพท่องเที่ยวของคณุมาใต้โพสต์ในช่องคอมเม้นต์ของกิจกรรมนี้พร้อมระบุ ชื่อ Facebook หรือชื่อ Fanpage ของคุณ
***อย่าลืมตั้งค่าโพสตเ์ป็นPublic(สาธารณะ)***

3. ระยะเวลาการร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 5–21พฤษภาคม2560

4. ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ทาง https://www.facebook.com/Tiewthaitay/

5. คําตัดสินของคณะกรรมการททท.ถือเป็นที่สิ้นสุด

ดูรายละเอียดของกิจกรรม คลิก https://goo.gl/a4sH9h

http://www.naewna.com/business/269188
ไทยผงาดนักเที่ยวทั่วโลกโหวตให้ที่ 10 โรงแรมน่าพักที่สุดในโลก

[jainu]

https://www.facebook.com/Tiewthaitay/posts/447679688915931

ใกล้จะถึงวันวิสาขบูชาเข้ามาทุกที เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่เราชาวไทยต่างรู้จักกันดี โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 แถมยังเป็นวันหยุดอีกด้วย
.
หากเพื่อนๆ คนไหนยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวหรือไปกราบสักการะ ไหว้พระ เวียนเทียน เสริมสิริมงคลที่วัดไหน วันนี้เที่ยวไทยเท่ มีวัดสวยๆ และศักสิทธิ์ มาชวนเพื่อนๆ ทุกคนไปทำบุญด้วยกันค่ะ




#1 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร จ.กรุงเทพฯ
.
เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมชื่อ วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยาเขตดุสิต
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้น โดยมีสมเด็จวงศ์เธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่มีความวิจิตรงดงามและเป็นระเบียบ ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการวางแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่งเลยทีเดียว
.
ที่อยู่: 69 ถนน นครปฐม ติด คลอง แขวง ดุสิต เขต ดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์: 02 282 2667



#2 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จ.กรุงเทพฯ
.
วัดอรุณ มีชื่อต็มว่า " วัดอรุณราชวราราม มหาราชวรวิหาร "หรือวัดแจ้ง เป็นวัดที่สวยโดดเด่นริมน้ำเจ้าพระยา มีพระปรางค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความสูงของพระปรางค์ในอดีตนั้นสูงประมาณ 8 วา
.
วัดอรุณฯ ตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับวัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
การเดินทาง ขอเริ่มจากสนามหลวง ผ่านถนนหน้าพระลานทางประตูทางเข้าด้านหน้าของวัดพระแก้ว ให้เลี้ยวซ้ายทางที่จะไปยังวัดโพธิ์
ก่อนถึงวัดโพธิ์เล็กน้อยฝั่งตรงข้ามจะมีซอยเข้าไปยังท่าเตียนสำหรับลงเรือข้ามฟาก

ที่อยู่: 158 ถนน วังเดิม แขวง วัดอรุณ เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600
โทรศัพท์: 02 891 2185

[jainu]

หนึ่งในราชรถน้อยที่ได้รับการบูรณะ

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ added 6 new photos.

เกร็ดความรู้ เรื่อง : ราชรถ ราชยาน
ในการประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพนั้น ยานพาหนะสำหรับอัญเชิญโกศได้รับการจัดสร้างให้มีความยิ่งใหญ่ สง่างาม สมพระเกียรติ ตามความเชื่อที่ว่าพระมหากษัตริย์คือสมมุติเทพที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อปราบทุกข์เข็ญและสร้างความสุขให้แก่ประชาราษฎร์ ครั้นเมื่อทรงสวรรคตจึงเปรียบดั่งการเสด็จกลับสู่แดนสวรรค์ ดังนั้นการอัญเชิญเพื่อเคลื่อนพระโกศที่ทรงศพในริ้วขบวน จึงต้องให้มีความงดงามสมพระเกียรติประดุจเคลื่อนบนหมู่เมฆส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์
“ราชรถ ราชยาน” คือพาหนะที่เป็นส่วนประกอบหลักของริ้วขบวนสง่างามเหล่านั้น โดยความแตกต่างระหว่างราชรถและราชยานคือ ราชรถเป็นพาหนะที่มีล้อใช้กำลังพลฉุดชัก ส่วนราชยานมีลักษณะคล้ายเสลี่ยงคานหามเคลื่อนที่ด้วยพลแบกหาม ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ประกอบพระราชพิธีตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อถึงกาลที่ต้องใช้งาน จึงจำต้องมีการตระเตรียมด้วยการบูรณะซ่อมแซมให้แข็งแรงและตกแต่งให้สวยงาม สมบูรณ์พร้อมใช้งาน

ในการประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพในครั้งนี้ มีการใช้ราชรถได้แก่ ราชรถน้อย ๑ องค์ สำหรับนำขบวน เรียกว่า “ราชรถพระนำ” เนื่องจากใช้เป็นรถที่สมเด็จพระสังฆราชประทับ ทรงอ่านพระอภิธรรมนำขบวน ติดตามด้วย พระมหาพิชัยราชรถ ซึ่งเป็นราชรถขนาดใหญ่ในการอัญเชิญโกศในขบวนออกพระเมรุมาศ จากพลับพลายกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มาถึงมณฑลพิธีของพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง จากนั้นจะมี ราชรถปืนใหญ่ ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ อัญเชิญโกศต่อจากพระมหาพิชัยราชรถ เพื่อเวียนอุตราวัฏรอบพระเมรุมาศ และอัญเชิญโกศขึ้นสู่พระเมรุมาศต่อไป
ส่วนราชยาน ได้แก่ พระยานมาศสามลำคาน อัญเชิญโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในมหาราชวังไปประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถโดยอัญเชิญขึ้นผ่านเกรินบันไดนาค เมื่อพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพเสร็จสิ้นลงในวันรุ่งขึ้น จะมีการอัญเชิญอัฐิและราชสรีรางคารกลับเข้าสู่มหาราชวังเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลต่อไป โดยใช้ พระที่นั่งราเชนทรยาน ในการอัญเชิญโกศทรงอัฐิ และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ อัญเชิญลุ้งทรงราชสรีรางคาร จากพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวงเข้าสู่มหาราชวัง
เพื่อคงไว้ซึ่งราชประเพณีอันเกี่ยวเนื่องกับศพที่มีมายาวนาน และน้อมแสดงความอาลัยด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่างตระเตรียมความพร้อมทั้งราชรถ ราชยานที่งามสง่าเหล่านี้อย่างประณีตสุดกำลังความสามารถ ซึ่งปวงชนจะได้ประจักษ์ถึงความงามสมพระเกียรติของริ้วขบวนในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช วันที่เราได้ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยโดยพรั่งพร้อมกัน
ขอขอบคุณ : กรมศิลปากร
ที่มาข้อมูล :
- หนังสือ ราชรถ ราชยาน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพ : กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
- คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
#เกร็ดความรู้
#ราชรถ #ราชยาน
#สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

https://www.facebook.com/pagecpb/?hc_ref=NEWSFEED

[jainu]

คำสอน พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก

11 hrs · รูปที่โพสต์คลิป

วันวิสาขบูชา : เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน
#ขอบคุณวิดีโอ จาก สมควร กุลหงษ์ Facebook
#ประสูติ คือ เกิด
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
#ได้ตรัสรู้ คือ สำเร็จ
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย
#ได้ปรินิพพาน คือ ดับ
หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย)
ขอบคุณวิดีโอ จาก สมควร กุลหงษ์ Facebook

[jainu]

"นายกฯ" ชื่นชมยินดีทัพนักกีฬาเทควันโดไทยครองแชมป์อันดับ 1 ของโลก ประเภทท่ารำ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมอวยพรให้มีกำลังใจรักษาระดับฝีมือให้คงที่


NAEWNA.COM


http://www.naewna.com/sport/269173

[jainu]

ทรงพระเจริญ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2560 พร้อมทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วเสด็จออกชานหน้าพระอุโบสถทรงจุดธูปเทียนบูชาสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย เสด็จพระราชดำเนิน ประทักษิณพระอุโบสถ พร้อมด้วยวงศานุวงค์ สามรอบ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในมหาราชวัง
ภาพ ธนาชัย ประมาณพาณิชย์ ( Tanachai Pramarnpanich )
#NationPhoto #ธนาชัยประมาณพาณิชย์ #สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว #พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา #พิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาพุทธศักราช2560

