|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6722 เมื่อ: มีนาคม 11, 2014, 09:59:19 AM » |
|
การวางกลยุทธการเทรดแบบคุณต้าน mudley group สำหรับเพื่อนที่สนใจระบบแบบสะสมหุ้น กินปันผล สร้างกระแสเงินสด เอาไปดัดแปลงใช้กับกองทุน LTF RMF ได้ครับ เข้าเรื่องดีกว่า พื้นฐานของตลาดนั้นประกอบไปด้วยแค่ 2ส่วนเท่านั้น คือช่วงที่เป็น Swing กับ Trend Swing คือช่วงที่ตลาดมีทิศทางไม่แน่นอน Trend คือ ช่วงที่ตลาดได้กำหนดทิศทางที่แน่ชัด และคนมักจะขาดทุนกันและขายหมู มากที่สุดในช่วงนี้
คราวนี้เราจะรู้ได้ไงเมื่อไรมันเป็น Trend หรือ Swing คำตอบคือ ไม่รู้ ดังนั้นโมเดลเราจึงต้องออกแบบมาให้มันรับได้กับสภาวะทั้งสองแบบนี้ให้ได้นั่นเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นโจทย์ของเราที่ต้องแก้ให้ได้
โมเดลสมัยผมสะสมทุนนั้น(ช่วงสะสมทุนทำอย่างไรคราวหน้าผมมาต่อนะครับ ช่วงนี้สำคัญและต้องอดทนมาก) ผมแบ่งเป็น 4 ส่วนครับ
1. DSM สไตล์ผมอาจจะไม่ใช่ DSM แท้ ถ้าตลาด Swing ตัวนี้จะสะสมหุ้น หรือ ทำกระแสเงินสดแฝงได้ 2. ป้องกันความเสี่ยงจาก DSM 3. โมเดลตามเทคนิคโดยใช้ Moving Average ธรรมดา เอาที่มันระบุ trend ได้ทดลองหาวันที่เหมาะกับเรา อย่าบอกใครนะครับลองดู เลขไรก็ได้ที่เราคิดว่าเราดูเทรนตามง่าย การไม่ระบุเส้นออกมาเป็นการไม่ให้ใครรุ้ไพ่ในมือของเรา ไม่ให้เกิดกระแสการซื้อขายที่เส้นนั้นๆ พวก Fund จะได้จับทางไม่ได้ 4. ป้องกันความเสี่ยงจากเทคนิคง่ายๆของเรา
สมัยนี้ยิ่งสามารถรันโมเดลแบบนี้ได้ง่าย เพราะผมเห็นบางโบรกไม่มีค่าคอมขั้นต่ำ ยกตัวอย่างนะครับ สมมุติผมจะเล่นกับ TDEX แบ่งส่วนล่ะ 100 หุ้นแล้วกันไม่มีเงินเยอะ ผมตั้งระดับราคาไว้แล้ว ถึงจุดซื้อ DSM สไตล์ของผม 1 และ 2 ก็จะเข้าตลาด 200 หุ้น หากมีกำไรส่วน 100 จะขายออกมาทำกำไรทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้อีกส่วน 100 นั้น และถ้าสัญญาณเทคนิคง่ายๆของผมบอกให้ซื้อ 200 ของผมก็จะเข้ามา และถ้าผมเดาถูกก็จะกำไร 100 หุ้นก็จะขายออกมาเพื่อเก็บกำไรไว้ก่อน ทุกอย่างนี้จะผสมผสานกัน เพื่อนๆต้องออกแบบให้ดี สรุปต้นทุนเช่นถ้าเป็น Tdex 400 หุ้นน่าจะอยู่ 2000 พันกว่าบาทหรือปล่าวผมไม่แน่ใจ แบบนี้คนมีเงินแค่หมื่นกว่าบาทก็วางกลยุทธ์ได้มากมายเลย อิจฉาสมัยนี้จังเครื่องมือเยอะ แถมค่าคอมถูกด้วย สมัยก่อนไม่สามารถซอยหน่วยย่อยได้ถูกแบบนี้เลย เล่นลำบากมากครับ ผมก็ใช้แบบนี้ทดสอบกับพวกดาวโจนส์รับมือไหวครับ ลองดูนะครับ วันเสาร์อาทิตย์มาแลกเปลี่ยนกันครับ
เพิ่มนิดหน่อยครับ 400 นี่หมายถึงส่วนย่อยนะครับ ถ้าถึงจุดซื้อตามกลยุทธ์ DSM เราต้องเข้าครั้งละ 200หุ้น และต้องมีเงินส่วน แบ็คอัพทางเทคนิคไว้อีกประมาณ 200 หุ้น ถ้า Dsm เราถึงจุดซื้ออีกก็ต้องมีอีก 200 และเราต้องมีกันไว้ทางเทคนิคอีก 200 ดังนั้นเราจึงต้องดุลระหว่าง DSM ของเราให้พอดีกับอีกส่วน เพื่อให้ระบบเสถียร ไม่รู้ผมอธิบายถูกวิธีหรือป่าว มันยากจังอธิบายเป็นคำพูดเนี่ยต้องขอโทษด้วยนะครับ