Thai PBS was live.
18 hrs · รูปที่โพสต์คลิป

[Live] 17.25 - 18.20 น. • ถ่ายทอดสด พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2560 (10 พ.ค. 60) หรือชมทีวีออนไลน์ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Live #ThaiPBS #ช่องหมายเลข3

[jainu]

วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เป็นวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นปีที่ ๙๔
ขอน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้
ตลอด ๘๕ ปี ครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ ทรงเป็นขัตติยราชนารีที่เป็นแบบอย่างอันดีงาม ทรงเป็นสมเด็จโสทรเชษฐภคินีที่ทรงช่วยแบ่งเบางานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช

ทรงเป็น"คนไทย" ที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และช่วยพัฒนาความเจริญของประเทศ
ที่สำคัญยิ่ง ทรงเป็น "ลูกสาว" ที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู อันเป็นตัวอย่างของความดีให้เราได้คิด ได้ดำเนินรอยตาม
HTTPS://WWW.FACEBOOK...?TYPE=3

[jainu]

เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๗.๐๐ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปทรงตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูอดุลยเดช ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ณ บริเวณท้องสนามหลวง

 "พระองค์ท่านทรงเป็นแม่กองงาน และรอบรู้มากๆ ทรงให้คำปรึกษาคณะผู้ปฏิบัติงานมาก และทรงเสด็จตรวจความก้าวหน้าของงานเป็นประจำทุกเดือน เป็นขวัญและกำลังใจมาก" #เจ้าฟ้าของปวงชนชาวไทย

 ขอบคุณภาพ.FB_ดร.เดชา ครุฑทิน

[jainu]

เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๗ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน "สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี ๒๕๖๐ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณภาพ.Web_วันวิสาขบูชาโลก

[jainu]

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในมหาราชวัง ในการพระราชพิธีพืชมงคล พุทธศักราช 2560
ภาพจาก FB_Apisit Doae








สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินมา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเป็นองค์ประธานในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2560 โดยผลเสี่ยงทายในปีนี้ พระโคกินข้าวหรือข้าวโพด พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี พระโคกินหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 60







https://www.facebook...?type=3





ประชาชนต่างเก็บเมล็ดข้าวเปลือก ไม้ดอกไม้ประดับ และต้นไม้ที่อยู่ในปรัมพิธี อาทิต้นกล้วย ต้นอ้อย หลังจากเสร็จพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันพืชมงคล 12 พฤษภาคม 2560 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

 ภาพ ฐานิส สุดโต (Thanis Sudto)


https://www.facebook.com/hashtag/nationphoto

[jainu]

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สืบทอดประเพณีโบราณ "เดินเทียนและฟังพระธรรมเทศนา ๑๓ กัณฑ์ " ค่ำวันพุธ ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ดิถีวิสาขบูชา เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรวัดราชบพิธ ทรงประกอบพิธีวิสาขบูชา ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๐
การนี้ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนที่พุทธศาสนิกชนถวาย ทรงจุดเทียนรุ่งที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอุทิศเพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยตลอดรุ่ง ทรงนำทำวัตรสวดมนต์ ทรงสดับพระธรรมเทศนา จากนั้น พระสงฆ์สมณศักดิ์แสดงพระธรรมเทศนาเป็นลำดับ สลับพระภิกษุสามเณรสวดคาถาธรรมบรรยายโดยสรภัญญวิธีตลอดราตรี ตามประเพณีวัดราชบพิธ ทั้งนี้ มีพุทธศาสนิกชนมาร่วมพิธีเดินเทียน และสดับพระธรรมเทศนาเป็นจำนวนมาก