จากคุณ : MudleyGroup - [ 21 ส.ค. 51 23:27:34 ]
สวัสดียามเช้าครับ พอมีเวลาบ้างเริ่มเข้าสู่ทฤษฎีแล้วกันนะครับ ผมเคยอัพโหลดไฟล์ให้เพื่อนๆคราวที่แล้ว เพื่อนท่านใดที่ได้ไปก็ส่งๆต่อกันแล้วกันนะครับ จริงไม่ต้องอ่านก็ได้ครับเพียงเพื่อให้เห็นว่ามันเป็นข้อความจริงที่หลายคนมองข้ามไป แม้กระทั่ง Fund manager เอง และ พิสูจน์ได้ในหลักของคณิตศาสตร์ ที่ผมย้ำเรื่องกลยุทธ์และหลักการบริหารการเงินนั้นมันสำคัญมากจริงๆสำคัญจนทำให้คนที่ Trading skill สูงๆไม่สามารถต่อยอดได้ และหากเราเข้าใจ concept นี้ต่อให้ fund ที่มีเป็นพันล้านเหรียญก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ และอีกหน่อยถ้าทุกคนพัฒนาและต่อยอดไปได้ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะขอคืนจากพวกนี้ครับ พวกนี้ไม่ได้ทำอะไร แต่ใช้กลไกทางทุนนิยมเอาเปรียบพวกเรามาโดยตลอด ทั้งๆที่เราเป็นเจ้าของปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีพจริงๆของมนุษย์หลายๆอย่างแต่กับเสียเปรียบ
- -" นอกเรื่องไปเศรษฐศาสตร์เสียงั้น
ความโลภนั้นบังตาเราได้อย่างไรบ้าง หลายคนอาจจะคิดว่าเราไม่โลภแต่ผลพิสูจน์ทางจิตวิทยาออกมาสิ่งที่มีอยู่ลึกๆในตัวเราทุกคนคือความต้องการ เพียงแต่แตกต่างกันในแง่ของปริมาณ และ คุณภาพ
ความเชื่อแรก ผลกำไรทบต้น หากมีระบบที่เทรดที่ดี คงเคยเห็นที่ว่า เราลงทุน 100 ได้ 10% ก็เป็น 110 แล้วนำไปลงทุนต่อจะกลายเป็น 121 ไรแบบนี้ทบไปเรื่อยๆ ทำให้เราพยายามนำกำไรที่เราทำได้ มารวมเป็นทุนเราอยุ่เสมอ เพื่อจะทบไปแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เรา Turn winning system in to a losing system ได้โดยไม่รู้ตัวครับ (หลักการพิสูจน์อยู่ในหนังสือครับหน้า 20 เนื่องจากกำไร ขาดทุนนั้นเป็น บริมาณ% และปริมาณเงินที่เราลงเพิ่มจะส่งผลให้เกิดปริมาณ % ขาดทุนที่เพิ่มตาม ) นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่มี System ที่ดีแต่ไม่สามารถหากินใน Long run ได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจะต้องทำระบบ ให้เป็น fix หน่วย unit คล้ายๆกับ DSM นั่นเอง ถึงแม้ว่าราคาของสินทรัพย์จะไม่คงที่แต่ก็จะลดผลกระทบของเหตุการณ์นี้ได้
การเล่นเป็น Unit fix แบบหลักการ 400 Unit ของผมนั้นมันมีประโยชน์อย่างไร สมมุติคนที่มีเงิน 50,000 กว่าบาท เราจะมี Unit ถึง 10,000 Unit แบ่งเป็นกองๆ กองล่ะ 400 ได้ถึง 25 หน่วยแน่ะ ซื้อขายได้ตลอดกาลเลย ถ้าวางหลักการกรอบซื้อขายดีๆ พวก fund เองก็กดดันไม่ได้ คราวนี้เสร็จเราแน่ครับ บางคนบอกว่าโหผลตอบแทนน้อยจังเมื่อไรจะมีเงินเยอะๆ อย่างที่บอกครับถ้าเรามองผลตอบแทนในเทอมของ short run เนี่ยมันก็แย่จริงๆ แต่การที่เรามีหน่วยย่อยเยอะ มันทำให้ระบบเราสามารถทำเงินได้ตลอดเวลานั่นเองไม่ว่าตลาดจะเป็นแบบไหน แล้วอีกหน่อยพอ เช่นเรามีเงินเพิ่มเป็นแสน ระบบหน่วยย่อยของเรา จาก 400 ก็ อาจจะกลายเป็น กองล่ะ 800 ก็ได้ ต้องพยายามและอดทนจะเห็นผลครับ ไว้มาต่อวันหยุดแล้วกันนะครับ
**ความรุ้ที่ผมมีอาจจะไม่ได้ช่วยมือเก่าๆหลายท่านสักเท่าไร แต่ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องหน้าใหม่ เพื่อไม่ให้เสียรู้กับเกมการเงินในระบอบทุนนิยมครับ **
จากคุณ : MudleyGroup - [ 22 ส.ค. 51 09:20:30 ]
** แนวคิดนี้เป็นเพียงความรู้อันน้อยนิดและประสบการณ์ เท่าที่ผ่านมาในเกมส์การเงิน ของผม อยากให้เพื่อนๆที่สามารถใช้ประโยชน์สามารถนำไปต่อยอดได้ ถ้าหากแนวความคิดไม่ตรงกันกับเพื่อนๆพี่น้องๆบางท่าน กรุณาอย่าถือสา **
ต้องขอโทษด้วยนะครับเวลาผมน้อยจริงๆ แต่ก็จะพยายามเข้ามาครับ
ที่ผมเน้นเรื่องการแบ่งหน่วยย่อยให้เล็กที่สุดก็เพื่อ "ฝึกไม่ให้ตัวเองลงทุนเกินตัว "สังเกตมั้ยครับว่ากองทุน หรือ ต่างชาติ ซื้อขายกันเกือบทุกวันเค้าทำอะไรกัน ผมหมายถึง Fund ที่มีกลยุทธ์แน่นอนนะครับพวกนี้สามารถทำธุรกรรมได้เกือบทุกวันโดยพยายามหารายได้เล็กๆน้อยเข้ากระเป๋า เพราะว่าเค้าจัดการแบ่งหน่วยย่อยของเค้าไว้แล้วนั่นเอง โดยเฉพาะเฮดจ์ฟัน ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาบังคับเหมือนกองทุนทั่วไป เช่น ว่าต้องถือเงินสดเท่าไร ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้น สมมุติว่าผมได้เงินบริหารมา 5,000 ล้าน ผมก็ต้องพยามแบ่งหน่วยย่อยของผมออกไปต่อสู้ บางทีเราเห็นออเดอร์ล็อตนึง 50 ล้านบาทเคาะเข้ามา เราก็อาจคิดว่า โหว ....มีออเดอร์ล็อตใหญ่เข้ามาต้องไปได้สวยแน่ๆ ความจริง 50 ล้าน เป็นแค่ 1 ใน 100 ของเค้า แล้วถ้าเกิดกระแสมีคนเข้าซื้อตาม เค้าก็สามารถทำกำไรส่วนป้องกันความเสี่ยง โดยอาจจะดึงเงินออกมาครึ่งหนึ่งเช่น 25 ล้าน + กำไร เก็บไว้เป็นกองหลังยามฉุกเฉิน อีกส่วนหนึ่งบางทีเค้าไม่สนใจด้วยซ้ำ เพราะหากตลาดผิดคาดส่วนกองหลังเค้ายังมีให้เค้ามาเล่นอีก และถ้าตลาดยังไปได้อีกเค้าก็มีส่วนถือกำไรไปได้เรื่อยๆ ผมพยายามไม่ลงลึกในแง่ของการจัด Portfolio นะครับ เพราะไม่จำเป็นเลย เราแค่เข้าใจ concept แนวคิดของ fund พวกนี้ก็พอ