โดยในเวลา ๑๙๐๐ น. พิธี"เดินเทียนเป็นพุทธบูชาและฟังพระธรรมเทศนา"แสดงพระธรรมเทศนา ๑๓ กัณฑ์ ตั้งแต่ช่วงค่ำไปจนถึง ๖ โมงเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิม ตามโบราณกาลของวัดที่ปฏิบัติสืบทอดมายาวนาน เนื่องจากวัดราชบพิธ เป็นพระอารามหลวงที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างขึ้น เมื่อปี ๒๔๑๒ เป็นวัดประจำพระองค์รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗

[jainu]

อัฏฐมีบูชา




วันอัฏฐมีบูชาหรืองานบูชาในวันคล้ายวันถวายพระเพลิงแด่พุทธสรีระหลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานได้ ๗ วัน เป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งของพุทธศาสนา แต่ชาวพุทธจำนวนมากอาจลืมเลือนไปหรือไม่เคยรับรู้มาก่อน ทั้งๆ ที่มีเรื่องราวน่าเรียนรู้และใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเจริญพุทธานุสติและมรณานุสติ เพื่อเตือนตนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทซึ่งเป็นคำสอนสุดท้ายของพระพุทธเจ้าได้ดี

   เหตุการณ์ในวันอัฏฐมีบูชา ยังแสดงให้เห็นถึงประเพณีการระลึกถึงคนตายในสมัยพุทธกาล แต่ถึงแม้รูปแบบหลายอย่างจะยังคงสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการสวดและเผาศพ การบูชาพระธาตุ หากแต่ความคิดความเข้าใจที่มีต่อประเพณีต่างๆ กลับเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสภาพสังคมในแต่ละยุคสมัย ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังรวมไปถึงความเข้าใจที่มีต่อพระพุทธเจ้า ทำให้การระลึกถึงพระองค์เปลี่ยนไปด้วย และส่งผลต่อมายังการระลึกถึงความตายของคนทั่วไป น่าเสียดายว่าความเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ทำให้สาระสำคัญของการระลึกถึงผู้ตายตามหลักพุทธศาสนาถูกกลบลบหายไปภายใต้รูปแบบต่างๆ ที่นับวันมีแต่จะพิสดารขึ้นเรื่อยๆ การเรียนรู้ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านเหตุการณ์อัฏฐมีบูชา อาจช่วยให้เรากลับมาตระหนักในความหมายของการระลึกถึงความตายที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาได้มากขึ้น

หินสลัก พระพุทธรูป และพุทธประวัติ



เมื่อเอ่ยถึงพระพุทธเจ้า ชาวพุทธในยุคปัจจุบันย่อมเข้าใจในทันทีว่าหมายถึงพระศากยมุนี พุทธโคดม และพระพุทธรูปปางต่างๆ คือสัญลักษณ์แทนพระองค์ แต่หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนานับแต่หลังพุทธกาล เราจะสังเกตเห็นว่า ความเข้าใจต่อพระพุทธเจ้าในแต่ละยุคสมัยมีความแตกต่างกันไปตามความเปลี่ยนแปลงของสังคม ผ่านศิลปวัตถุและวรรณคดีพุทธประวัติในยุคต่างๆ



การระลึกถึงพระพุทธเจ้าในช่วงหลายร้อยปีแรกหลังพุทธกาล ชาวพุทธจะนึกถึงพระองค์ในลักษณะบุคลาธิษฐานที่เป็นนามธรรม ไม่ได้ระลึกถึงในลักษณะตัวบุคคลในประวัติศาสตร์ การสร้างรูปเคารพถึงพระองค์จึงเป็นสัญลักษณ์แทนเหตุการณ์ต่างๆ ดังปรากฏในภาพพุทธประวัติจากหินสลัก อันเป็นศิลปวัตถุที่สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในประเทศอินเดีย ช่วงปี พ.ศ. ๓๐๐-๗๐๐ ปี เช่น ดอกบัวหรือช้าง แทนเหตุการณ์ประสูติ ต้นโพธิ์แทนเหตุการณ์ตรัสรู้ และรูปสถูปแทนเหตุการณ์ปรินิพพาน เป็นต้น ซึ่งท่านพุทธทาสมีความเห็นว่า “แสดงความสูงในทางจิตใจของพุทธบริษัทแห่งยุคนั้น ยิ่งกว่าในยุคนี้, จึงไม่ทำรูปของพระพุทธองค์ในลักษณะที่เป็นรูปมนุษย์ ซึ่งเป็นการแสดงความเขลาและความขลาดออกมาในที่สุด, แต่ได้แสดงด้วยสัญลักษณ์ที่ทำขึ้นเฉพาะเหตุการณ์นั้น ๆ ในพระชนม์ชีพของพระองค์ อย่างมีความหมายลึก ชนิดที่รูปภาพคนแสดงเช่นนั้นไม่ได้”