ก่อนจะวางกลยุทธ์เรามาดูในแง่การกระจายความเสี่ยงของพวก fund กองโจรพวกนี้กันบ้าง พวกนี้เน้น Game Theory มาก ดังนั้นสังเกตเค้าจะมองที่กระเป๋าเงินเป็นหลัก ยกตัวอย่าง เค้าจะไม่กระจายความเสี่ยง เช่น ลง หุ้นรายตัว หมวดพลังงาน หมวด Bank เพราะอะไร เค้ามองว่าตลาดเดียวกันก็ กระเป๋าเงินเดียวกัน เงินหมุนไปหมุนมาจาก Player ในตลาดด้วยกันเองนี่ล่ะ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยง พวก Global Macro พวกนี้ก็จะไปลง เช่น หุ้น (นักลงทุนโดยมากจะเป็นประชาชนทั่วไป) ทองคำ(พวกจิวเวอร์รี่ พวกเหมือง ) น้ำมัน (พวกบริษัทน้ำมันที่ต้องการป้องกันความเสี่ยง ) เป็นต้น เพราะผู้เล่นซึ่งเป็นกระเป๋าเงินหลักคนล่ะกลุ่มกัน อาจจะมีบ้างที่มาเล่นหุ้นรายตัวแต่นั่นไม่ใช่กลยุทธ์หลัก
แน่นอนครับการเป็น Value investment เป็นสิ่งที่ดี และบุคคลที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้ก็เป็นคนที่ร่ำรวยมาก (มนุษย์จะมองที่คนได้ผลลัพธ์สูงสุดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเสมอ) แต่ถ้าเราเปิดใจกว้าง เก็บรายละเอียดทุกคนที่ประสบความสำเร็จในเกมการเงิน หรือ ถ้ามี Research House กล้าออกมาทำวิจัยนะครับ ว่าแนวทางไหนกันแน่ที่ดีที่สุดสำหรับเกมการเงินนี้อาจจะต้องตกใจเพราะมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด หรือ เรียนๆกันมา และความจริงคนส่วนมากก็อาจจะรับไม่ได้ที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่หลายคนนั้นมาจากหลายแนวทาง เช่น การพนัน คณิตศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา โดยที่ Value investment กับ Technical Analysisไม่ได้อยุ่ในอันดับที่สูงสักเท่าไร บทวิจัยของพวกเฮดจ์ฟันอาจจะทำผิดก็ได้ใครจะไปรู้ โดยที่ผลตอบแทนสูงสุดมาอยู่กับคนที่ลงทุนในรูปแบบ Value investment นี่คือ Game Theory ครับ แนวทางที่ดีสุดจะไม่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดแต่สามารถสำเร็จได้ง่าย ส่วนแนวทางที่เข้าถึงได้ยากหรือมีโอกาสสำเร็จยากก็จะให้ผลตอบแทนสูงมาก ถ้าเราทำสำเร็จ นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเลือกเส้นทางก่อนในการที่จะเล่นเกมส์นี้ครับ จะเลือกผลตอบแทนสูงแต่โอกาสเข้าถึงก็ยากหน่อย หรือเลือกแบบง่ายๆแต่โอกาสจะทำผลตอบแทนเป็นแบบบัฟเฟต หรือ โซรอส ก็น้อยลงตาม
ส่วนการเลือกเส้นทางต่อมานั้นอยู่ที่เพื่อนๆทุกคนจะตัดสินใจครับ มุมมองและความเชื่อของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีถ้าเราเปิดใจกว้างแล้วแชร์แนวความคิดกัน ย้อนกลับมาสู่ยุคของปรัชญากันดีกว่า แนวคิดปรัชญาแต่ล่ะคนไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มีแต่คำว่า อ๋อ...นายมองงี้เองหรอ เราจะลองมองดูบ้าง ถ้าไม่เหมาะกับเรา มันก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าเหมาะก็ดีเราจะได้ย่นเวลาบางส่วนแล้วพัฒนาแนวคิดต่อไป สมัยนี้ใครคิดไม่ตรงกันก็นายน่ะหล่ะผิด นายต้องทำแบบนั้นถึงจะถูก แล้วก็มาทุบตีกัน
มาดูแนวคิดของผมก่อน ผมมองว่า ETF มันเหมาะกับมือใหม่อย่างไร - ค่าคอมถูก แถมบางโบรกไม่มีค่าคอมขั้นต่ำเวลาเล่นทาง net --- นั่นคือต้นทุนในการทำสงครามต่ำ - วางแผนง่าย ไม่ขึ้นก็ลง ไม่ต้องลุ้นหลายชั้น - เม็ดเงินมาจากหลายส่วน หนึ่งมาจาก Market makerส่วนหนึ่งที่ต้องพยายามรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับดัชนี ไม่ต้องกลัวว่าเก็บไปจนเยอะอีกหน่อยแล้วเจ้าจะไม่ลากขึ้น สมัยก่อนผมจำได้เก็บสะสมหุ้นจนเยอะ แล้วสภาพคล่องหายไปคราวนี้ เศร้าเลย -*- มาดูข้อเสีย ทุกอย่างมีสองด้าน - ผลตอบแทนน้อย เมื่อเทียบกับหุ้นรายตัว อาจไม่ทันใจวัยรุ่นใจร้อน
คราวนี้ดูการวางแผนพอร์ตกันบ้างครับ สมมุติเรามีพอร์ต 50,000 บาท อาจจะมีกองหลังบ้างเล็กน้อยกรณีมันเป็นขาขึ้น budget เราอาจขาดนิดหน่อย ก็เปรียบเสมือนพอร์ต 50,000 ล้านนั่นเอง แล้วทีนี้กองทุน 5,000 ล้านจะสู้เราได้ไง วิธีนี้เค้าเรียก fraction Trading การต่อสู้โดยสัดส่วน ที่นี่เราแบ่งเป็น 100 ส่วนเช่นกัน ส่วนล่ะ 500 บาท แบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้ A.กองทหาร DSM 25 กอง 500*25 = 12,500 หรือโดยประมาณ 2500 หุ้น กรณีเป็น ETF นั่นเอง B.กองทหารคุ้มครอง DSM 25 กอง 500*25 = 12,500 C.กองทหาร รบแบบกองโจร (Technical) 25 กอง 25*500 = 12,500 D.กองทหาร อารักขากองโจร 25 กอง 25*500 = 12,500
สมมุติ เป้าหมายเราคือ SET 50 กำหนดกรอบการเทรดคร่าวๆ ก่อน เพื่อวาง DSM plan สมมุติเรามองกรอบของ SET 50 อยุ่ที่ 400 – 600 ก็จะมีกรอบการรบอยุ่ที่ 200 จุด เรามีกองรบอยู่ทั้งหมด 20 กว่ากอง โดยประมาณ ก็จะได้ สนามรบกองล่ะ 10 จุด ตัวอย่างเช่น
ถ้าดัชนีลงมาที่ 480 จุด กองทหาร A (1) จำนวน 100 หุ้น และ B (1) จำนวน 100 หุ้น ก็จะเข้าสนามรบทันที หากกำไรภายในวันนั้นๆกองทหาร B (1) 100 หุ้น ก็จะ Take profit ออกมาทันที หากดัชนีไปที่ 490 กอง A (2) จำนวน 100 หุ้น B (2) 100 หุ้น อีกหน่วยก็จะเข้ามารบอีกเป็นต้น และถ้าในวันนั้นๆได้กำไรกอง B (2) ที่ประกบกอง A (2) จะออกมาข้างนอกเช่นกัน และถ้าดัชนีไปยืนที่ 500 กอง A (1) ที่เคยคุม Zone 480 ก็จะออกจากสนามรบทันที ลักษณะแบบนี้เค้าเรียกว่า Trading Zone นั่นเอง ส่วนถ้าหุ้นตกลงมาเรื่อยๆล่ะเราก็ต้องเล่นตาม Level ของเราอยู่ดี เพราะส่วนของ DSM คือทหารที่รบแบบวินัยสำคัญมากต้องทำตามวินัยไม่สนใจว่าตลาดจะเป็นแบบไหน
ส่วนกอง © และ (D) จะเข้าก็ต่อเมื่อได้รับสัญญาณทางเทคนิค จะใช้เทคนิคตัวไหนก็ได้เอาที่มันระบุเทรนได้ดีหน่อย เช่น Moving Average เป็นต้น ยกตัวอย่างผมใช้ Moving Average ถ้าราคายืนบนเส้นค่าเฉลี่ยรายวันที่ผมชอบได้ ผมก็จะส่ง C (1) D (1) เข้าไป หากผมเดาถูกก็จะได้กำไร ผมก็จะถอน ตัว D (1) ออกมาก่อน ส่วน C(1) รอจนกว่าจะมีสัญญาณออก หากผมเดาผิดช่างมัน รอสัญญาณซื้อถัดไปค่อยส่ง D (2 ) C ( 2) มาใหม่ เป็นต้น