กระทั่งต่อมาในสมัยของพระเจ้าเมนันเดอร์ (มิลินทร์) กษัตริย์เชื้อสายกรีกยกทัพเข้ามายึดครองแคว้นคันธาราฐแล้วต่อมาเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงนำธรรมเนียมการสร้างรูปเทวรูปจากกรีกมาสร้างรูปเคารพของพระพุทธเจ้าในลักษณะของบุคคลขึ้นเป็นครั้งแรกในราว พ.ศ. ๕๐๐ กระทั่งกลายเป็นธรรมเนียมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
   ...
   ความเข้าใจของผู้คนต่อพระพุทธเจ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ใช่แต่จะพบเห็นได้ในด้านศิลปวัตถุเท่านั้น เรายังพบเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างชัดเจนผ่านงานเขียนพุทธประวัติในแต่ละยุคที่มีความแตกต่างกัน นับตั้งแต่ในพระไตรปิฎก กล่าวคือ แม้ว่าหลักคำสอนของพุทธศาสนาที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกจะเล่าเรื่องผ่านพระพุทธองค์ แต่เป็นการเล่าเหตุการณ์เพื่อมุ่งแสดงธรรมเป็นสำคัญ การจัดลำดับเรื่องราวจึงเป็นไปเพื่อความสะดวกในการศึกษาธรรมะไม่ได้เรียงตามลำดับเวลาในชีวิตของพระองค์ กระทั่งต่อมาอีกนานนับร้อยปี ท่านอัศวโฆษจึงประพันธ์ พุทธจริต เป็นพุทธประวัติที่สมบูรณ์ในรูปบทกวีฉบับเก่าแก่ที่สุด และมีผู้เรียบเรียงพุทธประวัติต่อมาอีกหลายสำนวน ทั้งในฝ่ายเถรวาทและมหายานแพร่หลายไปในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธรวมถึงประเทศไทยด้วย

[jainu]

ในประเพณีของพุทธแบบเถรวาทแต่โบราณ พระพุทธเจ้าจะมีลักษณะเป็นสภาวธรรม และการเขียนพุทธประวัติจะเป็นเรื่องของพัฒนาการทางจิต ผ่านการสั่งสมบุญบารมีมาอย่างยาวนานจนบรรลุสัจธรรม โดยมีพระโพธิสัตว์ในพระชาติต่างๆ เป็นตัวเดินเรื่องหลัก ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับประวัติของพระพุทธโคดมเท่าใด ดังคัมภีร์พุทธประวัติของลังกา เช่น พุทธวงศ์ ชินาลังการ์ ชินจริต รวมถึงคัมภีร์ไทยโบราณ เช่น มูลศาสนา หรือ สังคีติยวงศ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ อาจกล่าวได้ว่า พุทธประวัติในสายตาของคนสมัยก่อนเป็น “ธรรมประวัติ” มากกว่า “ชีวประวัติ”
   แต่ทัศนะที่มีพุทธประวัติในสังคมไทยมีการเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่ออิทธิพลทางความคิดแบบวิทยาศาสตร์จากตะวันตกที่เชื่อแต่ความจริงในเชิงประจักษ์ด้วยอายตนะห้า (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) เข้ามาแทนที่โลกทัศน์แบบไตรภูมิที่เชื่อในเรื่องนรก สวรรค์ และนิพพาน มากขึ้นเป็นลำดับ การมองพระพุทธเจ้าในฐานะที่เป็นมนุษย์เป็นทัศนคติที่ใหม่มากในยุคต้นรัตนโกสินทร์ ยิ่งการเห็นพระองค์เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ สามารถระบุวัน เวลา และสถานที่เกิด ตาย ได้แน่นอน เพิ่งมีในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นครั้งแรก