** ข้อสำคัญการเล่นแบบนี้ไม่ใช่การเล่นแบบปกติ หรือ เก็งกำไร แต่เป็นการเข้าครอบครองพื้นที่เป็น Zone ดังนั้นไม่ควร Cut Loss เด็ดขาด เพราะเราได้แบ่งหน่วยย่อยเป็นหน่วยที่เล็กมากแล้ว ** ** B และ D หากได้กำไร ให้ถอนออกมาก่อนจะปิดตลาด เมื่อไรที่ตลาดปิดเมื่อนั้นจะเกิดความเสี่ยงในวันถัดไป ซึ่งเราไม่รุ้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ** ** อาจจะเห็นว่าซื้อขายนิดเดียวไม่ทันใจวัยรุ่น หรือผลตอบแทนไม่เยอะ แต่หัวใจสำคัญของแนวทางนี้คือ การกินไปเรื่อยๆระยะยาวครับ **
A เป็นการฝึกวินัย B เป็นการฝึกสัญชาตญาณในการเทรด ในการหาจุดออกทำกำไร ใน Zone C เป็นการฝึกอ่านกราฟ เทคนิคคัล Skill รวมทั้ง Trading Skill D เป็นการฝึกสัญชาตญาณในการเทรด ในการหาจุดออกทำกำไร
**เมื่อเราฝึกไปตามแนวทางนี้บ่อยๆ เราจะตกใจเหมือนกับที่มืออาชีพหลายๆคน ว่า เทรดหุ้นง่ายกว่าทอดไข่ เสียอีก ถ้าหากเราไม่ลงทุนเกินตัวของเราครับ ที่หลายคนพลาดก็เพราะลงทุนเกินตัว การลงทุนเกินตัวไม่ได้หมายความว่าเราลงเงินเยอะนะครับ หากแต่เราเข้าไปลุยในตลาดครั้งหนึ่งเป็นสัดส่วนเท่าไร หากเรามีพอร์ต 50,000 บาท แต่เราซื้อครั้งล่ะ 25,000 แบบนี้ก็เท่ากับเราเป็นนักพนันครับ ลงครั้ง 50% ของ Budget เลย **
เนื่องจากผมพยามสรุปย่อจากประสบการณ์ส่วนตัวและ สมการคณิตศาสตร์หากเพื่อนๆท่านใดสงสัยหรือไม่เข้าใจ ก็ถามได้นะครับ แชร์ความรู้กัน
จริงๆผมตั้งใจจะไปมิตติ้งใหญ่ของสินธรเหมือนกัน ถ้าไม่โดนสั่งย้ายไปไหนเสียก่อนนะครับ อิอิ ไว้เจอกันครับ หรืออีกหน่อยถ้าจะจัด Session ย่อยๆกัน ก็น่าจะเป็นช่วงผมอายุสัก 32 (โอลิมปิกครั้งหน้า) ผมก็จะวางอาวุธลงแล้วมาให้เวลากับครอบครัวแทน อาจจะเน้นเป็นแค่กุนซืองานเบาๆแทน ตอนนั้นคงมีเวลาเจอเพื่อนๆในพันทิพ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และจะไปอาศัยฝากท้องกับทุกคนเลยครับ อิอิ
จากคุณ : MudleyGroup - [ 24 ส.ค. 51 18:52:37
ส่วนถ้าเราเล่นเป็นระบบแบบนี้แล้ว อีกหน่อยอยากจะขยับขยายไปสะสมอะไร ก็ไม่ยากครับ กำไรจากระบบจะสะสมในสินทรัพย์ตัวเดิม หรือ ตัวใหม่ก็ได้ เพื่อนลองต่อยอดดูนะครับ อย่างที่ผมบอกนะครับ สิ่งสำคัญอันดับแรกเลย 1. Money Management สามารถเปลี่ยนผู้แพ้ระยะสั้นๆเป็นผู้ชนะในระยะยาวได้ ส่วนผู้ชนะในระยะสั้นหากไม่รู้จักวิธีนี้ ก็จะกลายเป็นผู้แพ้ในระยะยาว 2. วินัย เมื่อเรามีวินัยในการฝึกฝนอะไรก็แล้วแต่ โดยเราใช้เวลาอยุ่กับสิ่งนั้นได้นาน เพราะมีกฏข้อ 1 มาช่วย ก็จะทำให้เรามี Skill เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ต่างกับนักดนตรี หรือนักกีฬา ที่มีโอกาสฝึกฝนตัวเองอยุ่เสมอ บางคนไม่มีโอกาสฝึกฝนเพราะต้องเจ็บตัวออกจากตลาดเร็วไป 3. สัญชาตญาณ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งจำเป็นอย่างมาก กรณีเราต้องออกไปต่อยอดในตลาดที่มีผู้เล่นที่เชี่ยวชาญมากๆ Skill จะไม่แตกต่างกันสักเท่าไร แตกต่างกันที่ สัญชาตญาณนี่หล่ะครับ
ขอให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จนะครับ ติดขัดตรงไหนขอให้ช่วยเหลือกัน ระดมความคิดนะครับ ต้องปลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6726 เมื่อ: มีนาคม 12, 2014, 11:25:12 AM » |
|
Dkk
สวัสดียามเช้า ก่อนอื่นเลย จากข่าวเก่าชิ้นนี้
นายกยูเครนยันมติสภาไครเมียขอแยกปท.ผิดกม. ข่าวต่างประเทศ วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2557 7:00น.
นายกรัฐมนตรี รักษาการยูเครน ออกมาแถลงว่า มติแยกดินแดนของรัฐสภาเขตปกครองตนเองไครเมีย เพื่อขอกลับเข้าไปอยู่กับรัสเซีย เป็นเรื่องผิดกฎหมาย สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน นายอาร์เซนี ยัตเซยุค นายกรัฐมนตรีรักษาการของยูเครน แถลงข่าวหลังจากการเจรจากับบรรดาผู้นำอียู ในการประชุมฉุกเฉินฉุกเฉินเรื่องวิกฤติยูเครนว่า มติของรัฐสภาเขตไครเมียในการแยกเขตไครเมียไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียนั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดกฎหมาย และกล่าวเพิ่มเติมว่าขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลรัสเซียว่า อย่าสนับสนุนการแบ่งแยกประเทศ
ทั้งนี้ ส.ส.ที่สนับสนุนรัสเซียในเขตไครเมีย ยื่นข้อเรียกร้องไปยัง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และกล่าวว่า พวกเขาจะจัดการแสดงประชามติแยกดินแดนในวันที่ 16 มีนาคม นี้
ขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ในคาบสมุทรทะเลดำอยู่ต่อไป โดยการจัดการแสดงประชามติดังกล่าวซึ่งขยับมาจากแผนการเดิมวันที่ 30 มีนาคม จะถามด้วยว่าประชาชนต้องการกลับไปใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี2535 ที่ให้สิทธิ์เขตไครเมียปกครองตนเองหรือไม่
และในประโยคที่ว่า " ทั้งนี้ ส.ส.ที่สนับสนุนรัสเซียในเขตไครเมีย ยื่นข้อเรียกร้องไปยัง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และกล่าวว่า พวกเขาจะจัดการแสดงประชามติแยกดินแดนในวันที่ 16 มีนาคม นี้ " จึงทำให้ความตึงเครียด ระหว่าง รัสเซีย กับ สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป มีอยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะรู้ผลประชามติที่จะลงมติกันในวันอาทิตย์ แน่นอนสิ่งนี้ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเก็งราคาทองขึ้นจากเหตุฯ ที่ว่ามา จนสุดแนวต้านที่ $1354 และก็จะมีบางพวก ขายทำกำไรจนสุดแนวรับที่. $1338 การผันผวนก็ยังมีต่อไปอีกสักระยะ แต่จะเป็นยังไงในที่สุด อาทิตย์หน้าคงเห็น " ซื้อจากเหตุการณ์ที่คาดคิดว่าจะเกิด จะเป็น ( ข่าวลือ. ) และ ขายเมื่อเหตุการณ์ปรากฎแล้ว " เพราะ ฉะนั้น Buy on Rumour and Sell in Fact. ต้องติดตามในอาทิตย์หน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6727 เมื่อ: มีนาคม 13, 2014, 08:41:27 AM » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2014, 09:24:49 AM โดย jainu »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6732 เมื่อ: มีนาคม 18, 2014, 07:55:45 PM » |