ดังจะเห็นได้จากพุทธประวัติในยุคใกล้ๆ กัน เช่น ปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปจากประเพณีการเขียนแต่เดิม การย้อนอดีตกล่าวถึงพระโพธิสัตว์ในชาติก่อนๆ ถูกแทนที่ด้วยย้อนอดีตของพระเจ้าสุทโธทนะ และมีการลำดับเวลาตามที่เป็นจริงในโลก ได้แก่ การระบุปีพรรษาของเหตุการณ์ต่างๆ แทนที่เวลาที่อยู่เหนือโลกอย่างอสงไขย กัปกัลป์ เป็นต้น
   ต่อมา สมเด็จพระสังฆราช (สา) ศิษย์เอกของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะที่เป็นวชิรญาณภิกขุ ทรงพระนิพนธ์ ปฐมสมโพธิ โดยตัดทอนเรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆ ออก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทวดาดีดพิณ ๓ สาย หรือเรื่องพญามารมาทูลให้ปลงอายุสังขาร
   ส่วน พุทธประวัติ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงพระนิพนธ์ในสมัยต้นรัชกาลที่ ๖ ซึ่งสังคมไทยเปิดรับโลกทัศน์และวิธีคิดแบบตะวันตกเข้ามาอย่างเต็มที่แล้ว นอกจากจะแทนที่โครงเรื่องแนวประเพณีด้วยข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อินเดียในสมัยก่อนพุทธกาล และพระพุทธเจ้าเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์แล้ว ยังทรงวิพากษ์วิจารณ์การเขียนพุทธประวัติแบบเก่า และให้คำอธิบายเรื่องปาฏิหาริย์ด้วยหลักเหตุผลและข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อีกด้วย





ระลึกถึงความตายที่ไม่เหมือนเดิม
   โลกทัศน์ของผู้คนในยุคหลังจากรับอิทธิพลทางความคิดแบบวิทยาศาสตร์เข้ามาแทนที่จักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิดังกล่าว ยังทำให้ผู้คนมีทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเวลาเปลี่ยนแปลงไป จากการมองเวลาเป็นวงกลม เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มาเป็นการมองเวลาเป็นเส้นตรง ที่เชื่อแต่เฉพาะประสบการณ์ในโลกนี้ ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับชีวิตนี้มากขึ้น โดยมุ่งแสวงหาประโยชน์ ความสำเร็จ และความสุขในปัจจุบันมากกว่าจะคำนึงถึงประโยชน์ในโลกหน้าดังแต่ก่อน


   ช่างหรือศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ ในอดีต ไม่มีการจารึกชื่อตนเองไว้ในผลงาน แม้แต่การระลึกถึงบูรพกษัตริย์ยังไม่เอ่ยถึงพระนามของท่านโดยตรง หากแต่ถวายเป็นพุทธบูชา จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าชื่อ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือ พระพุทธเลิศหน้านภาลัย ที่ใช้เรียกพระนามของรัชกาลที่ ๑ และ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนแต่เป็นชื่อของพระพุทธรูปที่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างถวายให้กับสมเด็จอัยกาธิราชและสมเด็จพระราชบิดาของท่าน จนกระทั่งนำมาเรียกแทนพระนามครองราชย์จนปัจจุบัน




แต่ความคิดความเชื่อดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ดังจะเห็นได้จากการสร้างรูปบูรพกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แบบเหมือนจริงไปประดิษฐานอยู่ในปราสาทพระเทพบิดรเป็นครั้งแรก ตามอย่างการสร้างรูปเคารพของชาติตะวันตก แม้กระทั่งการสร้างรูปจำลองพระสยามเทวาธิราชที่มีใบหน้าเหมือนรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระราชบิดาของท่าน นับเป็นการเปิดรับความคิดและศิลปะวิทยาการจากตะวันตกเข้ามาอย่างเต็มที่ จากนั้น ทัศนคติดังกล่าวจึงค่อยๆ แพร่หลายไปในหมู่ชนชั้นนำในสังคมไทย และส่งต่อไปยังชาวบ้านในที่สุด