|
boylesGOLD ทองหาจุดเปลี่ยนเทรนสำหรับการเล่น short สำหรับข้อมูลพื้นฐาน ยัง focus short ตามแนวต้าน
ทองปัจจุบันอยู่ zone short หมด ให้หาจุดเปลี่ยนเทรนในการเล่น short
ส่วน astro บอกช่วงวันที่ 24 มีนาน่า shortwww.facebook.com/bigmoveclubห้องสมุดข้อมูล ข่าวสำคัญ Stocks, Commodities, Finance เทคนิค Technique Trade หุ้น สรุปความรู้ต่างๆ เพื่อทบทวนและศึกษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6733 เมื่อ: มีนาคม 19, 2014, 09:01:47 PM » |
|
boyls/b]ทองที่เรา Focus short ตามต้นอาทิตย์ มาจนถึงวันนี้ก็ลงแรงทีเดียวเลยนะครับ ลงมา 35 เหรียญแล้ว เข้าใจว่า break แนวสำคัญแล้ว ต่อไปจะเป็นช่วงจังหวะที่สอง ตามที่สอนไปคือ การหาตำแหน่ง rebound short ต่อครับ
แนวรับกราฟ week 1354 1338 ต้าน day 1365, 1376 แนวรับ ichi 1350 1336 คาดหวังการ rebound แรงแถวแนวนี้ เรายังเทรดเหนือเมฆมีโอกาสรีบาวน์ที่แนวรับก่อน แล้วค่อยกลับไป short ที่ต้าน
ไม่ได้ post กราฟนะครับ ขี้เกียจ Capture -.-! แก้ไขโดย boyles, วันนี้, 10:49 AM. www.facebook.com/bigmoveclub ห้องสมุดข้อมูล ข่าวสำคัญ Stocks, Commodities, Finance เทคนิค Technique Trade หุ้น สรุปความรู้ต่างๆ เพื่อทบทวนและศึกษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #6734 เมื่อ: มีนาคม 19, 2014, 09:04:25 PM » |
|
MOR LEKดูเล่นๆครับ เขาว่ามันยังอยู่ในขาขึ้นอยู่
http://www.321gold.c...n_s_031814.html Mike Maloney 17 มีนาคม
Will we see a golden cross for gold this week?
The 50-day moving average closed less than $10 below the 200-day moving average this past weekend. so long as gold does not fall below $1,300 this week, we should see gold making a golden cross by the end of this week. (ถ้าอาทิตย์นี้ราคาไม่หลุด 1300 จะเกิด Golden cross)
If you go back to 2000, a golden cross in gold is followed on average by a 50 percent rally lasting on average 15 months. In other words, approx. $ 2000.00 oz gold by 2015. When you really want it , there will be none to be had...Jim Rickards
At bottoms the charts will always say the market is going lower. And at tops the charts will always say the market is going higher.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|